“เรียนรู้นวัตกรรมเพื่อรักษาความปลอดภัยในรูปแบบการทำงานจากที่ใดก็ได้ สำหรับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของโลก ที่จะช่วยให้องค์กรสามารถปรับกลยุทธ์ด้านการรักษาความปลอดภัย พร้อมทั้งเร่งจัดการการเปลี่ยนแปลงสถานที่ในการทำงาน เพื่อรองรับการทำงานรูปแบบใหม่ในอนาคต
องค์กรชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีการตอบสนองในปรับเปลี่ยน และพยายามที่จะปรับตัวเป็นรูปแบบดิจิทัลให้รวดเร็วขึ้น เพื่อเข้าสู่สภาพแวดล้อมในการทำงานจากภายนอกองค์กรในช่วงปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามในการปรับตัวเป็นแบบดิจิทัลอย่างรวดเร็วนี้ ทำให้เกิดช่องทางในการคุกคามทางด้านข้อมูลเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย และผู้โจมตีก็อาศัยช่องโหว่เหล่านี้เป็นโอกาสนี้ในการคุกคามข้อมูลขององค์กร และเพื่อป้องกับภัยคุกคามที่จะเกิดขึ้นบริษัท วีเอ็มแวร์ จำกัดได้ประกาศนวัตกรรมเพื่อรักษาความปลอดภัยในรูปแบบการทำงานจากที่ใดก็ได้ สำหรับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของโลก
ในขณะที่เศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังอยู่ในสภาวะฟื้นตัว และมีการขยายตัวไปยังพื้นที่ใหม่ๆ การรักษาความปลอดภัยจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องให้ความสำคัญในลำดับต้นๆ โดยกลุ่มผู้บริโภคในภูมิภาคส่วนใหญ่ (58%) ให้ความสำคัญกับการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลในระดับสูง
เมื่อเขาเหล่านั้นมีการติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลทางธุรกิจ องค์การต่างๆ จึงจำเป็นที่จะต้องทบทวนกลยุทธ์ในการรักษาความปลอดภัยเพื่อให้ข้อมูลสำคัญของลูกค้ายังคงปลอดภัย ท่ามกลางสภาพแวดล้อมในการทำงานที่มีการเข้าถึงข้อมูลจากภายนอกที่เพิ่มขึ้น
ซานเจย์เค. เดชมุค รองประธานและกรรมการผู้จัดการ VMware ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเกาหลี กล่าวว่า “การโจมตีทางไซเบอร์และการละเมิดถือเป็นความท้าทายที่เกิดขึ้นมายาวนานกับองค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มีการปฏิบัติงานที่แตกต่างกันในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ในขณะเดียวกันรูปแบบความซับซ้อนในการโจมตียังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และผู้คุกคามมองหาช่องทางใหม่ๆ ในการหาประโยชน์เหล่านี้”
“ทำให้องค์กรจำเป็นต้องมีแนวทางใหม่ที่เรียบง่าย รวดเร็ว และชาญฉลาด มีความยืดหยุ่นที่จะช่วยให้การทำงานจากที่ใดก็ได้ของพนักงานมีเสถียรภาพ และปลอดภัยจากการคุกคามดังกล่าว การเปลี่ยนแปลงสถานที่การทำงานแบบองค์รวมที่ได้รวบรวมเอา”
“ความรวดเร็ว การรักษาความปลอดภัย และความสามารถในการเข้าถึงข้อมูล อันมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับการทำงานจากภายนอกองค์กรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อีกทั้งยังจะช่วยให้เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เกิดการปรับตัวและก้าวสู่ระบบดิจิทัลในอนาคตได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย”
แฟรงค์ ดิกสันรองประธานโครงการ Security & Trust ที่ IDC กล่าวว่า “ในระหว่างการเร่งย้ายขึ้นระบบคลาวด์ การนำเครื่องมือใหม่ๆ เข้ามาใช้งาน รวมถึงการขาดความร่วมมือกันระว่างทีมรักษาความปลอดภัยกับทีม DevOps ล้วนนำพาเราเข้าสู่ยุคแห่งความยุ่งยากซับซ้อนอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน”
ซึ่งความซับซ้อนนั้น นับเป็นศัตรูของความปลอดภัยและความยืดหยุ่นโดยปริยาย ในขณะที่องค์กรต่างๆ ยังคงถูกโจมตี เพราะเรายังไม่ได้ให้ความสำคัญกับระบบความปลอดภัยเป็นอันดับแรกในการเริ่มเปลี่ยนแปลงโครงสร้างแบบดิจิทัล VMware มองหาวิธีที่เรียบง่าย มาพร้อมระบบป้องกันภัยคุกคามที่ทำงานเร็วขึ้นฉลาดยิ่งขึ้นให้กับทีมรักษาความปลอดภัย”
นวัตกรรมเพื่อรักษาความปลอดภัยดังกล่าว ประกอบด้วย
การรักษาความปลอดภัย Zero-Trust ที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อนเพื่อให้สามารถจัดการและควบคุมโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลได้ดียิ่งขึ้น: ด้วยการเชื่อมต่อนี้ ได้รวมเอาศูนย์ควบคุมการทำงานที่มีความสำคัญ อุปกรณ์ เวิร์กโหลด และเครือข่ายเข้าไว้ด้วยกัน ด้วยข้อมูลที่จำเป็นจากทุกแหล่งข้อมูลสำหรับกลยุทธ์ Zero-Trust อันชาญฉลาดที่มีความเรียบง่าย และรวดเร็วกว่า
การรักษาความปลอดภัยสำหรับการทำงานจากทุกที่ ที่ดีขึ้นกว่าเดิม โดยไม่กระทบต่อรูปแบบของการทำงาน: VMware_Anywhere Workspace ได้รวมเอา VMware_Workspace ONE, VMware_SASE, และ VMware_Carbon Black Cloud เข้าไว้ด้วยกันเพื่อช่วยให้องค์กรสามารถจัดรูปแบบของการทำงานของพนักงานในองค์กรแบบ multi-modal รักษาความปลอดภัยให้กับการทำงานที่ไร้พรมแดนได้ดียิ่งขึ้น และทำให้พื้นที่ในการทำงานเป็นแบบอัตโนมัติในสภาพแวดล้อมการทำงานรูปแบบใหม่ในปัจจุบัน
ช่วยรักษาความปลอดภัยให้กับ Data Center ได้รวดเร็วและชาญฉลาดยิ่งขึ้น: ด้วย VMware_NSX Service-defined Firewall ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถป้องกันการรับส่งข้อมูลทั้งแบบเสมือน แบบกายภาพ แบบ containerized และ แบบคลาวด์เวิร์กโหลด จากการคุกคามภายในได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยหลีกเลี่ยงความเสียหายของระบบเครือข่ายที่เกิดจากภัยคุกคามได้อีกด้วย
ช่วยการรักษาความปลอดภัยของแอปพลิเคชันสมัยใหม่ และคลาวด์เวิร์กโหลดได้ดียิ่งขึ้น สำหรับพื้นที่ในทำงานแบบไดนามิกที่มีความยืดหยุ่น: โซลูชัน VMware_Modern Apps Connectivity พร้อมนำเสนอกลุ่มของแอปพลิเคชันแบบบูรณาการที่ช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถจัดการเส้นทางการรับส่งข้อมูลบนแอปพลิเคชันแบบ end-to-end ได้จากส่วนกลางที่มีความความยืดหยุ่น ด้วยนโยบายความปลอดภัยผ่านสภาพแวดล้อมการทำงานแบบ multi-site และ แบบคลาวด์
VMWARE ทำให้การทำงานร่วมกันแบบไฮบริด เป็นเรื่องง่ายและมีความปลอดภัย
หลังจากเปิดตัว VMware_Anywhere Workspace เมื่อเดือนที่แล้ว VMware_กำลังเสริมมุมมองเพื่อรองรับการทำงานในอนาคต ด้วยการทำงานร่วมกับ Zoom Video Communications, Inc. ด้วยการนำข้อดีของโซลูชันของนวัตกรรมใหม่สามอย่างรวมไว้ด้วยกัน
ได้แก่ VMware_Workspace ONE, VMware_Carbon Black และ VMware_SASE Platform โซลูชัน_VMware Anywhere Workspace จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานจากที่ใดก็ได้ในปัจจุบัน ช่วยลดข้อขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นระหว่างระบบไอทีและพนักงานในองค์กร สร้างการปฏิบัติงานให้ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมด้วยระบบความปลอดภัยที่ดีขึ้น
ด้วยความร่วมมือกันในครั้งนี้ VMware_กำลังทำงานร่วมกับ Zoom เพื่อเปิดการใช้งานร่วมกันระหว่าง_VMware Anywhere Workspace และ Zoom collaboration platform เพื่อเพิ่มศักยภาพของแอปพลิเคชันและเครือข่ายให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความปลอดภัย เหมาะสำหรับสภาพแวดล้อมในการทำงานแบบไฮบริดมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
เพิ่มมุมมองในการจัดการและแก้ไขปัญหา: ด้วยการเข้าถึงข้อมูลในเชิงลึกของระบบเครือข่ายและอุปกรณ์ที่รองรับของผู้ใช้งาน Zoom VMware_Anywhere Workspace จะช่วยให้ไอที สามารถตรวจสอบและแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
ปรับการทำงานที่เหมาะสม: สร้างประสบการณ์ที่ดีให้พนักงานด้วยการรองรับการทำงานแบบ multi-modal บนสภาพแวดล้อมแบบไฮบริด มีการทำงานร่วมกันระหว่าง VMware_Anywhere Workspace และ Zoom ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถปฏิบัติงานได้อย่างเต็มที่ และมีประสิทธิภาพ บนอุปกรณ์ สถานที่ และเครือข่ายใดๆ ก็ได้
เพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน: VMware_Anywhere Workspace ช่วยเพิ่มการรักษาความปลอดภัยที่กว้างขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น สำหรับองค์กรที่ใช้ Zoom จากหลากหลายพื้นที่