Thursday, November 21, 2024
ArticlesDigital TransformationEdge ComputingIoTNetworkingTechnology

โซลูชันที่ช่วยทำ Digital Transformation จาก Edge ถึง Cloud

อรูบ้า และไมโครซอฟท์ ประกาศสองโซลูชันใหม่ ช่วยเร่งความเร็วการทำ Digital Transformation จาก Edge ถึง Cloud บน Microsoft Azure เชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT ง่ายยิ่งขึ้น และนำความสามารถของ Aruba ESP มาใช้งานร่วมกับ Microsoft Azure ได้

รูบ้า บริษัทในเครือ ฮิวเลตต์ แพคการ์ด เอ็นเตอร์ไพรส์ และใมโครซอฟท์ ได้ร่วมกันประกาศสองโซลูชันใหม่ที่จะทำให้องค์กรธุรกิจสามารถเร่งการทำ Digital Transformation จาก Edge ถึง Cloud ได้ ด้วยการเสริมความสามารถในการทำงานร่วมกันระหว่าง Aruba ESP (Edge Services Platform) และ Microsoft Azure ให้ทำงานร่วมกันได้ดียิ่งขึ้น 

โดยโซลูชันแรกที่ถูกประกาศเปิดตัวในงาน Microsoft Ignite 2021 คือ Aruba IoT Transport for Azure ซึ่งเป็นบริการที่ช่วยให้อุปกรณ์ IoT ที่เชื่อมต่อมายัง Aruba Access Point และ Controller สามารถทำการสื่อสารรับส่งข้อมูลแบบสองทิศทางร่วมกับ Azure IoT Hub ได้ 

นอกจากนี้ Aruba ยังได้ประกาศเปิดตัว Aruba Central Cloud Management Platform ซึ่งทำงานอยู่บน Azure ทำให้โซลูชันระบบเครือข่ายที่บริหารจัดการผ่าน Cloud สำหรับองค์กรธุรกิจของ Aruba ที่ทำการบริหารจัดการอุปกรณ์มากกว่า 1 ล้านชิ้นอยู่แล้วนั้นสามารถใช้งานได้จาก Azure

เส้นทางด่วนรับส่งข้อมูลสำหรับข้อมูลจากอุปกรณ์ IoT โดยเฉพาะ

อุปกรณ์ IoT ถือว่าเป็นหูและตาให้กับทุกๆ ระบบอัจฉริยะ โดยเมื่ออุปกรณ์เหล่านี้ทำงานเชื่อมต่อกับระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบ Cloud-Native ที่มีความมั่นคงปลอดภัยสูง ข้อมูลที่รวบรวมได้เหล่านี้จะยิ่งทวีมูลค่าสูงมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อระบบโครงสร้างพื้นฐานเหล่านั้นมีความสามารถที่จะตอบสนองต่อธุรกิจและระบบแอปพลิเคชันใดๆ ที่ใช้ในโครงการระบบอัจฉริยะนั้นๆ 

ยิ่งถ้าโครงการนั้นๆ มีการใช้งานอุปกรณ์ IoT มากขึ้นเท่าไหร่ การรับรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในโครงการนั้นๆ ผ่านอุปกรณ์ IoT จะยิ่งทวีคูณ และช่วยให้องค์กรธุรกิจได้รับข้อมูลที่มีประโยชน์มากต่อองค์กรยิ่งขึ้น ส่งผลให้ระบบโครงสร้างพื้นฐานโดยรวมสามารถสนับสนุนเป้าหมายทางธุรกิจได้อย่างคุ้มค่าและตอบโจทย์มากยิ่งขึ้นตามไปด้วย

อย่างไรก็ดี การติดตั้งใช้งานระบบตรวจสอบและควบคุมการทำงานของ IoT ทั่วทั้งสถานที่ให้มีความคุ้มค่าและมั่นคงปลอดภัยนั้นเป็นความท้าทายสำคัญยิ่งอีกประการ เนื่องจากข้อมูลและแหล่งที่มาของข้อมูลนั้นมีความหลากหลาย, มีการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ IoT รุ่นเก่าที่อาจไม่ได้ใช้งานโปรโตคอลมาตรฐาน, การปกป้องเส้นทางการรับส่งข้อมูลให้มีความมั่นคงปลอดภัย ไปจนถึงค่าใช้จ่ายในการลงทุนติดตั้งใช้งานระบบที่อาจจะสูง เป็นต้น 

สาเหตุเหล่านี้เป็นเพียงอุปสรรคบางส่วนที่องค์กรธุรกิจอาจพบได้ในขณะที่ทำโครงการปรับปรุงพัฒนาพื้นที่ทำงานใดๆ ให้มีความทันสมัย

อรูบ้า และ ไมโครซอฟท์ ได้ร่วมมือทำงานกันอย่างใกล้ชิดเพื่อพัฒนาบริการ Aruba IoT Transport for Azure ซึ่งถือเป็นระบบแอปพลิเคชันแรกที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์เหล่านี้โดยเฉพาะ โดย Aruba IoT Transport for Azure เพิ่มประสิทธิภาพ Aruba ESP ให้มากยิ่งขึ้นโดยทำให้การรับส่งข้อมูลแบบสองทิศทางจากอุปกรณ์ IoT ที่เชื่อมต่อผ่าน Aruba AP และ Controller เป็นไปได้อย่างมั่นคงปลอดภัย ส่งผลให้ผู้ใช้งานสามารถใช้ประโยชน์จากบริการและแอปพลิเคชันจำนวนมากที่อยู่บน Azure ได้อย่างเต็มที่ 

นอกจากนี้ Aruba IoT Transport for Azure ยังช่วยให้องค์กรไม่ต้องลงทุนกับ IoT Gateway, Server หรือแอปพลิเคชันอื่นเพิ่มเติม ทำให้สามารถลดความล่าช้าที่จะเกิดขึ้นในระหว่างการรับส่งข้อมูลลงได้ โดยโซลูชันดังกล่าวนี้ยังสามารถช่วยให้สามารถใช้ระบบและบริการทางด้าน IoT ได้ทันทีบนระบบของ Aruba ที่มีอยู่เดิม ช่วยลดค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงในการพัฒนาระบบขึ้นมาเองหรือการใช้โซลูชันใหม่ๆ 

คุณสมบัติทั้งหมดเหล่านี้จะช่วยให้ลูกค้าสามารถมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาพื้นที่ของตนให้มีความทันสมัย, การรับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในพื้นที่ได้อย่างแม่นยำ และการวิเคราะห์ข้อมูลองค์ความรู้เชิงลึกจากกระบวนการทางธุรกิจของตนเองได้อย่างเต็มที่

ทั้งนี้ความมั่นคงปลอดภัยถือเป็นสิ่งที่สำคัญอีกประการหนึ่งสำหรับระบบ IoT เพราะอุปกรณ์ IoT จำนวนมากขาดความมั่นคงปลอดภัย ซึ่ง Aruba IoT Transport for Azure ถูกออกแบบมาโดยคำนึงถึงประเด็นด้านความมั่นคงปลอดภัยอยู่เสมอ มีระบบบริหารจัดการข้อมูลการยืนยันตัวตนที่ยืดหยุ่นและความสามารถในการกำหนดนโยบายด้านความมั่นคงปลอดภัยเพื่อปกป้องอุปกรณ์ IoT จากภัยคุกคามที่หลากหลายทั้งจากภายนอกและภายในระบบเครือข่ายในระดับของ Control Plane และ Data Plane อย่างครบถ้วน

ระบบเครือข่ายที่บริหารจัดการผ่าน Cloud สำหรับองค์กรธุรกิจบน Azure

ทีมวิจัยทางด้านเทคโนโลยีของ IDC ได้ระบุเอาไว้ว่าภายในปี 2022 (พ.ศ.2565) 50% ของระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ถูกติดตั้งใช้งานจะเกิดขึ้นบน Edge ที่มีความสำคัญสูงและภายในปี 2024 (พ.ศ.2567) มากกว่า 75% ของระบบโครงสร้างพื้นฐานใน Edge จะถูกใช้งานและดูแลรักษาในรูปแบบของบริการ (IDC FutureScape: Worldwide Datacenter 2020 Predictions, Doc # US44747919, October 2019)

อย่างไรก็ดี บริการสำหรับการบริหารจัดการระบบโครงสร้างพื้นฐานที่กระจัดกระจายอยู่หลายพื้นที่ต้องอาศัยระบบที่รองรับการเพิ่มขยายได้ดีและมีความมั่นคงปลอดภัย Aruba ESP ได้รวมเอาระบบโครงสร้างพื้นฐานสำหรับอุปกรณ์ IT, IoT และ OT (Operational Technology) เข้าไว้ด้วยกัน 

พร้อมรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้วย Zero Trust และใช้ AIOps ในการบริหารจัดการระบบอย่างอัตโนมัติในแบบ Cloud-Native ซึ่งจะทำการวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดอยู่เสมอ พร้อมทำการทำนายแนวโน้มของปัญหาและทำการแก้ไขประเด็นเหล่านั้นล่วงหน้าได้ทันทีตั้งแต่ที่อุปกรณ์ในส่วนปลายระบบเครือข่าย (Network Edge) 

องค์ประกอบสำคัญของ Aruba ESP คือ Aruba Central ซี่งเป็นระบบบริการแบบ Cloud-Native ที่ถูกออกแบบมาเพื่อบริหารจัดการระบบเครือข่ายภายในอาคาร, สาขา, ระบบเครือข่ายระยะไกล และภายใน Data Center ได้อย่างครบถ้วน โดย Aruba Central on Azure นี้จะช่วยให้ผู้ดูแลระบบ IT สามารถบริหารจัดการและปรับแต่งการทำงานของระบบเครือข่ายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้จากศูนย์กลาง