Wednesday, April 2, 2025
ArticlesExecutive TalkInterview

OutSystems เดินหน้าสร้างความเปลี่ยนแปลงด้วยเทคโนโลยี Low Code

OutSystems บริษัทไอทีดาวรุ่งจากโปรตุเกส เดินหน้า สร้างความเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมการสร้างแอปฯ ในไทย ด้วยเทคโนโลยี Low Code วางกลยุทธ์การสร้างเครือข่ายพันธมิตร พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI

.

สัมภาษณ์พิเศษ มาร์ค วีสเซอร์ รองประธานกรรมการ เอเชียแปซิฟิก OutSystems บริษัทผู้พัฒนา แพลตฟอร์มการสร้างแอปพลิเคชันแบบ Low Code กลยุทธ์และแผนงานของ OutSystems ในประเทศไทยมีอะไรบ้าง โร้ดแมปการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ ตลอดแนวคิดการใช้เทคโนโลยี Low Code ในการแก้ไขปัญหาการปัญหาการขาดแคลนบุคลากร

เดินหน้า สร้างความเปลี่ยนแปลงในวงการสร้างแอปฯ ในไทย

OutSystems บริษัทไอทีดาวรุ่งจากโปรตุเกส ที่กำลังสร้างความเปลี่ยนแปลงในวงการแพลตฟอร์มสร้างแอปพลิเคชันแบบเขียนชุดคำสั่งน้อย หรือเทคโนโลยีโลว์โค้ด (Low Code) ได้เข้ามาเปิดตลาดในประเทศไทย เพราะเห็นความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับองค์กรต่างๆ ในการสร้างแอปพลิเคชันอย่างรวดเร็ว เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ควบคู่ไปกับเศรษฐกิจดิจิทัลที่กำลังเติบโต

มาร์ค อธิบายว่า “เราเห็นการเปลี่ยนผ่าน สู่เส้นทางดิจิทัลอย่างรวดเร็วในองค์กรต่างๆ ในทุกๆ ธุรกิจ อาทิ การธนาคาร สื่อ ประกันภัย พลังงาน ภาครัฐ และบริการทางการเงิน ซึ่งทุกธุรกิจต่างก็มองหาวิธีการที่จะปรับปรุงระบบเดิมให้ทันสมัยยิ่งขึ้น คงความคล่องตัว และรักษาความสามารถในการแข่งขันในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล”

“OutSystems ได้ช่วยเหลือลูกค้าในแต่ละประเทศปรับปรุงกระบวนการพัฒนาและปรับสเกลของแอปพลิเคชัน โดยไม่กระทบต่อประสิทธิภาพการทำงาน โดบมุ่งมั่นส่งเสริมธุรกิจในประเทศไทยเพื่อเร่งและลดความซับซ้อนของ การเปลี่ยนแปลงสู่ธุรกิจดิจิทัล”

“ที่ผ่านมาการเติบโตในประเทศไทยนั้น มีการยกระดับเป้าหมายให้สูงขึ้น ในการเพิ่มศักยภาพให้กับองค์กรในประเทศด้วยการ พัฒนาแอปพลิเคชัน Low Code ที่ทรงประสิทธิภาพสูง ตัวอย่างเช่น ความร่วมมือกับ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) เพื่อช่วยเปลี่ยนกระบวนการทางธุรกิจให้เป็นดิจิทัล พัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อบรรเทาปัญหาที่ติดขัด และบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนในระยะยาว”

วางกลยุทธ์และแผนงานของ OutSystems ในประเทศไทย

“เราอาศัยกลยุทธ์การสร้างเครือข่ายพันธมิตรให้ขยายมากขึ้น ประกอบกับความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม และบุคลากรเพื่อสนับสนุนลูกค้าในประเทศไทยให้ได้ดียิ่งขึ้น ในตลาดทั่วโลกของ OutSystems นั้น ทำงานร่วมกับพันธมิตรและลูกค้ามากกว่า 400 ราย เพื่อให้มั่นใจว่าทีมนักพัฒนาสามารถรัน และสร้างแอปพลิเคชันได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยแพลตฟอร์มของเรา รวมทั้งสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรที่มีความสามารถ ด้านเทคโนโลยีและความสามารถในการแข่งขันทางดิจิทัล”

“ในแง่ของผลิตภัณฑ์และโซลูชัน OutSystems เพิ่งประกาศเปิดตัว Project Morpheus ซึ่งเป็นโร้ดแมพใหม่สำหรับ โซลูชัน Low Code ที่ขับเคลื่อนด้วย AI  ด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีด้วย AI เหล่านี้ นักพัฒนาจะสามารถใช้ ข้อความสนทนาหรือข้อความที่ปรากฏขึ้นเพื่อสร้างแอปพลิเคชันได้ภายในไม่กี่นาที”

“สามารถเรียกดูการเปลี่ยนแปลงบนแอปฯ แบบเรียลไทม์ และสร้างแอป AI ของตนเองพร้อมเชื่อมต่อกับบริการต่างๆ เช่น ไมโครซอฟท์, กูเกิล และ AWS นอกจากนี้ยังได้ประกาศตัวเชื่อมต่อ OutSystems_ใหม่สำหรับ ChatGPT เราเชื่อว่าฟีเจอร์เหล่านี้จะปฏิวัติการ พัฒนาซอฟต์แวร์ในประเทศไทยและที่อื่นๆ และช่วยยกระดับประสิทธิภาพการทำงานของนักพัฒนาไปอีกระดับ”

“นอกจากนี้เรายังเปิดตัว OutSystems_Developer Cloud (ODC) ซึ่งเป็นโซลูชัน Low Code ประสิทธิภาพสูงสำหรับ การสร้างแอปพลิเคชันแบบเนทีฟคลาวด์ ODC มอบประสบการณ์แบบครบวงจรให้กับนักพัฒนา ซึ่งเป็นการรวมศูนย์ ประสบการณ์การจัดการแอปและผู้ใช้ไว้ในที่เดียว ตั้งแต่การออกแบบและการแก้ไขข้อบกพร่องของระบบไปจนถึง การปรับใช้และการตรวจสอบ” มาร์ค กล่าว

แพลตฟอร์มที่เร่งการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลสำหรับธุรกิจไทย

มาร์ค อธิบายว่า “การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกสำหรับตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย จากผลสำรวจการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลของประเทศไทย 2565 ของดีลอยท์ พบว่า 95% ของบริษัทไทย เห็นพ้องว่า การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับพวกเขา ในการรักษาความสามารถในการแข่งขัน”

คำถามที่ตามมาคือ แพลตฟอร์ม Low Code จะอยู่ตรงจุดไหนบนถนนของการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัล ข้อนี้ มาร์ค กล่าวว่า “แพลตฟอร์มของ_OutSystems นำเสนอแนวทางการเขียนโค้ดด้วยภาพ พร้อมด้วยเทมเพลตที่สร้างไว้ในตัวโมเดลแบบลากและวาง และเครื่องมืออื่นๆ ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อช่วยให้กระบวนการเขียนโค้ดดำเนินไป ได้อย่างรวดเร็ว”

“ธุรกิจจึงสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการพัฒนาซอฟต์แวร์ ตลอดจนปรับเปลี่ยน และส่งมอบแอปพลิเคชันใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด”

“ช่วยลด การเขียนโค้ดด้วยโปรแกรมที่น่าเบื่อสำหรับทีมนักพัฒนา ช่วยให้พวกเขาปรับเปลี่ยนหรือแก้ไขงานได้เร็วกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้วิธีการเขียนโค้ดแบบดั้งเดิม ซึ่งหมายความว่าสามารถปรับแต่งแอปพลิเคชันแบบเรียลไทม์ ได้ทันทีเพื่อตอบรับกับตลาดที่มีการแข่งขันสูง การถูกดิสรัป หรือโอกาสในการคว้าสิ่งใหม่ๆ”

“นอกจากนี้ แพลตฟอร์ม Low Code ของ_OutSystems ยังมอบความสามารถด้านความปลอดภัยระดับองค์กรที่ครอบคลุม ซึ่งจำเป็นสำหรับการสร้างแอปพลิเคชันต่างๆ ของลูกค้าที่มีความสำคัญยิ่ง ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถสร้างแอปฯ ได้อย่างรวดเร็ว และปรับลดได้ตามต้องการ

ให้การตรวจสอบความปลอดภัยและประเมิน เพื่อตรวจหาช่องโหว่ได้ อย่างชาญฉลาดในระหว่างกระบวนการพัฒนา ด้วยจำนวนที่เพิ่มขึ้นของระบบอัตโนมัติแบบไฮเปอร์ออโตเมชัน ทั่วทั้งองค์กรและความคิดริเริ่มทางธุรกิจที่สามารถ นำมาผสานกันได้”

“เรายังมองเห็นความต้องการทักษะด้านดิจิทัลที่แซงหน้าอุปทานอีกด้วย การใช้ Low Code ประสิทธิภาพสูง ช่วยให้นักพัฒนาที่ไม่มีความเชี่ยวชาญด้านการเขียนโค้ดแบบดั้งเดิม สามารถออกแบบแอปพลิเคชัน ระดับองค์กรได้ เพิ่มโอกาสให้กับทีมงานจากหลากหลายหน่วยงานเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น และลดช่องว่างความ สามารถด้านเทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“ท้ายที่สุดแล้ว เรามอบความคล่องตัว ขุมพลัง และความสะดวกให้กับองค์กรต่างๆ เพื่อสร้างแอปพลิเคชันที่สำคัญต่อ ธุรกิจที่มีความซับซ้อนได้อย่างปลอดภัย ขับเคลื่อนนวัตกรรม และช่วยเร่งการออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น OutSystems ยังสามารถเป็นเสมือนตัวเชื่อมระหว่างแอปพลิเคชันรุ่นเก่าและแอปพลิเคชันสมัยใหม่ หรือในบางกรณีช่วยให้องค์กร ต่างๆ ปรับปรุงระบบเดิมให้ทันสมัยได้ทั้งหมด”

เทคโนโลยี Low Code กับการแก้ปัญหาการขาดแคลน คน ด้านเทคโนโลยี

ในภูมิทัศน์ที่ขับเคลื่อนด้วยดิจิทัลในปัจจุบัน เป็นเรื่องสำคัญที่จะอุดช่องโหว่ของการขาดแคลน tech talent เพื่อเพื่อ ตอบรับความต้องการด้านความคล่องตัวและความยืดหยุ่นทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

มาร์ค ให้ความเห็นว่า “ปัญหาเหล่านี้สามารถจัดการกับปัญหาด้วยการใช้โซลูชัน Low Code โดยการเพิ่มทักษะและปรับเปลี่ยนทักษะให้กับผู้มีความสามารถที่เรามีอยู่ภายในองค์กร ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของนักพัฒนาเพื่อให้ทำงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ”

“การใช้ Low code ช่วยให้นักพัฒนารุ่นเยาว์และผู้สนใจด้านเทคโนโลยีที่ไม่มีประสบการณ์การเขียนโค้ดมายาวนาน สามารถสร้างแอปพลิเคชันที่คล้ายกับแอปพลิเคชันที่พัฒนาโดยมืออาชีพ โดยสามารถเรียนรู้โซลูชันได้อย่างรวดเร็ว ไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาไม่นาน”

“นอกจากนี้ Low Code ยังช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของนักพัฒนา ด้วยการเร่งการพัฒนาซอฟต์แวร์ได้มากถึงสิบเท่าเมื่อเทียบกับวิธีการแบบเดิม ช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถตอบสนองความต้องการด้าน การพัฒนาในระดับสูงได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรเพิ่มเติม ขณะเดียวกันก็ลดภาระและความเหนื่อยล้าของ นักพัฒนาอีกด้วย”

นักพัฒนาไม่เพียงแต่สามารถใช้ประโยชน์จากข้อดีต่างๆ ของ Low Code เท่านั้น แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ การใช้ Low Code สอดคล้องกับสิ่งที่พวกเขาเห็นว่าสำคัญในการรักษาแรงจูงใจ และการมีส่วนร่วมในองค์กร

ความต้องการการปรับใช้แอปพลิเคชันที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและกระบวนการทำงานแบบอัตโนมัติ กำลังผลักดันให้ องค์กรต่างๆ หันมาใช้เทคโนโลยีการพัฒนาแบบ Low Code”

Gartner คาดการณ์ว่ากระบวนการพัฒนาแอปพลิเคชัน มากกว่า 65% จะทำบนแพลตฟอร์ม Low Code ภายในปี 2567

ในขณะเดียวกัน IDC ทำนายว่า การเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนหลักในการลงทุนและการเติบโตในภูมิภาค ภายใน ปี 2569 40% ของรายได้รวมสำหรับองค์กร 2,000 อันดับแรกในเอเชียแปซิฟิกจะถูกสร้างขึ้นจากผลิตภัณฑ์บริการ และประสบการณ์แบบดิจิทัล เพิ่มขึ้นจาก 26% ในปี 2565

“โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้ที่ AI เป็นปัจจัยผลักดันสำหรับ การนำนวัตกรรมมาใช้ ธุรกิจที่ต้องการใช้ประโยชน์จาก AI โดยไม่ต้องไปยุ่งกับงานเขียนโค้ดที่ซับซ้อนก็สามารถใช้ ประโยชน์จากโซลูชัน Low Code ประสิทธิภาพสูงเพื่อสร้างแอปพลิเคชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า” มาร์ค กล่าวสรุป

Featured Image: Image by lucabravo on Freepik