“ลีโอนาร์ด ตัน ผู้บริหารของ OutSystems ให้ความเห็นจับกระแส AI ในปี 2567 ที่จะเข้ามาเปลี่ยนโฉมการพัฒนาซอฟต์แวร์ โครงสร้างองค์กร ตำแหน่งงานใหม่ การทำงานร่วมกับ AI และการจัดการข้อมูลขององค์กร
ความโดดเด่นของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่มีต่อเทคโนโลยีระดับองค์กรจะยังคงร้อนแรงต่อเนื่องในปี 2567 โดยจะผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในวงการพัฒนาซอฟต์แวร์ และ AI จะยังคงความสำคัญในลำดับต้นๆ ที่แทบทุกธุรกิจต่างมองหาโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพิ่มมากขึ้น
เพื่อนำไปพัฒนาแอปพลิเคชันที่ซับซ้อนและมีความก้าวล้ำ รวมถึงแอปพลิเคชันอัจฉริยะที่ใช้ประโยชน์จากข้อมูล และนำการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์และเชิงกำหนดมาใช้ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ส่วนบุคคลโดยเฉพาะ
เพื่อดึงดูดความสนใจที่เกี่ยวข้องกับโอกาสของการนำ AI มาใช้ แพลตฟอร์ม Low-code จำนวนมากจึงพยายามสร้างแบรนด์ให้ตลาดรับรู้ว่า เขาคือเครื่องมือในการพัฒนาแอปพลิเคชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI
ด้วยการบูรณาการเข้ากับระบบที่มีอยู่นี้ เราคาดว่าการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ในระยะต่อไป จะช่วยยกระดับงานของนักพัฒนามากขึ้น โดยที่พวกเขาจะส่งต่องานที่เป็นลักษณะรูทีนและงานที่ทำซ้ำๆ ให้กับตัวช่วยที่ขับเคลื่อนด้วยระบบ AI ซึ่งจะช่วยลดภาระของงานกิจวัตรทั่วไป
เพื่อให้นักพัฒนาสามารถใช้เวลากับการเขียนโค้ดที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญระดับสูง โดยผู้ช่วย_AI ของเขาสามารถจัดการกับงานคัดลอกโค้ด การทดสอบด้วยตนเอง การสร้างและอัปเดตองค์ประกอบและเค้าโครง UI สำหรับหน้าจอที่หลากหลาย และการกำหนดค่าการสร้างสคริปต์
ส่วนเครื่องมือแบบ_Low-code_จะก้าวไปในทิศทางที่ส่งเสริมให้องค์กรต่างๆ สามารถสร้างแอปพลิเคชัน_AI ตั้งแต่ต้นจนจบในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์มที่เขียนด้วย Low-code ประสิทธิภาพสูง
ควรดึงตัวเชื่อมต่อโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) เพื่อให้นักพัฒนาและองค์กรสามารถฝังความสามารถของ ChatGPT ลงในแอปพลิเคชันที่พวกเขาสร้างขึ้น ให้คำแนะนำส่วนบุคคลสำหรับผู้ใช้ และเพิ่มประสิทธิภาพผู้ช่วยเสมือน เป็นต้น
การบริหารจัดการข้อมูลจะกลายเป็นเรื่องที่องค์กรต่างๆ ต้องจัดให้อยู่ในความสำคัญลำดับแรกและลงทุนในเรื่องนี้ เป้าหมายของการนำ_AI ไปใช้และการสร้างแอปพลิเคชันอัจฉริยะ จะต้องใช้ข้อมูลปริมาณมาก เพื่อส่งมอบข้อมูลเชิงลึกและช่วยในการตัดสินใจ
ธุรกิจต้องตรวจสอบข้อมูลปัจจุบันของตน เพื่อให้แน่ใจว่าพร้อมสำหรับงาน_AI และปลูกฝังความเข้าใจที่ครอบคลุมเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการจัดการข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ เช่น การรวบรวมข้อมูล การจัดระเบียบข้อมูล การติดฉลากข้อมูล การรักษาความปลอดภัยข้อมูล และการกำกับดูแลข้อมูล
เรายังคงเห็นแนวโน้มที่คล้ายคลึงกันในประเด็นของ tech talent โดยที่_AI กำลังเข้ามาแทรกแซงวิธีการใช้เวลาในที่ทำงาน ในขณะที่รายงานของ Accenture บอกว่า 40% ของชั่วโมงทำงานในอุตสาหกรรมต่างๆ คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากโมเดลภาษาขนาดใหญ่
โครงสร้างการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปนี้จะบรรเทาความตึงเครียดที่เกิดจากการขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะในภาคส่วนต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ภายใต้การพัฒนาซอฟต์แวร์_AI มีความสามารถในการสร้างโค้ด การทดสอบ และกระบวนการปรับใช้อัตโนมัติ
ดังนั้นแทนที่จะใช้เวลากับงานที่ซ้ำซากจำเจ นักพัฒนาสามารถใช้พลังและความสามารถของตนในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนด้วยแอปพลิเคชันที่เป็นนวัตกรรมใหม่ นอกจากนี้ ด้วยความสามารถในการป้อนข้อมูลด้วยภาษาที่เป็นธรรมชาติ เพื่ออธิบายแอปพลิเคชันที่ต้องการสร้าง จะช่วยดึงกลุ่มผู้มีความสามารถหลากหลายด้านให้มีโอกาสเข้าร่วมในการพัฒนาแอปได้มากขึ้น
ระบบ_AI จะส่งผลกระทบต่อภูมิทัศน์งานที่กว้างขึ้นด้วย ในรายงานของ World Economic Forum ระบุว่า เทคโนโลยีดังกล่าวคาดว่าจะเข้ามาแทนที่งาน 85 ล้านตำแหน่ง แต่จะสร้างตำแหน่งงานใหม่ถึง 97 ล้านตำแหน่งภายในปี 2568 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักวิเคราะห์คาดว่า จำนวนผู้เชี่ยวชาญด้าน_AI และ Machine Learning จะเพิ่มขึ้น 40% ภายในปี 2570
งานใหม่จะรวมถึงวิศวกรรมพรอมพ์ (ความเชี่ยวชาญในการสื่อสารกับ_AI) การเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญด้าน_AI สำหรับงานออกแบบ พัฒนา และปรับแต่งข้อความพรอมพ์ (Generative_AI) สำหรับแอปพลิเคชันต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีเครื่องมือประมวลผลภาษาธรรมชาติเพิ่มมากขึ้น
โดยสรุป อิทธิพลที่ยั่งยืนของ_AI ในด้านเทคโนโลยีระดับองค์กร จะผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการพัฒนาซอฟต์แวร์ตลอดปี 2567 เนื่องจากแพลตฟอร์มแบบ Low-code มุ่งไปสู่การบูรณาการระบบ_AI โดยองค์กรต่างๆ จะสามารถสร้างแอปพลิเคชันที่ซับซ้อนมากขึ้น และควบคุมทักษะของนักพัฒนาที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
Featured Image: Image by DC Studio on Freepik