Thursday, December 12, 2024
AIArticlesData ManagementGenerative AIMarTech

MarTech AI และ Data 3 ปัจจัยขับเคลื่อนการเป็นผู้นำทางธุรกิจ ในปี 2568

MarTech

ผู้เขียนขอชวนท่านผู้อ่านช่วยกันพิจารณาถึง 3 ปัจจัยสำคัญแห่งปี 2568 MarTech, AI และ Data ที่จะเป็นตัวสนับสนุนให้องค์กรธุรกิจกลายเป็นผู้นำ หรืออาจกลายเป็นผู้ตาม หากมองข้ามหรือไม่สามารถใช้ประโชยน์จากปัจจัยทั้งสามนี้

นยุคที่โลกหมุนเร็ว เทคโนโลยีพัฒนาอย่างก้าวกระโดด และพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว องค์กรธุรกิจต่างต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นความผันผวนทางเศรษฐกิจ การพัฒนาทางเทคโนโลยี และความเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลต่อธรรมชาติและผู้คน 

การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อทุกแง่มุมของธุรกิจ มี 3 ปัจจัยสำคัญที่จะเปลี่ยนบทบาทของธุรกิจจากผู้นำให้กลายเป็นผู้ตามได้ หากไม่สามารถปรับตัวได้ทัน 

ปัจจัยที่ 1 MarTech จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่

ในปี 2568 เทคโนโลยีการตลาด (MarTech) จะกลายเป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้สำหรับธุรกิจทุกขนาด การแข่งขันที่รุนแรงขึ้นส่งผลให้แพลตฟอร์มและเครื่องมือ MarTech ต่างๆ เช่น CRM, Marketing Automation, และ AI ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่เหนือกว่าคู่แข่ง 

แต่ถึง MarTech จะเป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง การนำไปใช้งานให้เกิดประโยชน์สูงสุดกลับเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ท้าทาย หลายองค์กรยังคงเผชิญกับอุปสรรคในการนำ MarTech มาประยุกต์ใช้ให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ทางธุรกิจ บางองค์กรอาจมีเครื่องมือแต่ยังขาดบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในการใช้งาน

MarTech ยอดนิยมและขาดไม่ได้ที่ผู้บริหารและนักการตลาดควรต้องนำมาใช้ ได้แก่ 

  • Content Management Tools: ช่วยในการผลิตเนื้อหา เพื่อสร้างและพัฒนาสื่อของธุรกิจเอง
  • Customer Data Platforms (CDP): ช่วยรวบรวมข้อมูลลูกค้าเพื่อการวิเคราะห์แบบ 360 องศา ยกระดับไปอีกขั้นจาก CRM
  • Marketing Automation Platforms: ช่วยลดเวลาการตั้งแคมเปญและเพิ่มความแม่นยำ 
  • AI-Powered Analytics: การวิเคราะห์ข้อมูลเป็นเคล็ดลับของความสำเร็จ ซึ่งปัจจุบันมีเครื่องมือวิเคราะห์ หลากหลาย

Real-Time Marketing Automation จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในวงการธุรกิจ การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน 

และถึงแม้ MarTech_จะเติบโต แต่ความซับซ้อนของเครื่องมืออาจกลายเป็นอุปสรรค หากองค์กรไม่มีบุคลากรที่พร้อมรับมือ ในปี 2568 MarTech จะไม่ใช่เรื่องใหม่ที่น่าตื่นเต้น แต่กลายเป็นเรื่องพื้นฐานที่ธุรกิจที่ไม่ได้นำมาใช้ จะตามคู่แข่งไม่ทัน

ปัจจัยที่ 2 AI จะติดเทอร์โบให้ธุรกิจวิ่งเร็ว

เทคโนโลยี AI กำลังครองตลาดอย่างชัดเจนในปี 2567 และกลายเป็นหัวข้อที่ทุกองค์กรต้องให้ความสำคัญ PwC พบว่าในปี 2566 การลงทุนในเทคโนโลยี AI ทั่วโลกมีมูลค่า 3.4 ล้านล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในสิ้นปีนี้ 

บทความโดย: ธนพล ทรัพย์สมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายดีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด

หากมองจากมุมมองของ YDM การนำ AI มาใช้ในตลาดไม่ใช่แค่เรื่องของเครื่องมือ แต่คือการยกระดับประสิทธิภาพการทำงานโดยรวม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อความพึงพอใจของลูกค้า และลดต้นทุนในระยะยาว 

สิ่งที่เป็นความท้าทายของหลายบริษัท คือการไม่เข้าใจถึงเป้าหมายหลักของการใช้ AI หรือการขาดประสบการณ์ในการนำ AI มาใช้งานจริง ทำให้ยังคงเผชิญกับอุปสรรคในด้านการวางแผนและการดำเนินการ 

ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถแก้ไขได้ด้วยการเสริมทักษะและการ Empower บุคลากรให้ใช้เครื่องมือ AI ที่มีอยู่ให้เต็มประสิทธิภาพ เช่น การใช้ Google Gemini ช่วยในการทำงานต่างๆ อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

ซึ่งจะเปลี่ยนวิธีการทำงานของพนักงานในองค์กรให้เหมือนกับการมีผู้ช่วยเสมือนเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน ยกตัวอย่างเช่น งานพื้นฐานอย่างการสื่อสารกับลูกค้าต่างชาติ หรือการสรุปและตรวจสอบเอกสารอย่างรวดเร็ว 

นอกจากนี้ การแข่งขันในตลาด AI กำลังเพิ่มขึ้นอย่างมากจากผู้เล่นหลักอย่าง Google, Microsoft, และ Apple ทำให้ต้นทุนการใช้เครื่องมือลดลงและเกิด Use-Case ที่น่าสนใจมากมายในหลายๆ อุตสาหกรรม 

การใช้ AI จึงไม่ใช่แค่ความหรูหราอีกต่อไป แต่คือ การลงทุนที่จำเป็นสำหรับองค์กรที่ต้องการเติบโตและแข่งขันในยุคดิจิทัลนี้ ธุรกิจที่ใช้ AI ได้อย่างเต็มที่ จะเหมือนมีพนักงานจำนวนมาก มาช่วยขับดันธุรกิจไปข้างหน้าเพิ่มขึ้น แซงหน้าคู่แข่งที่มีขนาดบริษัทใหญ่กว่าได้อย่างไม่เคยเกิดขึ้นได้มาก่อน

ปัจจัยที่ 3 Data (ข้อมูล) จะเป็นเชื้อเพลิงของธุรกิจในสนามการแข่งขันใหม่ 

ในปี 2568 การตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven Marketing) จะเป็นสิ่งที่แบ่งธุรกิจที่ใช้ข้อมูลกับธุรกิจที่ไม่ได้ใช้ข้อมูลในการวางแผนและการปฏิบัติการออกจากกัน 

จากการทำงานร่วมกับลูกค้าของ YDM พบว่า ปัญหาหลักที่ธุรกิจประสบ คือ การจัดการข้อมูลที่มีจำนวนมหาศาลและไม่สามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ทันที ซึ่งเทคโนโลยีและ AI ในปัจจุบัน เช่น Google Looker (BI Platform ที่ไม่ใช่ Google Looker Studio) สามารถช่วยจัดการและประมวลผลข้อมูลในระดับที่รวดเร็วและแม่นยำ การใช้ข้อมูลในเชิงพาณิชย์ไม่ใช่แค่การเก็บรวบรวม แต่ต้องนำมาวิเคราะห์และใช้ในการตัดสินใจที่ทันเวลา 

ซึ่งธุรกิจที่สามารถวางแผนและปรับกลยุทธ์จากข้อมูลที่สดใหม่และอัปเดตเป็นประจำ จะสามารถตอบสนองต่อโอกาสและการเปลี่ยนแปลงในตลาดได้เร็วกว่าธุรกิจที่ยังคงใช้ข้อมูลเก่าหรือไม่มีการจัดการที่ดี 

ข้อมูลที่เก็บสะสมไว้สามารถนำมาช่วยในการคำนวณ ROI ของการลงทุนในสื่อโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โมเดล MMM (Media Mix Modeling) จะช่วยลดการสูญเสียและการโฆษณาที่ไม่ได้ผล 

ขณะเดียวกัน ข้อมูลจากแหล่งภายนอก เช่น ข้อมูลจากบริษัท Telco หรือธุรกิจ Retail ยังมีวิธีในการนำมาใช้ช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคได้แม่นยำอย่างถูกต้องและไม่ละเมิดกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งสามารถช่วยให้ธุรกิจโฆษณาได้ตรงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ 

ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ การนำข้อมูลมาใช้เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพเป็นเชื้อเพลิงของธุรกิจที่ขาดไม่ได้ในสนามแข่งขันใหม่ ทิ้งคู่แข่งและผู้ตามไว้ข้างหลังอย่างไม่เห็นฝุ่น

ทางออกของธุรกิจกับความท้าทายในปี  2568

จากรายงานของ Boston Consulting Group (BCG) พบว่าในปี 2567 มากถึง 74% ของบริษัทประสบปัญหาในการใช้งาน AI ให้มีผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมต่อธุรกิจ แม้ AI จะถูกมองว่าเป็นเครื่องมือสำคัญในการเปลี่ยนแปลงและยกระดับกระบวนการทำงานในหลายอุตสาหกรรมก็ตาม 

บริษัทที่ประสบความสำเร็จในการนำ AI มาใช้ มักมุ่งเน้นในฟังก์ชันหลักของธุรกิจ เช่น การดำเนินงาน การขายและการตลาด และการวิจัยและพัฒนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการลดต้นทุน ซึ่งบริษัทเหล่านี้สามารถผสานการใช้ AI เข้ากับกระบวนการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการประหยัดต้นทุนในระดับสูง 

นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญกับการสร้างรายได้ใหม่ๆ จาก AI มากกว่าบริษัทที่ยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น โดยพวกเขามองหาโอกาสในการขยายการใช้งาน AI เพื่อเพิ่มมูลค่าธุรกิจในระยะยาว และพบว่าบริษัทที่เป็นผู้นำในการใช้ AI สามารถนำ Generative AI ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยสร้างเนื้อหาและข้อมูลใหม่ มาใช้ได้อย่างรวดเร็วและประสบความสำเร็จ 

ในขณะที่หลายองค์กรยังคงต้องเผชิญกับอุปสรรคในการบูรณาการเทคโนโลยีนี้เข้ากับระบบงานเดิม รายงานนี้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า บริษัทที่ไม่สามารถปรับตัวเพื่อใช้ AI อย่างเหมาะสมจะเสี่ยงต่อการสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน และพลาดโอกาสในการสร้างรายได้และมูลค่าธุรกิจในระยะยาว

ปัจจุบันหลายองค์กรยังคงเผชิญกับอุปสรรคในการใช้งานเทคโนโลยีและเครื่องมือต่างๆ เหล่านี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การขาดความเข้าใจ ขาดบุคลากรที่มีทักษะเฉพาะทาง หรือปัญหาการผสานเทคโนโลยีเข้ากับกลยุทธ์ทางธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ 

หนึ่งในทางออกคือ การเลือกทำงานร่วมกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญทั้งด้านเทคโนโลยีและการตลาด รวมทั้งมีประสบการณ์จริงในการใช้เครื่องมือที่ทันสมัย สามารถช่วยธุรกิจปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว เติมช่องว่างและช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน สร้างประสบการณ์ที่ดีกับลูกค้า พร้อมยกระดับความสามารถในการแข่งขัน 

ประเด็นสำคัญของผู้บริหารในการพิจารณาพันธมิตรด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะเรื่อง_MarTech คงหนีไม้พ้นข้อพิจารณาความเชี่ยวชาญด้านการตลาดและการทรานส์ฟอร์มธุรกิจสู่ยุคดิจิทัล ตลอดจนความต่อเนื่องและการเติบโตขององค์กรพันธมิตรนั้นๆ ที่มีการขยายบริการและครอบคลุมทุกด้านของการตลาด ตั้งแต่การวางแผนกลยุทธ์ การสร้างสรรค์เนื้อหา การผลิตสื่อโฆษณา การจัดการโซเชียลมีเดีย และการวิเคราะห์ผลลัพธ์ 

และท่านเองที่เป็นผู้บริหารองค์กร ต้องไม่ลืมที่จะพิจารณาถึง นโยบายหรือทัศนคติของบริษัทพันธมิตรกับการให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ ผสานความคิดสร้างสรรค์ เพื่อโอกาสใหม่ๆ ทางการตลาดให้กับลูกค้า รวมทั้งช่วยให้ธุรกิจสามารถใช้เทคโนโลยี, AI และ Data ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้ทันท่วงที 

ในปี 2568 ที่กำลังจะมาถึงนี้ คงไม่ช้าไปที่จะเริ่มปรับองค์กร มองหาพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อช่วยให้ธุรกิจก้าวไปสู่การเป็นผู้นำในสนามแข่งขันใหม่ ด้วยโซลูชันที่เหมาะสมและทันสมัย และ ต้องทำวันนี้ ต้องเปลี่ยนแปลง ก่อนที่ธุรกิจจะเปลี่ยนจากผู้นำกลายเป็นผู้ตาม

Featured Image: Image by freepik