ทรู ประกาศความพร้อม การรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ การปกป้องข้อมูล สร้างความเชื่อมั่นทุกบริการ
“ทรูยกระดับความปลอดภัยขั้นสุด เผยโฉม True dtac SECURITY ให้ลูกค้ามั่นใจยิ่งขึ้น ทั้งโครงข่าย และทุกบริการดิจิทัล พร้อมครอบคลุมทุกความปลอดภัยของลูกค้าบุคคล และองค์กร
ทรู คอร์ปอเรชั่น ประกาศความพร้อม ระบบการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ อย่างเต็มรูปแบบที่ครอบคลุมทั้งโครงสร้างพื้นฐาน ระบบเครือข่าย ระบบคลาวด์ ระบบเฝ้าระวังป้องกันภัยคุกคามอัจฉริยะ ตอบโจทย์การก้าวสู่เทเลคอม-เทคคอมปานีชั้นนำอันดับ 1 ของไทย ให้ความมั่นใจการบริการดิจิทัลลูกค้าบุคคล องค์กร มีความปลอดภัยสูงสุด
ลูกค้ามั่นใจได้เมื่อเห็นสัญลักษณ์ True dtac SECURITY
ฐานพล มานะวุฒิเวช หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการตลาด บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ทรู มีความตั้งใจจริงที่จะทำให้ลูกค้าสบายใจ ในการใช้งานเทคโนโลยีในชีวิตประจำวันได้อย่างมั่นใจ ปลอดภัยยิ่งกว่า
ซึ่งหลังการควบรวมกิจการ ได้นำความเชี่ยวชาญของทั้งทรูและดีแทค มารวมพลังเพื่อดูแลลูกค้าให้พ้นจากภัยคุกคามที่มากับโลกยุคดิจิทัล ทั้งในระดับองค์กร ระดับบุคคล”
“เพื่อการยกระดับความปลอดภัยขั้นไซเบอร์สูงสุด จึงเปิดตัว True dtac SECURITY ที่จะสะท้อนการปกป้องและดูแลความปลอดภัยทุกระบบแบบครบวงจร ตอกย้ำถึงความปลอดภัยยิ่งกว่าเมื่อมีกันและกัน Safer together ลูกค้าจะมั่นใจได้ทันทีเมื่อเห็นสัญลักษณ์ True dtac SECURITY บนสินค้าและบริการจากทรู”
“โดยทรูมีความพร้อมในระบบการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ด้วย จุดเด่น 3 ประการคือ คือ ประการแรก End-to-end Protection ป้องกันการโจมตีทางโลกไซเบอร์ครอบคลุม ครบครันทุกการใช้งานทั้งเน็ตเวิร์ค คลาวด์ และสมาร์ทดีไวซ์ รวมถึงบริการดิจิทัล
ประการที่สอง 24/7 Smart Monitoring ระบบป้องกันการโจมตีแบบทันท่วงที ดูแลความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมงแบบเรียลไทม์ การันตีคุณภาพด้วยใบรับรองมาตรฐานสากล ISO/IEC
และสาม Best-in-class Partnership ผสานความแข็งแกร่งกับพันธมิตรชั้นนำด้านเทคโนโลยีความปลอดภัยระดับโลก อาทิ บริษัท คลาวด์ สไตร์ท อินคอร์พอเรชั่น จำกัด บริษัท พาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ และบริษัท เวคตร้า เอไอ
ระบบการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ ที่ครบถ้วน เต็มรูปแบบ
ประเทศ ตันกุรานันท์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยี บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การพัฒนา True_dtac SECURITY นี้ เป็นความตั้งใจของทีมงานทุกคนที่จะเพิ่มการป้องกันระบบโครงสร้างพื้นฐาน เครือข่าย คลาวด์ ทุกระบบแบบครบวงจร ให้ปลอดภัยจากภัยคุกคามในปัจจุบันแบบสูงสุด ผ่านระบบป้องกันภัยไซเบอร์อัจฉริยะ ครอบคลุม 5 ด้านทั้ง”
Infrastructure Security การป้องกันระบบโครงสร้างพื้นฐาน และอุปกรณ์การใช้งานให้ปลอดภัยจากภัยคุกคาม อาทิ ตรวจจับความผิดปกติหากมีการทำงานที่เข้าข่ายความเสี่ยงจะถูกห้ามใช้งานทันที การตรวจสอบช่องโหว่ของระบบ และแก้ไขก่อนถูกโจมตี การยืนยันเข้าใช้งานระบบปฏิบัติการด้วยผู้ดูแลระบบ เป็นต้น
Network Security การป้องกันภัยคุกคาม และการโจมตีบนเครือข่ายที่ช่วยจำกัดสิทธิการเข้าถึงระบบ โดยกำหนดให้เฉพาะผู้ใช้งาน หรือผู้ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ป้องกันภัยคุกคามที่เข้ามาทาง เว็บ หรือแอปพลิเคชัน พร้อม Zero trust network ที่บังคับให้ทุกระบบต้องมีการขออนุญาตก่อนการเชื่อมถึงกัน
Cloud Security การป้องกันระบบโครงสร้างบนคลาวด์ ให้ปลอดภัยด้วยระบบช่วยตรวจสอบการตั้งค่า และช่องโหว่ต่างๆ ให้ถูกต้องและปลอดภัยอยู่เสมอ
24/7 Smart Security Management ระบบเฝ้าระวังภัยคุกคาม ตรวจสอบและรับมือตลอด 24 ชั่วโมงด้วย Security Center Operation (SOC) จากเจ้าหน้าที่ควบคู่ไปกับระบบ AI รวบรวมข้อมูลการใช้งานจากระบบต่างๆ ในมาวิเคราะห์และหาสาเหตุเมื่อเกิดเหตุขึ้น
Best-in-Class Partnership ผสานความแข็งแกร่งกับพันธมิตรชั้นนำด้านเทคโนโลยีความปลอดภัยระดับโลก ยกระดับมาตรฐาน และเสริมความแข็งแกร่งในการให้บริการด้านบริหารจัดการระบบความปลอดภัยไซเบอร์ อาทิ บริษัท คลาวด์ สไตร์ท อินคอร์พอเรชั่น จำกัด บริษัทซี-สเกเลอร์ ประเทศไทย จำกัด บริษัท อิมเพอว่าร์ ประเทศไทย บริษัท พาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ และบริษัท เวคตร้า เอไอ
ลูกค้าทรู–ดีแทค จึงมั่นใจได้ในศักยภาพของเทคโนโลยีจาก True_dtac SECURITY ตอบโจทย์ทุกการใช้ชีวิตในยุคดิจิทัลให้ปลอดภัยไร้กังวลแบบสูงสุด
มั่นใจความปลอดภัยไซเบอร์และการปกป้องข้อมูลลูกค้าทุกบริการ
เอกราช ปัญจวีณิน หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านดิจิทัล บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในการให้บริการดิจิทัล ได้ให้ความสำคัญสูงสุดในเรื่องการดูแลความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ โดยการปกป้องข้อมูลแบบรอบด้านมาตรฐานระดับเวิลด์คลาส โดดเด่นด้วยการบริหารจัดการความปลอดภัยแบบบูรณาการ”
- มีระบบตรวจจับการบุกรุกโดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีการวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ไม่ประสงค์ดี ซึ่งต่างจากพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้าทั่วไป
- มีการใช้งานสถาปัตยกรรม Zero-trust
- ใช้งานระบบข่าวกรองไซเบอร์ (Threat Intelligence Platform)
- การพิสูจน์ตัวตนของลูกค้าด้วยระบบ e-KYC ที่มีการตรวจสอบตัวตน 2 ชั้นในการ log in เข้าสู่ระบบในครั้งแรก
- มีการดูแลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล มีการใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุดในการปกป้องประวัติการรักษาพยาบาลของลูกค้า
“เป็นการยืนยันถึงความพร้อมในการดูแล และเพิ่มความมั่นใจสูงสุดทุกการใช้บริการดิจิทัลกลุ่มทรู ทั้งดิจิทัลมีเดีย – ทรูไอดี, ดิจิทัลโฮม – TrueX และดิจิทัลเฮลท์ – หมอดีด้วยระบบ e-KYC พิสูจน์ตัวตนลูกค้าและการดูแลข้อมูลส่วนบุคคลขั้นสูงสุดระบบตรวจจับการบุกรุกโดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ 24 ชั่วโมง”