PLANET เสริมแกร่งธุรกิจ ตั้งบ.ย่อย “แพลนเน็ต ไซเบอร์” รุกธุรกิจระบบรักษาความปลอดภัย Cyber Security ให้บริการหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน บิ๊กบอส “ประพัฒน์ รัฐเลิศกานต์” ลั่นเดินหน้าขยายการลงทุนตามแผนการเติบโต มั่นใจ แนวโน้มผลงานปี 2565 เติบโต อย่างต่อเนื่อง
ปประพัฒน์ รัฐเลิศกานต์ ประธานกรรมการบริหาร และ กรรมการผู้อำนวยการและหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANET เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้จัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ชื่อ บริษัท แพลนเน็ต ไซเบอร์ จำกัด เพื่อประกอบกิจการ ซื้อ ขาย ออกแบบ ติดตั้ง และให้บริการหลังการขาย ผลิตภัณฑ์ทางด้านระบบการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้แก่ภาครัฐ และภาคเอกชน
ทั้งนี้ บริษัทย่อยดังกล่าว มีวัตถุประสงค์การลงทุนเพื่อลงทุนระยะยาวตามแผนธุรกิจของบริษัท ซึ่งบริษัทจะได้รับผลตอบแทนเป็นเงินปันผลและผลประกอบการทางธุรกิจ โดยมีทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท ซึ่ง PLANET ถือหุ้น 99.9996%
ประพัฒน์ กล่าวต่อด้วยว่า การจัดตั้ง บริษัทย่อย บริษัท แพลนเน็ต ไซเบอร์ จำกัด ดังกล่าว เป็นไปตามแผนการลงทุนระยะยาว โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้มีการเดินหน้าและศึกษาเพื่อลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ที่มีศักยภาพมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้ได้มีการจัดตั้ง บริษัท แพลนเน็ตยูทิลิตี้ จำกัด เพื่อประกอบธุรกิจบริหารจัดการ ให้บริการผลิตน้ำประปาและไฟฟ้า เพื่อจำหน่ายหรือจำหน่ายน้ำประปาหรือกระแสไฟฟ้าไปแล้ว ซึ่งถือว่ามีทิศทางที่ดี และมีโอกาสสร้างได้รายในระยะยาวให้กับบริษัทฯ
สำหรับ ธุรกิจด้านระบบการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้แก่ภาครัฐ และภาคเอกชนดังกล่าว ก็ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจ ที่บริษัทฯได้มีการศึกษาและพิจารณามาระยะหนึ่ง และในฐานะที่ PLANET เป็นผู้นำและมีประสบการณ์และเชี่ยวชาญการให้บริการด้านคำปรึกษา พัฒนา และติดตั้งในธุรกิจระบบสื่อสารโทรคมนาคมแบบครบวงจรสำหรับลูกค้าทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ได้แก่ ระบบสื่อสารผ่านดาวเทียม (Satellite Communication) ระบบการสื่อสารแบบมีสายและไร้สาย (Wire & Wireless Network) ระบบมัลติมีเดีย และระบบถ่ายทอดสัญญานโทรทัศน์และดิจิทัลทีวี (Broadcasting & Digital Television) มายาวนานกว่า 30 ปี
นอกจากนี้ ยังได้ขยายธุรกิจไปสู่เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ (Internet of Things: IoT) นวัตกรรมด้านระบบปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) แพลตฟอร์มข้อมูลเมือง (City Data Platform) ระบบเสาอัจฉริยะ (Smart Pole)
รวมทั้งยังขยายงานไปยังภาคธุรกิจด้านสาธารณูประโภค (Utilities) และมีแนวทางการพัฒนาโครงการด้านเทคโนโลยีขั้นสูง จึงมั่นใจว่า การตัดสินใจขยายกิจการและลงทุนใหม่ๆดังกล่าวนี้ จะได้ผลตอบรับที่ดี และเชื่อว่าแนวโน้มทางธุรกิจตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป จะเริ่มเติบโตอย่างมั่นคง