ในการซื้อสินค้าออนไลน์ทุกวันนี้ จะเห็นได้ว่าผู้บริโภคไม่ต้องใช้เวลานานในการค้นหาสินค้าที่ต้องการอีกต่อไป เพราะโลกออนไลน์ในยุคสมัยนี้ฉลาดและรู้ใจ ผู้บริโภคมักจะได้เห็นโฆษณาสินค้าที่ตรงใจ มาในเวลาที่ใช่ กระตุ้นให้เกิดการคลิกเข้าไปดูอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเร็วๆ นี้ ภายในงาน LINE THAILAND BUSINESS 2022 จัดโดย LINE for Business ได้ประกาศโร้ดแมป การพัฒนาโซลูชั่นธุรกิจบน LINE ปี 2023 ที่จะเน้นการพัฒนาเครื่องมือที่ช่วยให้แบรนด์ได้รู้จักและรู้ใจลูกค้ามากขึ้นด้วยดาต้า สามารถเชื่อมต่อแบรนด์กับลูกค้าตลอดเส้นทางของการช้อปปิ้ง ตั้งแต่สร้างการรับรู้ (Awareness) สร้างความสนใจ (Interest) กระตุ้นความต้องการ (Desire) ปิดการขายได้ (Action) และรักษาฐานลูกค้า (Retain) ไว้กับแบรนด์ให้นานที่สุด
ด้วยจุดแข็งของ LINE ที่มีผู้ใช้งานกว่า 53 ล้านคน ถือเป็นแพลตฟอร์มทรงพลังที่สามารถนำพาให้แบรนด์เข้าถึงคนกลุ่มใหญ่ได้ดีที่สุด ด้วย Ecosystem ของ LINE ที่ประกอบด้วยหลากหลายบริการรวมไว้ให้ผู้ใช้ ง่ายต่อการเข้าถึง เข้าใช้ ผ่านแอปฯ LINE ได้ในที่เดียว
ทั้งผ่านหน้า HOME, หน้า CHAT LIST, LINE VOOM, LINE TODAY, LINE WALLET ไปจนถึง LINE OPENCHAT และ LINE WEBTOON เป็นต้น ในขณะเดียวกัน ก็มีเครื่องมือโซลูชั่นต่างๆ มากมาย ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถใช้ ‘ดาต้า’ ทำการตลาดแบบเฉพาะเจาะจงได้ ที่กำลังเป็นที่นิยมด้วยการสร้างคอนเทนต์ส่งตรงเข้าหากลุ่มคนเฉพาะเป้าหมายของแบรนด์
วีระ เกษตรสิน ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมและหัวหน้าฝ่ายจัดการผลิตภัณฑ์ LINE ประเทศไทย ได้เปิดเผยถึงหลากหลายฟีเจอร์และโซลูชั่นใหม่ ที่จะช่วยต่อยอดธุรกิจไทย สามารถทำการตลาดบน LINE ได้ดียิ่งขึ้นรับปี 2566
โดยได้เกริ่นถึงโซลูชั่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปในปีนี้อย่าง Business Manager โซลูชั่นสำหรับบริหารจัดการข้อมูลที่ได้ทั้งจาก LINE OA และ LINE Ads ช่วยให้แบรนด์สามารถแชร์ดาต้าของลูกค้าจาก 2 ช่องทางหลักยอดนิยมนี้ร่วมกันได้
อาทิ ข้อมูลความสนใจที่เก็บจากการสื่อสารกับลูกค้าบน LINE OA ข้อมูลการคลิกโฆษณาบน LINE Ads เป็นต้น เพื่อนำมาวิเคราะห์ สร้างกลุ่มเป้าหมายสำหรับ Retarget กลับไป ทั้งในเชิงการสื่อสารผ่าน LINE OA และเชิงการตลาดผ่านการยิงโฆษณาบน LINE Ads ได้อย่างตรงกลุ่ม ครอบคลุมและชัดเจนกว่าเดิม อีกทั้งแบรนด์ยังสามารถอัปโหลดข้อมูลลูกค้าที่แบรนด์มีอยู่ เช่น อีเมลล์ เบอร์โทร ที่อยู่ของลูกค้า ฯลฯ มาร่วมวิเคราะห์บน Business Manager ได้อีกด้วย ซึ่งโซลูชั่นนี้เปิดให้แบรนด์ใช้งานแล้วในปัจจุบัน
สำหรับในปี 2566 นี้ LINE ยังได้เตรียมพัฒนาประสิทธิภาพของเครื่องมือในเชิงดาต้าไปอีกขั้นด้วย Persona Targeting ฟีเจอร์ใหม่ที่จะช่วยแบรนด์ในการหากลุ่มเป้าหมายได้แบบเฉพาะเจาะจงและถูกคนมากขึ้น ด้วยการรวมข้อมูล ทั้งด้านประชากรศาสตร์ ความสนใจ พฤติกรรมความชอบ และพฤติกรรมการช้อปปิ้ง เข้าไว้ด้วยกัน
และ LINE ยังมีแผนความร่วมมือกับ ADA หนึ่งในผู้ให้บริการการตลาดดิจิทัลครบวงจรชั้นนำของเมืองไทย ในการให้แบรนด์สามารถนำข้อมูลผู้บริโภคจากทาง ADA เข้ามาเสริมในการทำการตลาดบน LINE เพื่อการทำ Target Marketing ที่มีความแม่นยำมากขึ้น โดยฟีเจอร์ Persona Targeting และแผนความร่วมมือกับ ADA มีแผนเปิดให้บริการในไตรมาสแรกของปีหน้านี้
ในขณะเดียวกัน LINE ยังได้ประกาศข่าวดี กับแผนการพัฒนาโซลูชั่น MyCustomer สำหรับ SME จากเดิมที่เปิดให้บริการเฉพาะกลุ่มธุรกิจองค์กรใหญ่ วันนี้ LINE พร้อมพัฒนาโซลูชั่นดังกล่าวให้เหมาะสมกับการใช้งานโดย SME มากขึ้น
โดย MyCustomer คือโซลูชั่นเชิงดาต้า ที่ช่วยให้แบรนด์สามารถเข้าถึงข้อมูลความสนใจของลูกค้า ด้วยการทำหน้าที่เป็นถังรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้าที่เกิดขึ้นบน LINE OA ให้กับแบรนด์ เช่น ข้อมูลการคลิกดูข้อความที่แบรนด์บรอดแคสต์ ข้อมูลการตอบแบบสอบถามหรือ Survey เป็นต้น
ด้วยจุดเด่นของ Survey ที่จัดทำขึ้นด้วยระบบของ MyCustomer ทำให้แบรนด์ได้รับข้อมูลเรียลไทม์ ในกรณีที่ลูกค้าเข้ามาอัปเดทหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลใน Survey ใดๆ ก็ตาม ระบบจะอัปเดทข้อมูลใหม่ให้แบรนด์พร้อมใช้งานได้เลยทันทีแบบอัตโนมัติ
พร้อมการเพิ่มฟีเจอร์ให้ MyCustomer สามารถเชื่อมต่อกับ FB Page ของแบรนด์ได้ ทำให้แบรนด์สามารถติดตามพฤติกรรมความสนใจของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ได้กว้างขึ้นอีกด้วย LINE มีแผนเปิดให้บริการ MyCustomer สำหรับ SME ในไตรมาส 3 ปีหน้านี้
อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญ คือ LINE SHOPPING Ads ความสามารถใหม่ที่จะช่วยเสริมประสิทธิภาพการยิงโฆษณาของแบรนด์บน LINE Ads ที่ดึงลูกค้าเข้ามาที่ร้านบน LINE SHOPPING ช่วยให้แบรนด์สามารถติดตามผลของโฆษณาที่ลงผ่าน LINE Ads ว่าสามารถดึงลูกค้าเข้ามาที่หน้าร้าน
และนำไปสู่การปิดการขายบน LINE SHOPPING ได้จริงหรือไม่ ทำให้แบรนด์สามารถบริหารจัดการงบประมาณในการลงโฆษณาบน LINE Ads ได้ดีขึ้น อีกทั้งยังสามารถนำข้อมูลมาปรับปรุงโฆษณา ปรับปรุงหน้าร้านออนไลน์ เข้าใจพฤติกรรมและความสนใจของลูกค้าได้ลึกซึ้งมากขึ้น โดยฟีเจอร์นี้จะเปิดให้บริการในสิ้นปีนี้
และเมื่อการรักษาลูกค้าเก่าต้นทุนต่ำกว่าการหาลูกค้าใหม่ การสร้างความภักดีของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์จึงสำคัญมาก เพราะเมื่อลูกค้ารักแบรนด์จะไม่เพียงสนับสนุนใช้บริการต่อเท่านั้น แต่ยังบอกต่อ เชิญชวนลูกค้ารายใหม่ๆ เข้ามาเป็นลูกค้าให้กับแบรนด์อีกด้วย
LINE จึงได้พัฒนาโซลูชั่นใหม่ MyCRM เครื่องมือการบริหารความสัมพันธ์ลูกค้าด้วยต้นทุนที่ต่ำลง ช่วยให้แบรนด์สามารถสร้างระบบต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับ CRM เช่น ระบบสะสมคะแนน ระบบสมาชิก ระบบสอบถามความพึงพอใจจากลูกค้า เป็นต้น ได้ด้วยตนเอง
และยังสามารถนำข้อมูลเก็บกลับไปใช้ใน MyCustomer ได้อีกด้วย ถือเป็นการรักษาฐานลูกค้าที่มีประสิทธิภาพ โดยมีแผนที่จะเปิดให้บริการในไตรมาส 3 ของปีหน้า
และสุดท้ายในด้านของการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า LINE ได้พัฒนา LINE Official Notification บริการแจ้งเตือนพิเศษ จากแบรนด์สู่ลูกค้า เช่น แจ้งเตือนนัดหมาย แจ้งเตือนการจองสินค้า เป็นต้น ซึ่งการแจ้งเตือนผ่าน LINE OA แบบอัตโนมัติจะช่วยยกระดับบริการของแบรนด์ที่มีต่อลูกค้า และยังมีความน่าเชื่อถืออีกด้วย ซึ่งจะพร้อมให้บริการในไตรมาสแรกของปีหน้า
“โซลูชั่น ภายใต้โรดแมป ปี 2023 นี้ เป็นความมุ่งมั่นของ LINE ในการสนับสนุนธุรกิจไทยด้วยโซลูชั่นที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยนักพัฒนาคนไทยที่เข้าใจและมีอินไซต์ธุรกิจในประเทศเป็นอย่างดี เราจึงพยายามออกแบบโซลูชั่นได้ตอบโจทย์ผู้ประกอบการไทยมากที่สุด
เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเครื่องมือเหล่านี้จะเป็นตัวช่วยหลักสำคัญ ที่ทำให้ธุรกิจไทยมีความพร้อมในการฝ่ามรสุมเศรษฐกิจครั้งนี้ไปได้ และมองหาโอกาสใหม่ๆ เพื่อสร้างการเติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืน” วีระ กล่าวสรุป