คริส แพพป์ จากนูทานิคซ์ ได้เขียนบทความแนะนำถึง จัดการฐานข้อมูลที่เป็นเสมือนขุมทรัพย์ขององค์กร ด้วยโซลูชันด้านฐานข้อมูล ประสิทธิภาพของฐานข้อมูล ความคล่องตัว และความพร้อมใช้ ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เริ่มด้วยการขจัดการทำงานหรือทรัพยากรที่เป็นไซโล และการลดภาระงานประจำวันที่เกิดจากความซับซ้อนของกระบวนการทำงาน
ข้อมูลของบริษัทเป็นขุมทรัพย์ที่เต็มไปด้วยข้อมูลที่มีคุณค่า ซึ่งบริษัทต่างๆ สามารถจำแนกข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า และค้นพบกุญแจที่จะปลดล็อกความท้าทายต่างๆ จากข้อมูลเหล่านั้น เพื่อมุ่งสู่การเติบโตทางธุรกิจได้ ข้อมูลมีความสำคัญแซงหน้าแอปพลิเคชันต่างๆ ไปแล้ว
คริส แพพป์ จากนูทานิคซ์ ได้เขียนบทความแนะนำถึง จัดการฐานข้อมูลที่เป็นเสมือนขุมทรัพย์ขององค์กร ด้วยโซลูชันด้านฐานข้อมูลของนูทานิคซ์ โดยมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
เทคโนโลยีแบบดั้งเดิมเป็นอันตรายต่อฐานข้อมูล
องค์กรจำนวนมากกำลังใช้งานฐานข้อมูลสำคัญทางธุรกิจของตนบนโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีแบบดั้งเดิม ซึ่งก่อให้เกิดความซับซ้อนและความท้าทายด้านฐานข้อมูลหลายประการ
ต้นกำเนิดของความท้าทายส่วนใหญ่เกิดจากโครงสร้างพื้นฐานแบบดั้งเดิม เกิดจากการที่โครงสร้างนั้นสร้างขึ้นจากทรัพยากรที่แยกส่วนกัน (ไซโล) เช่น สตอเรจ เซิร์ฟเวอร์ เวอร์ชวลไลเซชัน ระบบเน็ตเวิร์ก และระบบความปลอดภัย การออกแบบที่แยกส่วนกันนี้ทำให้การจัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐานของฐานข้อมูลใหม่ และชุดโครงสร้างหน่วยความจำที่จัดการไฟล์ฐานข้อมูล (database instances) ทำได้ยาก
สถาปัตยกรรมฐานข้อมูลที่เป็นไซโล ก่อให้เกิดความซับซ้อนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อทีมไอทีที่ขยายการทำงานอย่างยืดหยุ่นไปแล้ว ความซับซ้อนนี้ต้องการการทำงานร่วมกันอย่างแข็งขันระหว่างผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีและทีมต่างๆ ที่ดูแลการทำงานของฐานข้อมูลที่ใช้อยู่ จึงทำให้เหลือเวลาเพียงน้อยนิดที่จะสร้างนวัตกรรมที่แท้จริงเพื่อให้สามารถตอบโจทย์การปฏิบัติตามข้อตกลงระดับการให้บริการ (SLAs) ที่เป็นเรื่องยากได้
นอกจากความซับซ้อนของโครงสร้างพื้นฐานแล้ว ยังมีปัญหาเพิ่มขึ้นจากความท้าทายต่างๆ ที่เกิดขึ้นโดยทั่วไปจากการใช้ฐานข้อมูล การแพตช์ การบริหารจัดการ การแก้ปัญหา และสถานการณ์นี้จะกลายเป็นสิ่งที่ไม่สามารถป้องกันได้อย่างรวดเร็วเมื่อสภาพแวดล้อมขยายใหญ่ขึ้น
เกิดการโยนความรับผิดชอบระหว่างทีมต่างๆ เกี่ยวกับการแก้ปัญหาที่ทำให้ไม่สามารถทำตาม SLAs ได้ เพราะการติดตั้งใช้งานโครงสร้างพื้นฐานดาต้าเบสใช้เวลานานเกินไป ข้อมูลจากการศึกษาของ IDC (Oracle’s Autonomous Database: AI-Based Automation for Database Management and Operations) พบว่า การใช้เวลาในการบำรุงรักษามากเกินไป ส่งผลให้ 75% ของงบประมาณในการบริหารจัดการฐานข้อมูลถูกใช้เป็นค่าใช้จ่ายด้านค่าแรงงาน
นอกจากนี้ การทำงานด้านฐานข้อมูลแบบแมนนวลทำให้มีแนวโน้มว่าจะเกิดข้อผิดพลาดจากการทำงานของมนุษย์ ซึ่งส่งผลให้ฐานข้อมูลสำคัญต้องหยุดทำงาน โดยเฉลี่ยแล้วมีสำเนาฐานข้อมูล (IDC Copy Data Management report 2016 & 2018) แต่ละรายการ 10 สำเนา ซึ่งได้รับการจัดเก็บไว้บน SAN storage ที่มีค่าใช้จ่ายสูง
การวิจัยของ IDC พบว่า 45% ถึง 60% ของความจุของสตอเรจถูกจัดสรรให้ใช้เก็บข้อมูลที่เป็นสำเนา ส่งผลให้เกิดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับข้อมูลที่เป็นสำเนาประมาณ 56 พันล้านดอลลาร์ ในปี พ.ศ. 2563
โซลูชันด้านฐานข้อมูลของนูทานิคซ์
โซลูชันด้านฐานข้อมูลของนูทานิคซ์ทำให้การบริหารจัดการเวิร์กโหลดทั้งหมดขององค์กรง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็น แพลตฟอร์มการบริหารจัดการที่รวมศูนย์เป็นหนึ่งเดียว ทำงานได้ในคลิกเดียว การจัดการแบบอัตโนมัติ และมีความพร้อมใช้งานมากขึ้น
นูทานิคซ์ช่วยแก้ปัญหาด้านโครงสร้างพื้นฐานที่เกิดจากความซับซ้อนมากมายของสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิม ผ่านโครงสร้างพื้นฐานไฮเปอร์คอนเวิร์จ (HCI) และบริการดาต้าเบสแอสอะเซอร์วิส (DBaaS) ซึ่งมีคุณประโยชน์ต่อมูลค่าของฐานข้อมูลในเบื้องต้นสามประการดังนี้
1. ลดระยะเวลาที่ลูกค้าใหม่รับรู้คุณค่าของผลิตภัณฑ์หรือบริการ (Time to Value)
Nutanix Era มอบฟังก์ชัน DBaaS ที่มาพร้อมการจัดการฐานข้อมูลด้วยคลิกเดียว (จัดเตรียม, โคลน, แพตช์, รีเฟรช และสำรองข้อมูล) โดยใช้เวลาเพียงสองสามนาทีเท่านั้น นักพัฒนาซอฟต์แวร์จำเป็นต้องสร้างและทดสอบเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว และต้องพึ่งพาผู้ดูแลระบบและผู้ดูแลระบบฐานข้อมูล (DBAs) จัดสรรสภาพแวดล้อมต่างๆ ที่จำเป็นเพื่อสนับสนุนการสร้างและทดสอบเทคโนโลยี
นูทานิคซ์สามารถมอบความคล่องตัวที่จำเป็นต้องใช้ให้กับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ ให้สามารถใช้ฐานข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและตามแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด ในบางกรณี สามารถเร่งความเร็วในการใช้งานเพื่อการพัฒนาและการทดสอบสภาพแวดล้อมต่างๆ ได้ถึง 10 เท่า
และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับฐานข้อมูลสำคัญได้ถึง 5 เท่า เวลาที่ประหยัดได้นี้ช่วยให้ DBAs หันไปให้ความสำคัญกับโครงการอื่นๆ ที่สอดคล้องกับความคิดริเริ่มทางธุรกิจ มากกว่าต้องมาติดหนึบอยู่กับงานประจำทั่วไป
2. เพิ่มเวลาทำงานและมีความปลอดภัยสูงสุด
ความพร้อมใช้และความสามารถในการปรับขยายเป็นส่วนหนึ่งของ DNA ที่รวมถึงสถาปัตยกรรมแบบเว็บ-สเกลของนูทานิคซ์ ซึ่งสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ และมีระบบการกู้คืนเชิงรุก ความสามารถในการผสานการทำงานเข้าด้วยกัน ความเป็นอัตโนมัติ แอปพลิเคชันและโครงสร้างพื้นฐานที่ปลอดภัย
การเข้ารหัสข้อมูลที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน (data-at-rest) และการปิดบังฐานข้อมูล (database masking) มีรวมอยู่ในนูทานิคซ์ และพร้อมให้ใช้งานเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยโดยไม่ลดประสิทธิภาพการทำงาน การแพตช์ฐานข้อมูลโดยอัตโนมัติและเป็นระบบ ช่วยให้มั่นใจว่าการแพตช์ทั้งหมดจะได้รับการติดตั้งใช้งานหลังจากการทดสอบ และจะไม่มีฐานข้อมูลใดต้องอยู่ในสภาพเสี่ยงต่อการโจมตีที่รู้ที่มาแล้ว และหลีกเลี่ยงการต้องหยุดระบบเนื่องจากต้องทำการแพตช์รอยรั่วที่ยังไม่ได้ทำ
แม้การอัปเกรดและการสำรองส่วนประกอบต่างๆ ขององค์กรเป็นประจำจะเป็นสิ่งจำเป็น แต่บางครั้งก็เป็นเรื่องยากที่จะต้องแลกกับการที่ธุรกิจต้องหยุดชะงักชั่วคราวเพื่อทำการนั้น โซลูชันด้านฐานข้อมูลของนูทานิคซ์ช่วยให้องค์กรไม่ต้องเผชิญกับสถานการณ์นี้ ด้วยการทำให้การดำเนินงานด้านไอทีเป็นไปด้วยความเรียบง่ายและไม่สะดุด
3. ประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และลดค่าใช้จ่าย
หัวใจหลักของลูกค้าทุกรายคือ จะลดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้อย่างไร โซลูชันด้านฐานข้อมูลของนูทานิคซ์สามารถขจัดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับข้อมูลที่เป็นสำเนาที่สิ้นเปลือง ด้วยการลดค่าใช้จ่ายในการลงทุนด้านสตอเรจ ได้มากถึง 6 เท่า
ด้วยการโคลนแบบ zero-byte และการทำสแน็ปช็อตที่ประหยัดพื้นที่ที่ Era มีให้ สามารถลดค่าใช้จ่ายด้านไลเซนส์ลงได้ถึง 2 เท่า ด้วยการรวมสภาพแวดล้อมฐานข้อมูลที่เป็นไซโลหลายรายการไว้ด้วยกันบนแพลตฟอร์มเดียวและบริหารจัดการได้ทั้งหมดโดยใช้ความยายามและทรัพยากรน้อยลง
นอกจากนี้ยังมีประโยชน์อื่นอีกมากจากการบริหารจัดการที่ง่าย ด้วยการใช้เวลาในการทำงานในแต่ละวันน้อยลง รวมถึงความยืดหยุ่น (ดาวน์ไทม์ลดลง) และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้พนักงานมีผลงานมากขึ้น โซลูชันด้านฐานข้อมูลของนูทานิคซ์มอบประโยชน์ที่เป็นจริง จับต้องได้ให้กับลูกค้า ในแง่ของความคล่องตัวมากขึ้น, time to value เร็วขึ้น และต้นทุนรวมต่ำลง