“สมาร์ทซิตี้เกาสง เดินหน้าขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะเชื่อมบริการภาครัฐสู่ประชาชนทั้งด้านสุขภาพ เกษตร การทำงาน พร้อมผลักดันเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปีค.ศ. 2050
ชาร์เลส ลิน (Charless Lin) รองนายกเทศมนตรีเมืองเกาสง ไต้หวัน เปิดเผยว่า เมืองเกาสง ประเทศไต้หวันได้จัดงานประชุมและแสดงนิทรรศการนวัตกรรมด้านสมาร์ทซิตี้ ภายใต้ชื่องานว่า Kaohsiung Smart City Summit & Expo 2024 (KSCSE) ซึ่งเมืองเกาสงกำลังสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับการพัฒนาเมืองที่ยั่งยืนและบริการด้านเฮลท์แคร์
โดยมีการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี 5G และ AIoT (ปัญญาประดิษฐ์ของสรรพสิ่ง) เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ วิสัยทัศน์ในการพัฒนาและสร้างเมืองอัจฉริยะของเกาสง เพื่อรับการกับเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีของประชากรโดยเฉพาะด้านสุขภาพ
สำหรับเทคโนโลยี AI เข้ามามีบทบาทโดยเราเรียนรู้กระบวนการทำงานและเซ็ทอัพด้านเฮลท์แคร์ สู่ Kaohsiung Healthcare ที่มีการพัฒนาแอพพลิเคชั่นที่เชื่อมโยงดาต้าแบบเรียลไทม์ “Super App” ที่รวบรวมบริการสำคัญของภาครัฐที่จำเป็นสำหรับประชาชน ตัวอย่าง ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงบริการด้านการดูแลสุขภาพและจัดการเวชระเบียนส่วนบุคคลที่รวบรวมไว้ได้
ส่วนกลุ่มเกษตรกรสามารถใช้แอปนี้เพื่อเชื่อมต่อกับนักวิจัยด้านการเกษตรและรับคำแนะนำในการพัฒนาผลิตผลได้ รวมถึงการใช้บริการแท็กซี่ จะต้องคีย์พาสเวิร์ดเข้าระบบ และสามารถตรวจสอบพิกัดจากครอบครัวร่วมกันได้ เป็นต้น อีกทั้งยังสามารถเชื่อมกับบริการอื่นๆ อีกมากมายที่จะต่อยอดในอนาคต
นอกจากนี้ยังวางแผนด้านการพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยี เช่น 5G และ AIoT เข้ากับภาครัฐและเอกชนโดยมีการส่งเสริมธรรมาภิบาลดิจิทัล และขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางอุตสาหกรรม เมืองเกาสงตั้งเป้าที่จะสร้างภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจที่ไม่เคยมีมาก่อน ด้วยการส่งเสริมอุตสาหกรรมดั้งเดิมให้มีมูลค่าเพิ่มและสร้างศูนย์กลางการส่งออกระหว่างประเทศในฐานะเมืองท่าสำคัญ
ในส่วนของภาคอุตสาหกรรม เมืองเกาสง เชื่อมั่น Net Zero ได้100% ในปีค.ศ. 2050 พร้อมด้วยการส่งเสริมและผลักดัน ESG เป็นแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืน ซึ่งย่อมาจาก Environment, Social, และ Governance ตัวอย่าง น้ำที่ปล่อยจากโรงงานอุตสาหกรรม จะมีกระบวนการรีไซเคิลให้กลับมาใช้ใหม่ได้
ทั้งนี้เมืองเกาสง เป็นเมืองที่ตั้งของอุตสาหกรรมและบริษัทด้านเทคโนโลยี ซึ่งจะร่วมขับเคลื่อนสมาร์ทซิตี้และการพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) เป็นสิ่งยืนยันว่าเราทำสำเร็จได้ตามเป้าหมาย
“เมืองเกาสงมีส่วนช่วยประมาณ 20% ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนทั้งหมดของไต้หวันอันเนื่องมาจากเป็นเมืองของอุตสาหกรรมหนัก
ดังนั้นเป้าหมายสำคัญอีกประการหนึ่งที่เน้นย้ำในงาน Kaohsiung Smart City & Summit Expo ปีนี้คือ การบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปีค.ศ. 2050 (ปี พ.ศ. 2593) ผมเชื่อว่าการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการบรรลุเป้าหมายนี้ ปัจจุบันเมืองนี้ใช้พลังงานสีเขียวและมีการรีไซเคิลน้ำ ด้วยเทคโนโลยีมีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนแปลงเป็นเมืองที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงอย่างยั่งยืน” ชาร์เลส ลิน กล่าวปิดท้าย
ศูนย์กลางแห่งความเป็นเลิศสมาร์ทเฮลท์
ทางด้าน เซิง-ฮุ่ย ฮุง (Sheng-Hui, Hung (Ph.D., M.S.) รองเจ้าหน้าที่บริหาร คณะกรรมาธิการร่วมแห่งไต้หวัน กล่าวถึงบทบาทของคณะกรรมการร่วมแห่งไต้หวัน (The Joint Commission of Taiwan -JCT) ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปีพ.ศ. 2562 เพื่อรองรับสมาร์ทเฮลท์ ในการการดูแลสุขภาพแบบอัจฉริยะที่กำลังเติบโต และเป็นแพลตฟอร์มสำคัญสำหรับโรงพยาบาลและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพ
JCT มีการปรับภูมิทัศน์ด้านการดูแลสุขภาพของไต้หวันทุกปีเพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาเทคโนฯและการให้บริการประชาชน JCT มีการพัฒนาโซลูชั่นอย่างต่อเนื่องและได้รับรางวัลมากกว่า 100 รางวัลในหมวดหมู่ต่างๆ ซึ่งเป็นการส่งเสริมนวัตกรรมและสร้างแรงจูงใจในการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการดูแลผู้ป่วยและการดำเนินงานของโรงพยาบาลอัจฉริยะ JCT ยังทำหน้าที่เป็นหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลสำหรับการบริหารจัดการและกระบวนการทำงานให้รับรองโรงพยาบาลอัจฉริยะ เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นไปตามมาตรฐานสากล ปัจจุบันโรงพยาบาล 15 แห่งในไต้หวันได้รับใบรับรองนี้ ซึ่งแสดงถึงความมุ่งมั่นในการบูรณาการเทคโนโลยีขั้นสูงและโซลูชันดิจิทัลเข้ากับการดำเนินงาน
นอกจากนี้แพลตฟอร์ม JCT ยังเชื่อมการทำงานระหว่างภาครัฐและพันธมิตรด้านการดูแลสุขภาพ ทำให้โรงพยาบาลและสถาบันด้านการดูแลสุขภาพต่างๆ ก้าวสู่สมาร์ทเฮลท์ได้ง่ายขึ้น นับเป็นศูนย์กลางแห่งความเป็นเลิศอีกด้านหนึ่งของเมืองเกาสง ด้วยการสนับสนุนจากรัฐบาล JCT ตั้งเป้าหมายในการขยายสู่ระดับภูมิภาค ภารกิจของพวกเขาคือ การขยายความเชี่ยวชาญและทรัพยากรไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยการสนับสนุนการทรานส์ฟอร์มด้านการดูแลสุขภาพที่ชาญฉลาดให้เกิดขึ้น ทาง JCT ยินดีร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและพันธมิตรที่สนใจนำแพลตฟอร์มและองค์ความรู้ไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการพัฒนาสมาร์ทเฮลท์ต่อไป