สสว. ปล่อยแคมเปญ จ่ายหนึ่งหมื่น คืนเก้าพัน อุดหนุน MSME ใช้ไอที-ดิจิทัล และโปรแกรมบัญชี

“สสว. เร่งอุดหนุน MSME เข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการไอที-ดิจิทัล โปรแกรมบัญชี จัดแคมเปญ จ่ายหนึ่งหมื่น คืนเก้าพัน ให้ MSME ทุกขนาด ในสัดส่วน 90% วงเงินไม่เกิน 10,000 บาท สำหรับ MSME 5,000 รายแรก วันนี้ – 30 กันยายน 2566

สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ประกาศความร่วมมือ กับสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย และสมาคมสำนักงานบัญชีไทย เปิดแคมเปญ จ่ายหนึ่งหมื่น คืนเก้าพัน ซึ่งเป็นการให้การอุดหนุนวิสาหกิจขนาดย่อย ขนาดย่อม และขนาดกลาง หรือ MSME เข้าถึงสินค้าและบริการด้านเทคโนโลยีไอทีและดิจิทัล รวมถึงโปรแกรมบัญชี ซึ่งเป็นเครืองมือสำคัญสนับสนุนการเติบโต สร้างรายได้ มีประสิทธิภาพในการบริหารงานที่ดีขึ้น

วีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า “สสว. มีพันธกิจในการบูรณาการ และผลักดันการส่งเสริม MSME ของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อให้ MSME สามารถเติบโตและแข่งขันได้ในระดับสากล”

“เทคโนโลยีไอที ดิจิทัล รวมถึงระบบการบัญชีที่ทันสมัยเป็นเครืองมือสำคัญที่จะช่วยสร้างประสิทธิภาพให้กับผู้ประกอบการ ช่วยสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการเพิ่มขึ้น มีระบบการบริหารจัดการองค์กรดีขึ้น ประหนัดต้นทุนและเวลา เป้นสิ่งจำเป็นต่อผู้ประกอบการทุกขนาด และทุกอุตสาหกรรม

“ยกตัวอย่างเช่น กลุ่มโรงแรม หรือร้านอาหารที่ต้องการเครื่องมือดิจิทัลเข้ามาช่วย อาทิ ระบบบัญชีที่ประสิทธิภาพ  และเป็นมาตรฐาน การจัดการระบบเรื่องเงินเดือน ระบบหลังบ้าน ระบบหน้าบ้าน เครื่องมือช่วยขาย หรือเครื่องมือการตลาดต่างๆ”

จ่ายหนึ่งหมื่น คืนเก้าพัน

“ทาง สสว. และพันธมิตรจึงได้ร่วมกันเปิดแคมเปญ จ่ายหนึ่งหมื่น คืนเก้าพัน ขึ้นมาใหม่ ซึ่งเป็นโปรแกรมที่เพิ่มเติมจาก โครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS หรือ (Business Development Service) ที่เปิดตัวไปก่อนหน้า”

“ภายใต้แคมเปญดังกล่าวจะให้การอุดหนุนเงินในสัดส่วน 90% แต่ไม่เกิน 10,000 บาท แก่ MSME 5,000 รายแรกที่เข้าร่วมโครงการ ให้สามารถเข้าถึงสินค้าและบริการด้านเทคโนโลยีไอทีและดิจิทัล รวมถึงโปรแกรมบัญชี ที่เป็นสินค้าและบริการจากพันธมิตร สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย และสมาคมสำนักงานบัญชีไทย”

“เป็นแคมเปญเปิดกว้างสำหรับ MSME ทุกขนาด ที่เป็นนิติบุคคลหรือบุคคลธรรมดา ซึ่งจดทะเบียนทำธุรกิจกับหน่วยงานภาครัฐ (SME-GP) ทั้งวิสาหกิจรายย่อย (Micro) ที่มีรายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาท/ปี วิสาหกิจขนาดย่อม (Small) ภาคการผลิต ที่มีรายได้ไม่เกิน 100 ล้านบาท/ปี และภาคอื่นๆ ไม่เกิน 50 ล้านบาท/ปี และวิสาหกิจขนาดกลาง (ME) ภาคการผลิตที่มีรายได้ไม่เกิน 500 ล้านบาท/ปี และภาคอื่นๆ ไม่เกิน 300 ล้านบาท/ปี”

“ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2566 ในวงเงินจำนวน 50 ล้านบาท โดยการกำหนดกลุ่ม MSME จะพิจารณาข้อมูลรายได้ล่าสุด ที่ได้จากการตรวจสอบของ สสว. หรือ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า หรือกรมสรรพากร” วีระพงศ์ กล่าว

เลือกช้อปผลิตภัณฑ์และบริการไอที–ดิจิทัลที่ตอบโจทย์ MSME

ดร.อุดมธิปก ไพรเกษตร รองประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย และประธานคณะกรรมการรัฐกิจสัมพันธ์ กล่าวว่า “สำหรับผลิตภัณฑ์และบริการที่เข้าร่วมแคมเปญนี้นั้น ในช่วงต้นมีด้วยกัน 23 บริการ จากผู้ให้บริการ 12 รายที่เป็นสมาชิกของสมาพันธ์ โดยมีบริการที่ตอบความต้องการของ MSME อย่างแท้จริง”

ยกตัวอย่างเช่น กลุ่มบริการและบริหารจัดการหน้าร้าน อาทิ XSelly ระบบการขาย สต็อก แอดมิน ตัวแทน จัดส่ง, Sabuy POS Plus โปรแกรมบริหารจัดการร้านค้า, POS Van Sales ระบบขายหน่วยรถ, ซอฟต์แวร์ QR เมนู โปรแกรม POS สำหรับร้านค้าและร้านอาหาร จาก สมาคมการค้าซอฟต์แวร์และธุรกิจนวัตกรรมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (NESBAI)

กลุ่มบริการงานสนับสนุนการขายการตลาด อาทิ EX10 Chat Center Professional บริการจัดการแชท ช่วยปิดการขาย, EX10 CDP Starter ระบบเก็บข้อมูลลูกค้าหลายช่องทาง เพื่อต่อยอดการตลาด, EX10 CRM Professional ระบบสมาชิกสะสมแต้ม, TidTor Platform B2B Lead Generation ระบบสนับสนุนข้อมูลกลุ่มเป้าหมายแยกตามประเภทธุรกิจ, GEECRM ระบบบริการจัดการงานขายสู่ Digital Transform

กลุ่มบริการงานขนส่ง อาทิ โปรแกรมการจัดการงายขายและจัดส่งสินค้า จาก Subuy Tech, ระบบติดตามพนักงานขับรถ Smart Track, โปรแกรมบริหารจัดการยางสำหรับธุรกิจขนส่ง (TTMS)

กลุ่มบริการงานอื่นๆ อาทิ Parking Handheld Visitor Management + Cloud VMS Management, โปรแกรมจัดการพลังงานไฟฟ้าด้วยระบบ IoT ผ่านเครื่องมือ KOOM AIR I9, โปรแกรมบริหารจัดการน้ำด้วยระบบ SOT

นอกจากนั้น ยังมีสิทธิประโยชน์จาก สมาคมสำนักบัญชีไทย ในราคาพิเศษให้กับผู้ประกอบการที่เป็นทั้งนิติบุคคลหรือบุคคลธรรมดา ไม่ว่าจะเป็น โปรแกรมการจัดเรื่องภาษี รบบบัญชี ระบบการออกเอกสารเชิงธุรกิจต่างๆ

ให้ความยืดหยุ่นสำหรับ MSME ในกระบวนการอุดหนุน

ผอ.สสว. กล่าวว่า “สำหรับเงื่อนไขในการอุดหนุนเงินในสัดส่วน 90% แต่ไม่เกิน 10,000 บาท แก่สำหรับ MSME 5,000 รายแรกที่เข้าร่วมโครงการนั้น จะเป็นไปใน 2 กรณีคือ หนึ่ง สสว.จะให้เงินอุดหนุนหลังจากจากที่ผู้ประกอบการได้ทำการซื้อสินค้าหรือบริการที่ระบุในรายการของสสว. โดยใช้เวลาในการจ่ายคืนไม่นาน เช่น MSME ซื้อบริการซอฟต์แวร์ ในราคา 5 พันบาท ทางสสว.จะคืนเงินให้ 90% หรือ 4 พัน 5 ร้อย บาท”

“แต่สำหรับในอีกกรณีหนึ่งคือ ถ้าผู้ให้บริการแสดงความจำนงค์เป็นผู้รับโอนสิทธิ์การรับชำระเงิน นั่นหมายถึง ผู้ประกอบการจะจ่ายค่าบริการ 500 ร้อยบาทโดยไม่ต้องออกเงินไปก่อนแล้วค่อยรอเงินคืน ทางสสว.จะเป็นผู้จ่ายตรงกับผู้รับโอนสิทธิ์ กรณีนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับ MSME ซึ่งได้รับการยืนยันจากสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยว่า ผู้ให้บริการในแคมเปญนี้ยินดีเป็นผู้รับโอนสิทธิ์การรับชำระเงิน”

อยากให้ MSME เสริมแกร่งด้วยเทคโนโลยี

“สสว. ยังคงเดินหน้าเพื่อสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตร เพื่อหาแนวทางในการสนับ MSME ให้ได้มากที่สุด จึงนับเป็นเรื่องน่ายินดีที่แคมเปญ จ่ายหนึ่งหมื่น คืนเก้าพัน จะสามารถช่วยอุดหนุนผู้ประกอบการเพิ่มเติมได้ถึง 5,000 ราย โดยจะอยู่กลุ่มบริการด้านการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการประกอบธุรกิจ”

“เช่น Cloud, AI, ERP, POS และบริการด้านบัญชีการเงิน เช่น ระบบบัญชี หรือการจัดทำบัญชี และสิทธิ์ที่ได้นี้จะเป็นสิทธิ์ที่เพิ่มเติมอีก 1 ครั้ง จากปีละ 2 ครั้ง/ราย/ปีงบประมาณ (ในโครงการ“SME ปัง ตังได้คืน) และรวมวงเงินสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท/ราย”

“ขณะนี้โครงการฯ BDS มีหน่วยงานผู้ให้บริการทางธุรกิจ (BDSP) จำนวน 131 หน่วยงานให้บริการบนเว็บไซต์ จำนวน 220 บริการ ส่วนผู้ประกอบการสมัครเข้าใช้บริการ จำนวน 5,475 ราย เลือกใช้บริการแล้ว 660 ราย มีการใช้งบประมาณอุดหนุนผู้ประกอบการไปแล้ว 40.96 ล้านบาท”

“จึงขอเชิญชวนผู้ประกอบการที่สนใจ ลงทะเบียนเข้ารับบริการผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ โครงการ bds รวมทั้งยังสามารถติดตามข่าวสารและสิทธิประโยชน์ต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ของสสว.” ผู้อำนวยการ สสว. กล่าวสรุป