“ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เสริมพอร์ตโฟลิโอด้านซอฟต์แวร์ เทคโนโลยีดิจิทัล และ AI ครบถ้วนการจัดการพลังงานและความยั่งยืน นำกรณีศึกษาจากทั่วโลก สร้างประสิทธิภาพการใช้พลังงานองค์กรไทย
มงคล ตั้งศิริวิช ประธาน ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ดูแลกลุ่มคลัสเตอร์ ประเทศไทย ลาว และเมียนมา เผยว่า “ปีที่ผ่านมา รายได้ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ทั่วโลก มีความเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง มาจากหลายๆ องค์กรที่เล็งเห็นถึงความสำคัญในการสร้างความยั่งยืน และได้นำเทคโนโลยีมาปรับใช้”
“ซึ่งผลประกอบการปี 2566 ของชไนเดอร์_อิเล็คทริค ทั่วโลกมีรายได้ 35,902 ล้านยูโร โตขึ้น 13 เปอร์เซ็นต์ โดยโซลูชันของ ชไนเดอร์_อิเล็คทริค เป็นโซลูชันที่ช่วยให้องค์กรสร้างความยั่งยืน เราสามารถช่วยให้ลูกค้าทั่วโลกลดการปล่อยคาร์บอนได้ถึง 112 ล้านตันในปี 2566 ภายในเพียงปีเดียว เทียบเท่ากับการดูดซับคาร์บอนของต้นไม้ประมาณ 11,200 ล้านต้น หรือมากกว่า”
เสริมพอร์ตโฟลิโอด้านซอฟต์แวร์ ครบถ้วนการจัดการพลังงานและความยั่งยืน
ที่ผ่านมา ชไนเดอร์_อิเล็คทริค ตอกย้ำและมุ่งมั่นนำเสนอนวัตกรรมเพื่อสนับสนุนด้านความยั่งยืน และได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เสริมพอร์ตโฟลิโอด้านซอฟต์แวร์ นอกเหนือจาก EcoStruxure เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งและประสิทธิภาพที่จะนำลูกค้าไปสู่ความยั่งยืนได้อย่างครบวงจรยิ่งขึ้น
อาทิ AVEVA, IGE+XAO และ ETAP สำหรับลูกค้าที่ใช้ระบบไฟฟ้าเป็นหลัก และซอฟต์แวร์ RIB, Planon สำหรับอาคาร เป็นต้น เพื่อมอบประสบการณ์ที่ครบวงจรให้กับลูกค้าในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมที่ต้องการเดินทางไปสู่ความยั่งยืน
มงคล กล่าวว่า “ชไนเดอร์_อิเล็คทริค มีทิศทางที่ชัดเจน พร้อมเป็นเทคคอมพานี (Tech Company) นำเสนอโซลูชันและซอฟต์แวร์ตอบโจทย์ให้กับภาคธุรกิจในทุกอุตสาหกรรม ตั้งแต่การเริ่มต้นในการวางแผน การสร้าง ไปจนถึงกระบวนการดำเนินงานอย่างไรให้ยั่งยืน”
“นอกจากนี้ ยังได้มีการลงทุนกับเทคโนโลยี AI และแมชชีนเลิร์นนิ่ง มาช่วยลูกค้าในการให้คำปรึกษาเพื่อนำเสนอบริการด้านพลังงานและความยั่งยืน ที่ให้มุมมองเชิงลึกและการวิเคราะห์ในส่วนของพอร์ตด้านพลังงานและความยั่งยืนของบริษัท”
นำกรณีศึกษาจากทั่วโลก เสริมประสิทธิภาพการใช้พลังงาน
สำหรับ ชไนเดอร์_อิเล็คทริค ประเทศไทย นั้น มงคลดเปิดเผยว่า “ในปีนี้ ชไนเดอร์ฯ ประเทศไทยมีความมุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยีไปสนับสนุนในเรื่องของ การบริหารจัดหารพลังงาน การสร้างอาคารอัจฉริยะ การสร้างโรงงานอัจฉริยะ การเสริมประสิทธิภาพการใช้พลังงานในดาต้าเซ็นเตอร์ และการทำสมาร์ทกริด”
“เราอยากจะนำกรณีศึกษาความสำเร็จจากทั่วโลก หรือแม้กระทั่งจากบริษัทชั้นนำในประเทศไทย นำมาต่อยอดและประยุกต์ใช้กับองค์กรอื่นในประเทศไทย ในทุกๆ อุตสาหกรรม เพื่อเกิดการใช้งานในวงกว้างมากขึ้น ซึ่งในท้ายที่สุดจะสามารถบรรลุเป้าหมายการจัดการพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่ความยั่งยืนในอนาคต”
จากการสำรวจกลุ่มองค์กรในประเทศไทยของชไนเดอร์ พบว่า เกือบทุกบริษัทหรือมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ตระหนักดีว่า การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญของความยั่งยืน รวมถึงหลายองค์กรให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพการใช้พลังงานเป็นองค์ประกอบพื้นฐานของแผนความยั่งยืน จึงกล่าวได้ว่าข้อนี้เป็นโอกาสของชไนเดอร์ อิเล็คทริค_ที่จะนำเสนอโซลูชันที่มีประสิทธิภาพ เพื่อการจัดการพลังงานและสร้างความยั่งยืน