บจก. ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล (SCAP) กางแผนธุรกิจปี 65 เดินหน้ามุ่งสู่ Tech Leasing เตรียมนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เร็วกว่าคาดการณ์ จากเดิมช่วงปี 2566-2567
บจก. ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล (SCAP) เปิดแผนงานใหญ่ปี 2565 ชูจุดเด่นด้วยการนำเทคโนโลยีขับเคลื่อนธุรกิจสู่ Tech Leasing ดันเป้าหมายพอร์ตสินเชื่อใหม่ทั้งปีโตไม่น้อยกว่า 60% ด้านหัวเรือใหญ่ วิชิต พยุหนาวีชัยเซอร์ไพร์สนักลงทุน เตรียมนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เร็วกว่าคาดการณ์จากเดิมช่วงปี 2566-2567
วิชิต พยุหนาวีชัย กรรมการผู้จัดการ บจก. ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล หรือ SCAP (เอสแคป) เผยว่า จากการคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 2565 ได้รับแรงส่งจากหลายปัจจัย เช่น การคลายล็อกดาวน์อย่างต่อเนื่อง ความคืบหน้าในการฉีดวัคซีน จะเป็นปัจจัยเร่งให้กิจกรรมเศรษฐกิจภายในประเทศฟื้นตัว หนุนให้ภาคเอกชนกล้าลงทุนเพิ่มขึ้น ผลักดันให้บรรยากาศเศรษฐกิจดีขึ้น
ทั้งนี้ยังคงต้องติดตามการระบาดของไวรัสสายพันธุ์ Omicron (โอมิครอน) บริษัทฯ ได้วางแผนรองรับเรื่องดังกล่าวตั้งแต่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด19 ในช่วงแรก ด้วยการทำธุรกรรมบริการสินเชื่อผ่านระบบออนไลน์ เพื่อสร้างความสะดวกสบายในการให้บริการมากที่สุด ดังนั้นบริษัทฯ จึงได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่น
ขณะที่แผนธุรกิจของเอสแคป ในปี 2565 บริษัทฯ ได้วางแผนการดำเนินงานทั้ง 2 ธุรกิจหลัก คือ สินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน และสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าจะมียอดปล่อยสินเชื่อใหม่เติบโตเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 60% เมื่อเทียบกับปี 2564 โดยธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล บริษัทฯ มีแผนขยายทีมงานฝ่ายขายให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ปรับผลิตภัณฑ์ให้สามารถปล่อยสินเชื่อได้เพิ่มมากขึ้น
รวมถึงการปรับปรุงนโยบายทางเครดิตเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น นับเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจที่ต้องเร่งปรับตัวอย่างสม่ำเสมอ ในส่วนของธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ บริษัทฯ มีแผนเพิ่มจำนวนพนักงานขาย และดีลเลอร์ในท้องถิ่นให้ครอบคลุมมากขึ้นในระดับอำเภอทั่วประเทศ รุกทำการตลาดกับดีลเลอร์ และปรับโปรโมชั่นให้เข้ากับความต้องการของท้องถิ่น ที่สำคัญเร่งพัฒนาระบบการดำเนินการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้เร่งผลักดันในการใช้เทคโนโลยีทำธุรกิจเพื่อก้าวสู่การเป็น Tech Leasing Company เป้าหมายหลักในการขับเคลื่อนองค์กร ด้วยการผสานเทคโนโลยีเข้าสู่ฝ่ายงานต่างๆ ในธุรกิจ เช่น ฝ่ายวิเคราะห์สินเชื่อจาก credit scoring ของกลุ่มลูกค้าที่มีข้อมูลทางการเงินและไม่มีข้อมูลทางการเงิน
อีกทั้งเทคโนโลยีถูกพัฒนาจนสามารถบ่งบอกโอกาสที่ลูกค้าจะทำทุจริตกับบริษัทฯได้ ฝ่ายขายผ่านระบบ เอสฟาสต์ (SFAST) เทคโนโลยีที่สามารถช่วยให้งานการอนุมัติสินเชื่อเกิดขึ้นได้ภายใน 15 นาที เพียงปลายนิ้วสัมผัส งานตรวจสอบฝ่ายขาย บริษัทฯ ได้พัฒนาระบบที่ใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการวางแผนงานตรวจสอบและกำหนดเส้นทางการตรวจสอบให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น การตรวจสอบข้อมูลเครดิตบูโร ผ่านระบบ e-Consent บริษัทฯ ได้ทำงานร่วมกับกรมการปกครอง และ บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ เพื่อให้การตรวจสอบเป็นไปอย่างง่ายดาย
ซึ่งบริษัทฯคาดว่าเราจะได้รับการอนุมัติให้ทำได้ภายในไตรมาสแรกของปี 2565 และการติดตามทวงถามหนี้ บริษัทฯ ได้มีการพัฒนาระบบการทวงถามหนี้ โดยใช้ระบบ GPS เข้ามาช่วยให้การติดตามทวงถามหนี้ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งจากนี้เทคโนโลยีจะเป็นจุดแข็งในการทำธุรกิจของเอสแคปที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างโดดเด่น
“เป้าหมายใหญ่สำหรับปี 2565 คือการเตรียมความพร้อมเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งนับว่าเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ จากเดิมวางเป้าหมายเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ภายในช่วงปี 2566-2567 ซึ่งการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เร็วกว่าแผนที่วางไว้ ส่วนหนึ่งมาจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่เริ่มทยอยฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับ
ขณะเดียวกันผลงานของบริษัทฯ สามารถเติบโตได้ดีเกินกว่าที่คาดไว้ และบริษัทฯ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเข้าระดมทุนเร็วกว่าคาดจะช่วยสนับสนุนโอกาสในการเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดจากเงินทุนที่จะนำไปใช้ในการพัฒนาธุรกิจ และเทคโนโลยีในอนาคต
อีกทั้งยังสร้างความเชื่อมั่น และความน่าเชื่อถือแก่นักลงทุนต่างชาติ นักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนทั่วไปที่สนใจในธุรกิจแห่งอนาคตอย่าง Tech Leasing ทั้งนี้ได้ประมาณการธุรกิจในปี 2565 ด้วยการเติบโตของยอดสินเชื่อคงค้างแตะ 10,000 ล้านบาท” วิชิต กล่าวทิ้งท้าย