Thursday, November 21, 2024
ArticlesCloudColumnistSansiri Sirisantakupt

ความผิดพลาด 6 ประการในการใช้คลาวด์ ที่ทำให้ธุรกิจไม่ประสบความสำเร็จ

CIO

บทสรุปของ 6 วิธีที่ผิดพลาดในการนําคลาวด์มาใช้ในองค์กร ซึ่ง CIO ควรได้เรียนรู้จากข้อผิดพลาดดังกล่าว เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดซ้ำในการนําระบบคลาวด์มาใช้ในองค์กร

ลาวด์ ได้เปลี่ยนโลกไอทีและธุรกิจไปตลอดกาล โดยทั่วไปแล้วดีขึ้น แต่เมื่อนํามาใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง (Misused) ระบบคลาวด์อาจส่งผลย้อนกลับ ในกรณีเลวร้ายที่สุดอาจสร้างความเสียหายต่อการแข่งขันทางธุรกิจในระยะยาว อันนําไปสู่ความล้มเหลวในทางธุรกิจอย่างคาดไม่ถึง

ในปัจจุบันการใช้งานระบบคลาวด์ได้อย่างถูกต้องนั้น ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มีเดิมพันสูงและมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวสามารถส่งกลยุทธ์ระบบคลาวด์ขององค์กรดำดิ่งสู่พื้นได้

บทความโดย: น.อ.สรรสิริ สิริสันตคุปต์ นักวิชาการกองทัพอากาศ เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการรักษาความมั่นคงปลอยภัย ด้านอวกาศและไซเบอร์

สิ่งต่อไปนี้คือ บทสรุปของ 6 วิธีที่ผิดพลาดในการนําคลาวด์มาใช้ในองค์กร ซึ่งผู้บริหารระดับสูง (CIO: Chief Information Officer) ควรได้เรียนรู้จากข้อผิดพลาดดังกล่าว เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดซ้ำในการนําระบบคลาวด์มาใช้ในองค์กร โดยบทความในฉบับมีมุมมองและรายละเอียดที่น่าสนใจดังนี้

1. การวางแผนคลาวด์ที่ขาดกลยุทธ์

องค์กรเสี่ยงจะประสบกับปัญหา หากขาดกลยุทธ์ที่สำคัญในการวางแผนบนระบบคลาวด์ วิลเลียม เพลด์ซุส ผู้อํานวยการอาวุโสและหัวหน้า Center of Excellence บริษัทที่ปรึกษา Capgemini กล่าวว่า “CIO จะต้องมีแนวทางปฏิบัติงานที่ชัดเจนและรอบคอบ (Pragmatic Approach) ถือเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญอย่างยิ่งเมื่อใช้วางแผนไปบนระบบคลาวด์”

อนึ่งการคิดอย่างมีกลยุทธ์เป็นสิ่งจำเป็นเมื่อต้องย้ายไปสู่ระบบคลาวด์ รวมถึงการออกแบบและการเตรียมการทางสถาปัตยกรรมที่เหมาะสม จะช่วยขจัดวันหรือสัปดาห์หรือเดือนของการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น แม้แต่ขั้นตอนเล็กๆ ยังทำให้องค์กรประสบความสำเร็จบนระบบคลาวด์ได้

ประกอบกับการได้เรียนรู้จากความผิดพลาดใดๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างทาง ตั้งแต่ในการวางแผนจนถึงการย้ายไปสู่ระบบคลาวด์นั้น ถือว่ามีความสำคัญเช่นกัน เพลด์ซุส ได้ย้ำ CIO ไว้ว่า “คนที่กระโดดเข้าไปในระบบคลาวด์แล้วเข้าใจทุกอย่างที่เกี่ยวกับคลาวด์ในทันทีนั้น คงไม่มีอยู่บนโลกนี้”

2. การประเมินต้นทุนบนคลาวด์ที่ตํ่าไป

เป็นความเข้าใจผิดที่กล่าวไว้ว่า การย้ายไปสู่ระบบคลาวด์จะนําไปสู่การประหยัดต้นทุนในทันที อาเรฟ มาติน, CTO (Chief Technician Officer) บริษัทสํานักพิมพ์ John Wiley & Sons เตือนว่า “ความเป็นจริงการย้ายไปสู่ระบบคลาวด์มีราคาแพง และถ้าไม่มีภาพรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ครบถ้วนสมบูรณ์ อาจทำให้ธุรกิจนั้นล่มจมได้”

การย้ายไปสู่ระบบคลาวด์มักนําไปสู่ การประหยัดค่าใช้จ่าย แต่การวางแผนอย่างรอบคอบและละเอียดนั้นถือเป็นสิ่งสำคัญ ในขณะที่การย้ายระบบคลาวด์ได้ดำเนินไป ค่าใช้จ่ายที่ซ่อนอยู่จะปรากฏขึ้นและทวีคูณขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

มาติน แนะนําว่า “CIO ต้องตรวจสอบให้แน่ใจตั้งแต่เริ่มโครงการว่ามีงบประมาณ บนระบบคลาวด์แบบองค์รวมอย่างครบถ้วน”

ต้นทุนของคลาวด์จะปรากฏในรูปแบบต่างๆ บางครั้งก็เห็นได้ชัดเจน เช่น ค่าใช้จ่ายการเลิกใช้งานในศูนย์ข้อมูลที่มีอยู่ แต่ยังมีส่วนที่ซ่อนอยู่กับค่าใช้จ่ายจำนวนมากยังมองเห็นไม่ชัด อาทิ ค่าใช้จ่ายการเพิ่มทักษะและการปรับทักษะ (Upskilling & Reskilling) ของบุคลากรมีความสามารถที่มีอยู่ในองค์กร อีกทั้งค่าใช้จ่ายการค้นหาผู้มีประสบการณ์กับสภาพแวดล้อมระบบคลาวด์ที่เหมาะสม หรือแม้กระทั่งการจัดโครงสร้างใหม่ทางธุรกิจขององค์กร

ซึ่ง มาติน ย้ำไว้ว่า “ค่าใช้จ่ายทั้งหมดนี้ CIO ควรนํามาพิจารณาไว้ในการวางแผนย้ายไปสู่ระบบ คลาวด์ขององค์กรด้วย”

3. การไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกได้

ความท้าทายสำคัญที่องค์กรขนาดใหญ่จำนวนมากนั้นต้องเผชิญคือ การใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่กระจายไปตามระบบที่แตกต่างกัน ดาร์ลีน วิลเลียมส์, CIO_บริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ Rocket Software กล่าวไว้ว่า “การทำให้แน่ใจว่าข้อมูลสามารถเข้าถึงได้อย่างปลอดภัยในสภาพแวดล้อมที่หลากหลายทั้งภายในองค์กรและในแอปพลิเคชันที่ทำงานบนคลาวด์ กําลังได้รับความสนใจมากขึ้น”

“แต่ข้อสังเกตจากการสํารวจผู้ใช้บนเครื่องเมนเฟรม (Mainframe) พบว่า 80% เชื่อว่า เทคโนโลยีเมนเฟรมยังคงมีความสำคัญต่อการดำเนินงานทางธุรกิจ” ซึ่งการละทิ้งข้อมูลที่จัดเก็บไว้ในระบบเดิมอาจทำให้แผนกต่างๆ ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณค่าได้

สิ่งสำคัญที่ วิลเลียมส์ ได้เตือน_CIO นั่นคือ “องค์กรที่ปรับสเกลไปทางคลาวด์มากเกินไป เสี่ยงที่จะลืมคุณค่าของข้อมูลที่ถูกล็อกไว้ในฮาร์ดแวร์รุ่นเก่า”

Image by rawpixel.com on Freepik
4. การขยายแพลตฟอร์มที่ไม่เป็นระบบ

ขณะที่ เวย์น คาร์เตอร์ รองประธานฝ่ายวิศวกรรมของ Couchbase ผู้ที่ให้บริการเทคโนโลยีฐานข้อมูลบนคลาวด์ กล่าวว่า “เมื่อใดก็ตามที่เป็นไปได้ CIO_ควรรวมและรวมบริการบนคลาวด์ เพื่อลดค่าใช้จ่ายและหลีกเลี่ยงการขยายแพลตฟอร์มที่ไม่เป็นระบบ (Platform Sprawl) อาทิ แทนที่จะใช้ฐานข้อมูลหลายฐานข้อมูล ก็มาใช้ฐานข้อมูลหลายโมเดล (A Multimodel Database) ที่มีความสามารถในการรวมหลายโมเดลไว้ในฐานข้อมูลเดียว”

“ที่ช่วยให้ทีมไอทีและผู้ใช้รายอื่นนั้นสามารถตอบสนองความต้องการของแอปพลิเคชันต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องปรับใช้ระบบฐานข้อมูลที่แตกต่างกัน ที่สำคัญนั้นป้องกันการใช้จ่ายเงินที่ไม่จำเป็น”

อนึ่ง คาร์เตอร์ ได้แนะนําให้ CIO_พิจารณาอย่างลึกซึ้งภายในองค์กรของตน เพื่อทำความเข้าใจว่ามีการใช้ทรัพยากรซอฟต์แวร์กันอย่างไร “อาจพบมีซอฟต์แวร์ที่สามารถเพิ่มใบอนุญาตได้หลายใบ และสามารถนําไปใช้ได้มากกว่าหนึ่งทีม ซึ่งประโยชน์ที่เห็นได้ชัดนั้นใช้งานได้ทั่วทั้งองค์กร”

5. การรักษาความปลอดภัยบนคลาวด์ที่หละหลวม

การรักษาความปลอดภัยที่หละหลวมนั้น สามารถที่จะทำให้ระบบคลาวด์ขององค์กรกลายเป็นฝันร้ายของ_CIO ได้ ซึ่ง เอ็มมานูเอล โนดิม สถาปนิกระบบคลาวด์บริษัทที่ปรึกษาด้านไอทีของ SPR กล่าวว่า “การหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่เกี่ยวข้องกับ ความปลอดภัยบนระบบคลาวด์นั้น CIO_จำเป็นต้องเข้าใจสภาพแวดล้อมระบบคลาวด์ขององค์กร และต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีรั้วป้องกันที่เหมาะสม เพื่อป้องกันโครงสร้างพื้นฐานขององค์กรจากภัยคุกคามทั้งภายนอกและภายใน”

ที่สำคัญความล้มเหลวในการป้องกันภัยคุกคามจากภายนอกและภายใน อาจนําองค์กรไปสู่จุดจบได้ เพราะมันจะทำลายชื่อเสียงขององค์กร, ทำให้ความไว้วางใจของลูกค้าลดลง และอาจนําไปสู่การสูญเสียส่วนที่สำคัญทางด้านการเงิน โนดิม แนะนํา_CIO ว่า “ทุกขั้นตอนของการวางแผนบนระบบคลาวด์ ควรมีการประเมินด้านความปลอดภัยกันอย่างละเอียด”

6. การย้ายไปสู่คลาวด์อย่างเร่งรีบ

บางองค์กรย้ายไปสู่ระบบคลาวด์อย่างเร่งรีบและกระตือรือร้นเกินไป มักจะชอบวิธีการย้ายข้อมูลในแบบ “ยกและเปลี่ยน” (Lift & Shift) โดยประเมินต้นทุนระยะยาวที่ตํ่าเกินไป ซึ่งเกี่ยวกับความล้มเหลวในการปรับแต่งแอพพลิเคชันที่ล้าสมัยให้เหมาะสม

มาร์โก โรมัน หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการภาคสนามในอเมริกาเหนือ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการให้คําปรึกษาและพัฒนาเทคโนโลยีเตือนว่า “องค์กรที่ได้ขับเคลื่อนไปสู่ดิจิทัลโดยไม่มีขั้นตอนที่เหมาะสม จะต้องจ่ายเพิ่มสำหรับค่าใช้จ่ายบนคลาวด์ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยถึง10%”

“ระยะเวลาของการปรับและส่งมอบแอปฯ รุ่นเก่า (Legacy Application) ที่ล่าช้าได้ถึง 400%, ช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่มีความเสี่ยงที่สูง และการบำรุงรักษาที่ไม่น่าเชื่อถือ (Staggering Maintenance) ด้วยคําเตือนดังที่กล่าวคงทำให้ CIO_ได้เรียนรู้และเข้าใจวิธีที่ผิดพลาดการนําคลาวด์มาใช้อย่างเร่งรีบ”

ข้อคิดที่ฝากไว้

ระบบคลาวด์ได้เข้าไปเกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง สามารถสนับสนุนและปรับปรุงการดำเนินงานทางธุรกิจหลักในหลายๆ ด้าน ซึ่งทุกองค์กรควรมองไปข้างหน้าเสมอ ส่วน CIO_จำเป็นต้องพิจารณาวิธีที่ดีที่สุดในการรองรับอนาคตและสร้างการออกแบบคลาวด์ เพื่อขับเคลื่อนสู่การเติบโตนํามาซึ่งผลกําไรใหม่

รวมทั้งรักษาประสิทธิภาพและความปลอดภัย ด้วยการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจให้รองรับมัลติคลาวด์, การประมวลผลบนคลาวด์ของเอดจ์คอมพิวติ้ง (Cloud Edge Computing) และความก้าวหน้าอื่นๆ

สิ่งสำคัญคือ_CIO จะต้องมีกรอบการทำงานที่ชัดเจนรอบคอบในการจัดการที่ดีที่สุดให้กับความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องบนระบบคลาวด์

อ่านบทความทั้งหมดของ ..สรรสิริ สิริสันตคุปต์

Featured Image: Image by svstudioart on Freepik