“โตชิบา โตเกินคาด ครึ่งปีแรก โต 26% รุกหนักครึ่งปีหลัง โดยวางกลยุทธ์หลัก การออกสินค้าใหม่ 27 รุ่น เพื่อเพิ่มความหลากหลายของสินค้า
อเล็กซ์ มา รองประธาน บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวว่า “ภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน (ไม่รวมทีวี) ประเทศไทยในปี 2567 ครึ่งปีแรก มีอัตราการเติบโตรวมประมาณ 6% โดยหากมองเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ (Major Appliance) ได้แก่ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า และเครื่องปรับอากาศ เติบโต 10% แต่หากไม่นับรวมเครื่องปรับอากาศ นับเฉพาะตู้เย็นและเครื่องซักผ้าจะเติบโต 5% ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก (Small Appliance) ติดลบ 7%”
“ส่วนโตชิบา ไทยแลนด์ เราฉลองครบรอบ 55 ปีได้อย่างเต็มภาคภูมิ ด้วยผลประกอบการครึ่งปีแรกที่เติบโตเกินคาด มากถึง 26% จากทุกกลุ่มสินค้า โดยสินค้าที่เติบโตสูงสุด ได้แก่ เครื่องซักผ้า เติบโตมากถึง 47% เนื่องจากมีสินค้ารุ่นใหม่ๆ ออกตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะเครื่องซักผ้าฝาหน้า ประกอบกับสินค้าหลายรุ่นย้ายฐานการผลิตมาในประเทศไทย ทำให้มีความได้เปรียบในเรื่องราคา
รวมไปถึงการบริหารซัพพลายเชน สำหรับสินค้าที่เติบโตรองลงมา ได้แก่ กลุ่มไมโครเวฟ เติบโตถึง 19% กลุ่มตู้เย็น 15% กลุ่มหม้อหุงข้าวและสินค้าชิ้นเล็ก 6% และกลุ่มผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับน้ำ เช่น เครื่องทำน้ำอุ่น 1% สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับน้ำ แม้โตชิบาจะไม่ได้เติบโตมากนัก แต่ภาพรวมตลาดติดลบ เนื่องจากอากาศไม่เอื้ออำนวย และกลุ่มสุดท้ายคือเครื่องปรับอากาศ เราเติบโตมากถึง 103% เพียงแต่สัดส่วนการขายไม่มาก”
“จากผลประกอบการที่ดีต่อเนื่องมาตลอดหลายปี ทำให้ปัจจุบัน โตชิบามีมาร์เก็ตแชร์ติดอันดับท็อป 3 ในเกือบทุกกลุ่มสินค้า โดยไมโครเวฟมีมาร์เก็ตแชร์เป็นอันดับ 1 ด้วยแชร์ 28.5% ตู้เย็น อันดับ 2 ด้วยแชร์ 16% หม้อหุงข้าว อันดับ 2 ด้วยแชร์ 9.2% และเครื่องซักผ้า อันดับ 3 ด้วยแชร์ 10.8% และถ้าดูสถิติย้อนหลัง 5 ปี ตั้งแต่ปี 2562-2566 จะเห็นได้ว่าบริษัทฯ มีอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) เฉลี่ย 12%
ซึ่งจากตัวเลขทั้งหมด มาจากความเชื่อมั่นในแบรนด์ และผลิตภัณฑ์โตชิบาที่ผู้บริโภคให้การยอมรับ ปัจจัยที่ทำให้บริษัทฯ เติบโตต่อเนื่อง และมีมาร์เก็ตแชร์อันดับต้นๆ ของตลาด เพราะบริษัทฯ ไม่เคยหยุดที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างตรงกลุ่ม ทั้งนี้ในครึ่งปีแรก บริษัทฯ เปิดตัวสินค้าใหม่ไป 17 รุ่น โดยเน้นกลุ่มสินค้าที่เป็น Mid to High มากขึ้น
นอกจากนี้เราบริหารจัดการภายใน ทั้งในเรื่องซัพพลายเชน และโอเปอเรชันทีมให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ในส่วนของช่องทางการจัดจำหน่าย ตั้งแต่ต้นปี เราเพิ่มพนักงานขายหน้าร้าน ประมาณ 20% มีการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกมากขึ้น เพื่อปรับแนวทางการบริหารช่องทางให้เหมาะสม รวมถึงยังคงให้ความสำคัญกับการปรับโฉมหน้าร้านค้าให้สวยงาม ทันสมัย และเพิ่มเติมพื้นที่พิเศษให้เป็น Experience Zone มากขึ้น
ในส่วนการตลาด เราเปิดตัวแคมเปญใหญ่ 55 ปี โดยมี หมาก ปริญ สุภารัตน์ เป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ รวมถึงทำกิจกรรมต่อเนื่องทั้งออฟไลน์และออนไลน์ มีโปรโมชันส่งเสริมการขายและทำกิจกรรม ณ จุดขายอย่างต่อเนื่อง และส่วนสุดท้ายคือเรื่องบริการหลังการขาย ที่เราอัพเกรดภาพลักษณ์ และคุณภาพงานบริการให้รวดเร็ว พร้อมตอบสนองการเติบโตของลูกค้าโตชิบาที่เพิ่มมากขึ้น”
อเล็กซ์ กล่าวเสริมว่า “โตชิบา ไม่ใช่แค่มุ่งหวังการขายผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่เราต้องการสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภค รวมถึงเติบโตยั่งยืนไปด้วยกัน สำหรับแผนครึ่งปีหลัง โตชิบาตั้งเป้าเติบโต 14% ซึ่งจะทำให้ตัวเลขภาพรวมทั้งปี เติบโตประมาณ 20% โดยวางกลยุทธ์หลักทั้งในเรื่องการออกสินค้าใหม่อีก 27 รุ่น เพื่อเพิ่มความหลากหลายของสินค้า เน้นสินค้ากลุ่มไฮเอนด์มากขึ้น และมีแผนเปิดตัวสินค้าเรือธง ตู้เย็น Japandi Series ที่จะมาสร้างปรากฎการณ์ใหม่ในตลาด
นอกจากนี้ในส่วนของการพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่าย มีแผนการเพิ่มพนักงานขายหน้าร้านมากขึ้นโดยเฉพาะในช่วง High Season และ Promotion เพื่อสามารถช่วยเหลือลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการได้อย่างรวดเร็วทั่วถึงยิ่งขึ้น รวมไปถึงการเพิ่ม Experience Zone ในสาขาหลักๆ เพิ่มมากขึ้น สำหรับในส่วนการตลาด เรายังคงมีแคมเปญการตลาดต่อเนื่อง
โดยมี หมาก ปริญ เป็นคีย์หลักในการเผยแพร่ มีการทำดิจิทัล มาร์เก็ตติ้งต่อเนื่อง รวมถึงทำโปรโมชันแคมเปญ ทำโรดโชว์ และกิจกรรมต่างๆ เพื่อเข้าถึงลูกค้าให้ได้สัมผัสประสบการณ์ในการใช้งานสินค้าดียิ่งขึ้น และสุดท้ายคือการให้ความสำคัญด้านบริการหลังการขาย ปรับโฉมศูนย์บริการโตชิบาทั่วประเทศ รวมถึงยกระดับการให้บริการมากขึ้น” นอกจากนี้ อเล็กซ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า “ในภาพรวมเศรษฐกิจ เราไม่สามารถควบคุมได้ แต่เรายังคงเชื่อมั่นในประเทศไทย และเรามีความพร้อมและเตรียมแผนตั้งรับเสมอ”
เอกดนัย ตันติภูมิอมร ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ กล่าวว่า “ในครึ่งปีหลัง โตชิบามีแผนเปิดตัวสินค้าใหม่อีก 27 รุ่น โดยแบ่งเป็นกลุ่มตู้เย็น 8 รุ่น กลุ่มเครื่องซักผ้า 5 รุ่น กลุ่มเครื่องครัว 9 รุ่น และกลุ่มเครื่องใช้ในบ้านอีก 5 รุ่น แผนดังกล่าว สืบเนื่องจากภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในครึ่งปีแรก สินค้ากลุ่มตู้เย็น
และเครื่องซักผ้า มีอัตราการเติบโต 4.7% และสำหรับโตชิบาเอง ผลประกอบการครึ่งปีแรกของตู้เย็น และเครื่องซักผ้าเติบโตสูงถึง 26% จนทำให้สัดส่วนการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ของสินค้า 2 กลุ่มดังกล่าวโตขึ้นถึง 2.9% ซึ่งถือว่าเติบโตสูงสุดเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆ โดยเฉพาะตู้เย็นขนาดใหญ่ กลุ่มไซด์บายไซด์ และ 4 ประตู มัลติดอร์ เราเติบโตถึง 114% ในขณะเดียวกัน เครื่องซักผ้าฝาหน้าก็โตถึง 88%”
ดังนั้นแผนในครึ่งปีหลัง เราจึงมีแผนเปิดตัวตู้เย็นซีรีย์ใหม่ JAPANDI จำนวน 2 รุ่น คือตู้เย็น 4 ประตู แบบมัลติดอร์ รุ่น GR-RF695WIA-PGTH(67) ความจุ 18.9 คิว และตู้เย็น 4 ประตู แบบเฟรนช์ดอร์ รุ่น GR-RF690WI-PGTH(67) ความจุ 18.8 คิว
ซึ่งทั้ง 2 รุ่นผสมผสานดีไซน์ความ Minimal สีขาวเรียบหรู Fuji White จากความเป็น Japan มาพร้อมมือจับสไตล์ Scandinavian ให้ความรู้สึกอบอุ่น มาพร้อมไฟออโตเซนเซอร์ ให้ความสว่าง สะดวก และสวยงาม ในเวลากลางคืน ได้รับรางวัลการันตีจากทั้ง Good Design และ IF ตัวเครื่องถูกออกแบบมาให้ฟิตเข้าได้กับบิ้วอินแบบแนบสนิท ไม่ต้องเหลือพื้นที่ด้านข้างหรือด้านหลังตู้ เพื่อระบายความร้อนแบบตู้เย็นทั่วไป โดยระบายความร้อนที่ด้านล่างตัวเครื่องแทน นอกจากนี้หน้าบานตู้เย็นเป็นแบบกระจก เพิ่มความหรูหรา และเคลือบสารถึง 10 ชั้น แข็งแรงทนทาน ลดรอยขีดข่วน ทำความสะอาดง่าย และสีไม่เหลือง แม้จะใช้งาน
ไปยาวนาน ตู้เย็นเป็นระบบอินเวอร์เตอร์ ประหยัดไฟ โดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยระบบทำน้ำแข็งขนาดใหญ่ถึง 1.45 กิโลกรัม สามารถทำน้ำแข็งอัตโนมัติได้รวดเร็ว โดยทำน้ำแข็งได้ภายใน 60 นาที เร็วกว่าตู้เย็นทั่วไปถึง 2 เท่า นอกจากนี้ยังมีระบบช่องแช่แข็งพิเศษ (Deep Freeze) สามารถปรับอุณหภูมิความเย็นได้ต่ำสุดถึง -30 องศา ซึ่งเป็นอุณหภูมิเดียวกับที่ร้านอาหารใหญ่ๆ ใช้แช่อาหาร ทำให้เกล็ดน้ำแข็งจะมีความละเอียดกว่า ไม่ทำลายวัตถุดิบที่จะนำไปประกอบอาหาร
อีกฟังก์ชันที่โดดเด่นคือระบบกำจัดกลิ่น Pure Air ซึ่งเป็นเป็นเทคโนโลยีลิขสิทธิ์เฉพาะของโตชิบา ที่จะปล่อยประจุออกมาทั้งในช่องแช่แข็งและช่องแช่เย็น เพื่อดูดซับกลิ่น ช่วยยับยั้งแบคทีเรียได้ เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่มาทดแทนระบบกรอง Filter แบบเดิมๆ ซึ่งควรเปลี่ยนแผ่นกรองทุก 6 เดือน ถึง 1 ปี แต่ในตู้เย็น ส่วนใหญ่ไม่มีใครเปลี่ยน และไฮไลท์สำคัญคือ สามารถควบคุมการทำงานของตู้เย็นได้ง่ายๆ ผ่านแอปพลิเคชัน TSmartLife ให้ชีวิตคุณสะดวกสบายยิ่งขึ้น
สำหรับเครื่องซักอบผ้า รุ่น TWD-T21BU115UWT(MG) ความจุซัก 10.5 กิโลกรัม และอบ 7 กิโลกรัม ตัวถังขนาดใหญ่ 510 มิลลิเมตร ทำให้แรงในการปั่นผ้ามากขึ้น ผ้ายับน้อยลง นอกจากถังใหญ่แล้ว ช่องใส่ผ้ายังกว้างถึง 330 มิลลิเมตร ช่วยให้ใส่ผ้านวมสะดวกมากขึ้น และสามารถมอนิเตอร์การทำงานผ่านมือถือได้ ดูโปรแกรมการซัก รอบการซักได้ ผ่านแอปพลิเคชัน TSmartLife ส่วนในเรื่องการทำความสะอาด มาพร้อมเทคโนโลยี Ultra Fine Bubble ที่จะปล่อยประจุไฟฟ้า สร้างฟองที่ละเอียดและเล็กกว่าเดิม ช่วยแทรกซึมเข้าสู่เส้นใยผ้า ขจัดคราบได้ดียิ่งขึ้น
โดยเฉพาะคราบมัน คราบเหลืองของปกคอเสื้อ ช่วยให้ผ้าเหมือนใหม่อยู่เสมอ และไฮไลท์ที่สำคัญอีกตัวคือ Aroma+ เพราะเราให้ความสำคัญกับเรื่องกลิ่นหอม เราจึงพัฒนาโปรแกรมเพิ่มระยะเวลาการปรับผ้านุ่มให้ยาวขึ้น เพื่อช่วยให้ผ้าหอมยาวนานกว่าปกติ ท้ายสุด มีการดีไซน์วาล์วน้ำเข้าแบบใหม่ ที่ช่วยแก้ปัญหาพื้นที่ที่มีแรงดันน้ำน้อย ให้ยังคงสามารถใช้งานได้
จากคุณสมบัติดังกล่าว ทำให้ครึ่งปีแรก เครื่องซักผ้าโตชิบากลุ่มขนาด 10 กิโลกรัม ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง มียอดขายขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ของประเทศ จึงเป็นที่มาของการเปิดตัวเครื่องซักอบรุ่นนี้ ซึ่งจะมีคุณสมบัติทั้งหมดข้างต้น และเพิ่มเติมตัวเซนเซอร์ SenseDry ที่จะช่วยมอนิเตอร์เรื่องความชื้น รักษาระดับความชื้นในผ้าให้เหมาะสมเพื่อควบคุมไม่ให้ผ้าแห้งเกินไป
สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก (Small Appliance) ภาพรวมตลาดในครึ่งปีแรก มีอัตราการเติบติดลบ 7% ในขณะที่โตชิบา เติบโตสวนตลาด เติบโต 9% โดยสินค้าหลักคือ ไมโครเวฟ หม้อหุงข้าว และเครื่องทำน้ำอุ่น
เตาอบไมโครเวฟ รุ่น MX-1TH23SC(WH) ความจุ 23 ลิตร เป็นเตาอบไมโครเวฟ แบบ 4 in 1 สะดวกทั้ง นึ่ง อบ อุ่น และย่าง ทำงานแบบระบบอินเวอร์เตอร์ ให้ความร้อนเสถียรและประหยัดไฟ มีระบบ Cyclic Steam ที่ทำไอน้ำที่ 100 องศาได้อย่างรวดเร็ว ใช้นึ่งอาหารได้ดี โดยยังคงรักษารสชาติ รูปลักษณ์ และคุณค่าอาหารได้ดี
รวมถึงยังใช้ฆ่าเชื้อทำความสะอาดภาชนะต่างๆ ได้ อาทิ นึ่งขวดนม จานชามต่างๆ โดดเด่นด้วยชุดทำความร้อนแบบ 3D ปล่อยความร้อนทั้งด้านบนและล่าง ทำให้อาหารสุกสม่ำเสมอ สีสันน่ารับประทาน มีเมนูทำอาหารอัตโนมัติ 38 เมนู เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำอาหาร
หม้อหุงข้าวระบบอินดักชัน รุ่นใหม่ล่าสุด RC-18IH1TTH(N) ความจุ 1.8 ลิตร ระบบ Induction Heating หม้อด้านในหนา 3 มิลลิเมตร พร้อมสารเคลือบหนา 7 ชั้น ทำให้ข้าวไม่ติดหม้อ ทำความสะอาดง่าย มีระบบทำความร้อน 3 ทิศทาง (3D Heating) กระจายความร้อนทั่วถึง มาพร้อมระบบ MICRO-PRESSURE ช่วยกักเก็บแรงดันภายในหม้อ รักษาความชุ่มชื้นขณะหุง จึงทำให้ข้าวฟูนุ่ม น่าทาน นอกจากนี้ยังมีระบบระบายความร้อนจากด้านบนลงด้านล่าง เมื่อหุงข้าวและเปิดฝาหม้อ จะไม่มีหยดน้ำตรงฝาหม้อตกใส่ข้าว
เครื่องทำน้ำอุ่น TWH-60EFNTH(K)-RS ขนาด 6000 วัตต์ ระบบ SensTemp เน้นเรื่องการควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสม โดยวาล์วน้ำเข้าจะทำการตรวจเช็คอุณหภูมิ ณ เวลานั้น เพื่อส่งค่าไปที่แผงวงจร และแผงวงจรจะส่งค่าพลังงานที่เหมาะสมกลับมา ทำให้ได้น้ำอุณหภูมิที่เหมาะสมและเสถียรมากขึ้น ไม่ขึ้นๆ ลงๆ ตามแรงดันน้ำ และการใช้น้ำในพื้นที่ใกล้เคียง นอกจากนี้ตัวแท็งก์เป็นแบบทองแดง แข็งแรง ทนทาน ไม่รั่วซึมง่าย ไม่เป็นตะกรัน และนำความร้อนได้ดี มีระบบความปลอดภัยสูง ตัดการทำงานเมื่ออุณหภูมิสูงเกินไป มีระบบป้องกันไฟรั่ว ไฟลาม และป้องกันน้ำซึมเข้าตัวเครื่อง
ธัญปภัสส์ อริยะวรวัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวว่า “ปีนี้โตชิบา ไทยแลนด์ครบรอบ 55 ปี เราตั้งใจทำแคมเปญใหญ่ ทั้งเพื่อสร้างภาพลักษณ์ และตอบแทนผู้บริโภคทุกคน ประเดิมต้นปีโดยการเปิดตัวแบรนด์ แอมบาสเดอร์ คุณหมาก ปริญ สุภารัตน์ เพื่อปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้เด็กลง อบอุ่น สมาร์ท ทันสมัย และใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ ซึ่งบริษัทได้ทุ่มงบโฆษณามากกว่าเดิม โปรโมททั้งในทีวี สื่อออนไลน์ โซเชียล รวมไปถึงสื่อนอกบ้าน สื่อเคลื่อนที่ และที่สำคัญสื่อ ณ จุดขาย นอกจากนี้ยังมีแคมเปญออนไลน์อีกมากมาย
รวมถึงการใช้อินฟลูเอนเซอร์รีวิวสินค้า ให้ผู้บริโภคเข้าใจสินค้ามากขึ้น ส่งผลให้ช่วยเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มยอดขายจนทำให้ครึ่งปีแรกบริษัทฯ มียอดขายเติบโตถึง 26% และยังช่วยเพิ่มฐานผู้ติดตามในโซเชียลของโตชิบาสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะช่องทางยูทูปที่เติบโตสูงมากจนได้รับรางวัล Youtube Silver Award
และโตชิบายังได้รับรางวัลการันตี No.1 Most Admired Brand ในสินค้ากลุ่มตู้เย็นที่โตชิบาเป็น No.1 ต่อเนื่อง 15 ปีซ้อน ไม่เพียงแค่การสร้างแบรนด์ โตชิบายังจัดทำโรดโชว์ และโปรโมชันส่งเสริมการขายต่อเนื่อง เพื่อตอบแทนลูกค้าที่ซื้อสินค้าโตชิบา อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับพันธมิตรการค้า โดยปรับโฉมร้านค้าตัวแทนจำหน่ายให้สวยงามยิ่งขึ้น กว่า 100 สาขา รวมไปถึงการคัดเลือกร้านค้าหลักเพื่อสร้าง Experience Zone เปิดประสบการณ์ให้ลูกค้าเข้ามาทดลองใช้สินค้ามากขึ้น”
“สำหรับครึ่งปีหลัง โตชิบายังคงทำแคมเปญ 55 ปีต่อเนื่อง โปรโมทแบรนด์ และสินค้าผ่านสื่อออนไลน์กว่า 10 แคมเปญ รวมถึงจัดทำโปรโมชันส่งเสริมการขาย อาทิ Rainy Campaign ลุ้นรับฟรีเครื่องซักผ้า 55 เครื่อง มูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท ต่อด้วยจะมีโปรโมชันส่งท้ายปีอีก 2 แคมเปญ ที่ตั้งใจมาตอบแทนลูกค้าโตชิบา
นอกจากนี้ ยังมีแผนจัดโรดโชว์เปิดตัวสินค้าใหม่ที่จะล็อนซในครึ่งปีหลัง ซึ่งคุณหมาก ปริญจะมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในงาน วันที่ 24-25 สิงหาคม 2567 นี้ ที่สยามพารากอน และยังมีโรดโชว์ใหญ่ปลายปีอีกครั้งต้อนรับเทศกาลกิฟท์ “คิดถึงของขวัญ คิดถึงโตชิบา” ที่เราทำต่อเนื่องมา 3 ปี ซึ่งได้รับกระแสตอบรับดีมาก ในส่วนของร้านค้า โตชิบายังคงทุ่มงบ และให้ความสำคัญกับการปรับภาพลักษณ์ และการสร้างประสบการณ์ดีๆ ให้ลูกค้า ณ จุดขาย
และสุดท้ายคือการให้ความสำคัญด้านบริการหลังการขาย ปรับโฉมศูนย์บริการโตชิบาให้ดูสวยงาม ทันสมัย มีการเทรนนิ่งและพัฒนาเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง ยกระดับบริการมากขึ้น ขยายเพิ่มพิเศษสำหรับรถโมบายเซอร์วิส ที่จะให้บริการพิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อสินค้ากลุ่มพรีเมียม รวมไปถึงการเปิดศูนย์บริการพิเศษ เพื่อรองรับการให้บริการผู้บริโภคเพิ่มขึ้น
กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวว่า ว่า “ปี 2567 นี้ โตชิบา ไทยแลนด์ ครบรอบ 55 ปี ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา บริษัทฯ ให้ความสำคัญที่สุดในเรื่องการจัดหาและนำเสนอผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมมาตรฐานประเทศญี่ปุ่นในราคาที่จับต้องได้ เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงพิถีพิถันในเรื่องบริการหลังการขายที่ดี เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจและได้รับความสะดวกสบายที่สุด และจากกลยุทธ์การตลาดดังกล่าว ส่งผลให้โตชิบา ไทยแลนด์ เติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคงตลอดมา ไม่ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร
นอกจากนี้ ยังส่งเสริมการเติบโตของคู่ค้าและดีลเลอร์ให้เติบโตไปด้วยกัน ด้วยการจัดอบรมเสริมศักยภาพการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ และทายาทร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าท้องถิ่นทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง โตชิบา ไทยแลนด์ ต้องขอขอบคุณสังคมไทย ลูกค้า พาร์ทเนอร์ตัวแทนจำหน่าย และพนักงานทุกคน ที่ให้ความไว้วางใจในบริษัทฯ และแบรนด์ ‘TOSHIBA’ มาโดยตลอด
บริษัทฯ จะยังคงมุ่งมั่นที่จะ ‘นำสิ่งที่ดีสู่ชีวิต’ ซึ่งประกอบด้วยคุณค่าทุกประการที่คนไทยคู่ควรจะได้รับจากบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลก ทั้งความสะดวกสบายยิ่งขึ้น จากนวัตกรรมอันทันสมัย อย่าง IoT ความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัยและเสริมสร้างสุขภาพที่ดี ไปจนถึงความประหยัดและความคุ้มค่าในการเป็นเจ้าของ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังจะสร้างสรรค์โอกาสพิเศษต่างๆ เพื่อตอบแทนความไว้วางใจของลูกค้า ผ่านแคมเปญและโปรโมชันใหญ่ที่จะมีตามมาอย่างต่อเนื่อง”