MarTech AI และ Data 3 ปัจจัยขับเคลื่อนการเป็นผู้นำทางธุรกิจ ในปี 2568
“ผู้เขียนขอชวนท่านผู้อ่านช่วยกันพิจารณาถึง 3 ปัจจัยสำคัญแห่งปี 2568 MarTech, AI และ Data ที่จะเป็นตัวสนับสนุนให้องค์กรธุรกิจกลายเป็นผู้นำ หรืออาจกลายเป็นผู้ตาม หากมองข้ามหรือไม่สามารถใช้ประโชยน์จากปัจจัยทั้งสามนี้
ในยุคที่โลกหมุนเร็ว เทคโนโลยีพัฒนาอย่างก้าวกระโดด และพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว องค์กรธุรกิจต่างต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นความผันผวนทางเศรษฐกิจ การพัฒนาทางเทคโนโลยี และความเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลต่อธรรมชาติและผู้คน
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อทุกแง่มุมของธุรกิจ มี 3 ปัจจัยสำคัญที่จะเปลี่ยนบทบาทของธุรกิจจากผู้นำให้กลายเป็นผู้ตามได้ หากไม่สามารถปรับตัวได้ทัน
ปัจจัยที่ 1 MarTech จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่
ในปี 2568 เทคโนโลยีการตลาด (MarTech) จะกลายเป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้สำหรับธุรกิจทุกขนาด การแข่งขันที่รุนแรงขึ้นส่งผลให้แพลตฟอร์มและเครื่องมือ MarTech ต่างๆ เช่น CRM, Marketing Automation, และ AI ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่เหนือกว่าคู่แข่ง
แต่ถึง MarTech จะเป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง การนำไปใช้งานให้เกิดประโยชน์สูงสุดกลับเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ท้าทาย หลายองค์กรยังคงเผชิญกับอุปสรรคในการนำ MarTech มาประยุกต์ใช้ให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ทางธุรกิจ บางองค์กรอาจมีเครื่องมือแต่ยังขาดบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในการใช้งาน
MarTech ยอดนิยมและขาดไม่ได้ที่ผู้บริหารและนักการตลาดควรต้องนำมาใช้ ได้แก่
- Content Management Tools: ช่วยในการผลิตเนื้อหา เพื่อสร้างและพัฒนาสื่อของธุรกิจเอง
- Customer Data Platforms (CDP): ช่วยรวบรวมข้อมูลลูกค้าเพื่อการวิเคราะห์แบบ 360 องศา ยกระดับไปอีกขั้นจาก CRM
- Marketing Automation Platforms: ช่วยลดเวลาการตั้งแคมเปญและเพิ่มความแม่นยำ
- AI-Powered Analytics: การวิเคราะห์ข้อมูลเป็นเคล็ดลับของความสำเร็จ ซึ่งปัจจุบันมีเครื่องมือวิเคราะห์ หลากหลาย
Real-Time Marketing Automation จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในวงการธุรกิจ การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
และถึงแม้ MarTech_จะเติบโต แต่ความซับซ้อนของเครื่องมืออาจกลายเป็นอุปสรรค หากองค์กรไม่มีบุคลากรที่พร้อมรับมือ ในปี 2568 MarTech จะไม่ใช่เรื่องใหม่ที่น่าตื่นเต้น แต่กลายเป็นเรื่องพื้นฐานที่ธุรกิจที่ไม่ได้นำมาใช้ จะตามคู่แข่งไม่ทัน
ปัจจัยที่ 2 AI จะติดเทอร์โบให้ธุรกิจวิ่งเร็ว
เทคโนโลยี AI กำลังครองตลาดอย่างชัดเจนในปี 2567 และกลายเป็นหัวข้อที่ทุกองค์กรต้องให้ความสำคัญ PwC พบว่าในปี 2566 การลงทุนในเทคโนโลยี AI ทั่วโลกมีมูลค่า 3.4 ล้านล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในสิ้นปีนี้
หากมองจากมุมมองของ YDM การนำ AI มาใช้ในตลาดไม่ใช่แค่เรื่องของเครื่องมือ แต่คือการยกระดับประสิทธิภาพการทำงานโดยรวม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อความพึงพอใจของลูกค้า และลดต้นทุนในระยะยาว
สิ่งที่เป็นความท้าทายของหลายบริษัท คือการไม่เข้าใจถึงเป้าหมายหลักของการใช้ AI หรือการขาดประสบการณ์ในการนำ AI มาใช้งานจริง ทำให้ยังคงเผชิญกับอุปสรรคในด้านการวางแผนและการดำเนินการ
ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถแก้ไขได้ด้วยการเสริมทักษะและการ Empower บุคลากรให้ใช้เครื่องมือ AI ที่มีอยู่ให้เต็มประสิทธิภาพ เช่น การใช้ Google Gemini ช่วยในการทำงานต่างๆ อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
ซึ่งจะเปลี่ยนวิธีการทำงานของพนักงานในองค์กรให้เหมือนกับการมีผู้ช่วยเสมือนเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน ยกตัวอย่างเช่น งานพื้นฐานอย่างการสื่อสารกับลูกค้าต่างชาติ หรือการสรุปและตรวจสอบเอกสารอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ การแข่งขันในตลาด AI กำลังเพิ่มขึ้นอย่างมากจากผู้เล่นหลักอย่าง Google, Microsoft, และ Apple ทำให้ต้นทุนการใช้เครื่องมือลดลงและเกิด Use-Case ที่น่าสนใจมากมายในหลายๆ อุตสาหกรรม
การใช้ AI จึงไม่ใช่แค่ความหรูหราอีกต่อไป แต่คือ การลงทุนที่จำเป็นสำหรับองค์กรที่ต้องการเติบโตและแข่งขันในยุคดิจิทัลนี้ ธุรกิจที่ใช้ AI ได้อย่างเต็มที่ จะเหมือนมีพนักงานจำนวนมาก มาช่วยขับดันธุรกิจไปข้างหน้าเพิ่มขึ้น แซงหน้าคู่แข่งที่มีขนาดบริษัทใหญ่กว่าได้อย่างไม่เคยเกิดขึ้นได้มาก่อน
ปัจจัยที่ 3 Data (ข้อมูล) จะเป็นเชื้อเพลิงของธุรกิจในสนามการแข่งขันใหม่
ในปี 2568 การตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven Marketing) จะเป็นสิ่งที่แบ่งธุรกิจที่ใช้ข้อมูลกับธุรกิจที่ไม่ได้ใช้ข้อมูลในการวางแผนและการปฏิบัติการออกจากกัน
จากการทำงานร่วมกับลูกค้าของ YDM พบว่า ปัญหาหลักที่ธุรกิจประสบ คือ การจัดการข้อมูลที่มีจำนวนมหาศาลและไม่สามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ทันที ซึ่งเทคโนโลยีและ AI ในปัจจุบัน เช่น Google Looker (BI Platform ที่ไม่ใช่ Google Looker Studio) สามารถช่วยจัดการและประมวลผลข้อมูลในระดับที่รวดเร็วและแม่นยำ การใช้ข้อมูลในเชิงพาณิชย์ไม่ใช่แค่การเก็บรวบรวม แต่ต้องนำมาวิเคราะห์และใช้ในการตัดสินใจที่ทันเวลา
ซึ่งธุรกิจที่สามารถวางแผนและปรับกลยุทธ์จากข้อมูลที่สดใหม่และอัปเดตเป็นประจำ จะสามารถตอบสนองต่อโอกาสและการเปลี่ยนแปลงในตลาดได้เร็วกว่าธุรกิจที่ยังคงใช้ข้อมูลเก่าหรือไม่มีการจัดการที่ดี
ข้อมูลที่เก็บสะสมไว้สามารถนำมาช่วยในการคำนวณ ROI ของการลงทุนในสื่อโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โมเดล MMM (Media Mix Modeling) จะช่วยลดการสูญเสียและการโฆษณาที่ไม่ได้ผล
ขณะเดียวกัน ข้อมูลจากแหล่งภายนอก เช่น ข้อมูลจากบริษัท Telco หรือธุรกิจ Retail ยังมีวิธีในการนำมาใช้ช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคได้แม่นยำอย่างถูกต้องและไม่ละเมิดกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งสามารถช่วยให้ธุรกิจโฆษณาได้ตรงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ
ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ การนำข้อมูลมาใช้เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพเป็นเชื้อเพลิงของธุรกิจที่ขาดไม่ได้ในสนามแข่งขันใหม่ ทิ้งคู่แข่งและผู้ตามไว้ข้างหลังอย่างไม่เห็นฝุ่น
ทางออกของธุรกิจกับความท้าทายในปี 2568
จากรายงานของ Boston Consulting Group (BCG) พบว่าในปี 2567 มากถึง 74% ของบริษัทประสบปัญหาในการใช้งาน AI ให้มีผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมต่อธุรกิจ แม้ AI จะถูกมองว่าเป็นเครื่องมือสำคัญในการเปลี่ยนแปลงและยกระดับกระบวนการทำงานในหลายอุตสาหกรรมก็ตาม
บริษัทที่ประสบความสำเร็จในการนำ AI มาใช้ มักมุ่งเน้นในฟังก์ชันหลักของธุรกิจ เช่น การดำเนินงาน การขายและการตลาด และการวิจัยและพัฒนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการลดต้นทุน ซึ่งบริษัทเหล่านี้สามารถผสานการใช้ AI เข้ากับกระบวนการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการประหยัดต้นทุนในระดับสูง
นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญกับการสร้างรายได้ใหม่ๆ จาก AI มากกว่าบริษัทที่ยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น โดยพวกเขามองหาโอกาสในการขยายการใช้งาน AI เพื่อเพิ่มมูลค่าธุรกิจในระยะยาว และพบว่าบริษัทที่เป็นผู้นำในการใช้ AI สามารถนำ Generative AI ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยสร้างเนื้อหาและข้อมูลใหม่ มาใช้ได้อย่างรวดเร็วและประสบความสำเร็จ
ในขณะที่หลายองค์กรยังคงต้องเผชิญกับอุปสรรคในการบูรณาการเทคโนโลยีนี้เข้ากับระบบงานเดิม รายงานนี้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า บริษัทที่ไม่สามารถปรับตัวเพื่อใช้ AI อย่างเหมาะสมจะเสี่ยงต่อการสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน และพลาดโอกาสในการสร้างรายได้และมูลค่าธุรกิจในระยะยาว
ปัจจุบันหลายองค์กรยังคงเผชิญกับอุปสรรคในการใช้งานเทคโนโลยีและเครื่องมือต่างๆ เหล่านี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การขาดความเข้าใจ ขาดบุคลากรที่มีทักษะเฉพาะทาง หรือปัญหาการผสานเทคโนโลยีเข้ากับกลยุทธ์ทางธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ
หนึ่งในทางออกคือ การเลือกทำงานร่วมกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญทั้งด้านเทคโนโลยีและการตลาด รวมทั้งมีประสบการณ์จริงในการใช้เครื่องมือที่ทันสมัย สามารถช่วยธุรกิจปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว เติมช่องว่างและช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน สร้างประสบการณ์ที่ดีกับลูกค้า พร้อมยกระดับความสามารถในการแข่งขัน
ประเด็นสำคัญของผู้บริหารในการพิจารณาพันธมิตรด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะเรื่อง_MarTech คงหนีไม้พ้นข้อพิจารณาความเชี่ยวชาญด้านการตลาดและการทรานส์ฟอร์มธุรกิจสู่ยุคดิจิทัล ตลอดจนความต่อเนื่องและการเติบโตขององค์กรพันธมิตรนั้นๆ ที่มีการขยายบริการและครอบคลุมทุกด้านของการตลาด ตั้งแต่การวางแผนกลยุทธ์ การสร้างสรรค์เนื้อหา การผลิตสื่อโฆษณา การจัดการโซเชียลมีเดีย และการวิเคราะห์ผลลัพธ์
และท่านเองที่เป็นผู้บริหารองค์กร ต้องไม่ลืมที่จะพิจารณาถึง นโยบายหรือทัศนคติของบริษัทพันธมิตรกับการให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ ผสานความคิดสร้างสรรค์ เพื่อโอกาสใหม่ๆ ทางการตลาดให้กับลูกค้า รวมทั้งช่วยให้ธุรกิจสามารถใช้เทคโนโลยี, AI และ Data ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้ทันท่วงที
ในปี 2568 ที่กำลังจะมาถึงนี้ คงไม่ช้าไปที่จะเริ่มปรับองค์กร มองหาพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อช่วยให้ธุรกิจก้าวไปสู่การเป็นผู้นำในสนามแข่งขันใหม่ ด้วยโซลูชันที่เหมาะสมและทันสมัย และ ต้องทำวันนี้ ต้องเปลี่ยนแปลง ก่อนที่ธุรกิจจะเปลี่ยนจากผู้นำกลายเป็นผู้ตาม
Featured Image: Image by freepik