“ล็อกซเล่ย์ อีโวลูชั่น เทคโนโลยี ปรับโฉมใหม่ โชว์แผนธุรกิจปี 66 ขยายฐานลูกค้าและพันธมิตร ลุยตลาด B2B และ B2C ด้วย 4 บริการใหม่ ความปลอดภัย บ้าน-ออฟฟิศ-ไซเบอร์-คน หวังเพิ่มสัดส่วนยอดขายนอกเหนือจากตลาด B2G
ยุทธพร จิตตเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ล็อกซเล่ย์ อีโวลูชั่น เทคโนโลยี จำกัด (LET) เผยว่า “LET ดำเนินธุรกิจด้านบริการเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยระดับเมือง (Public Safety) มีฐานลูกค้าส่วนใหญ่เป็นองค์กรภาครัฐ ถึงแม้ที่ผ่านมา LET จะมีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดทุกปี แต่รายได้เกือบทั้งหมดมาจากงานประมูลภาครัฐ (B2G) ซึ่งมีความผันผวนสูงทั้งในแง่โอกาสและรายได้”
“ดังนั้น LET จึงมองหาโอกาสทางการตลาดในช่องทางอื่นเพิ่มเติม คือกลุ่มลูกค้าองค์กรเอกชน และลูกค้าครัวเรือนทั่วไป LET จึงปรับแผนการดำเนินธุรกิจ พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ภายใต้กลยุทธ์ The Future of_LET โดยมีเป้าหมายเพื่อปรับสมดุลสัดส่วนที่มาของรายได้จากเดิมที่มาจาก B2G มากกว่า 90% ให้กลายเป็นสัดส่วนรายได้จาก B2G เดิม 60% และเพิ่มสัดส่วนรายได้ใหม่จาก B2B และ B2C ให้ได้ 40% ภายในอีก 3 ปีข้างหน้า”
“การปรับสมดุลสัดส่วนรายได้ดังกล่าว ไม่ใช่ลดปริมาณงานจากภาครัฐลง ตรงกันข้ามเรายังคงให้ความสำคัญกับตลาด B2G เช่นเดิม ขณะเดียวกันก็ขยายตลาดไปยังภาคเอกชนที่มีความต้องการเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยเพื่อป้องกันภัยคุกคามในรูปแบบต่างๆ ที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อให้ LET สามารถสร้างรายได้ประจำที่ยั่งยืน สอดคล้องกับนโยบายหลักของล็อกซเล่ย์ซึ่งเป็นบริษัทแม่”
สำหรับผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ที่จะเกิดขึ้นจากกลยุทธ์ The Future of LET ได้แก่
1. เทคโนโลยีด้านความปลอดภัยสำหรับที่พักอาศัย (Residence Security)
เป็นบริการระบบรักษาความปลอดภัย สำหรับที่พักอาศัยแนวราบและแนวดิ่ง เช่น บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ หมู่บ้าน และคอนโดมิเนียม ที่ต้องการระบบรักษาความปลอดภัย ที่เหนือกว่าการแจ้งเตือนผู้บุกรุกหรือดูไลฟ์วิดีโอผ่านสมาร์ทโฟน
ภายใต้คอนเซ็ปต์ Security & Digital Lifestyle โดยย่อส่วนจากงานด้านความมั่นคงเพื่อความปลอดภัยระดับเมืองและเขตชุมชนขนาดใหญ่ (Public Safety) มาสู่ LET Care ที่สามารถตรวจจับความผิดปกติ ทั้งความร้อน อุณหภูมิ กลุ่มควันภายในที่พัก รวมถึงสามารถควบคุมแสงสว่าง เปิด-ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าในพื้นที่อยู่อาศัย
พร้อมส่งสัญญาณฉุกเฉินแจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหากเกิดเหตุ อีกทั้งมีทีมตรวจสอบความปลอดภัยเฝ้าระวังผ่านศูนย์ควบคุมและสั่งการ (Command & Control Center :CCC) ตลอด 7 วัน 24 ชั่วโมง
2. เทคโนโลยีป้องกันการโจรกรรมข้อมูลทางไซเบอร์ (Cyber Shield)
LET_จับมือกับ คลาวด์เซค เอเซีย ให้บริการโซลูชันเพื่อป้องกันการโจรกรรมข้อมูลทางไซเบอร์แก่ กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) อาทิ สถานพยาบาลขนาดเล็ก ศูนย์บริการรถยนต์ โรงงานในนิคมอุตสาหกรรม โรงเรียนเอกชน โรงเรียนนานาชาติ
โดยให้บริการเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านห้อง CCC เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้ใช้บริการ และระบบ Cyber Security ของ_LET สามารถนำไปควบรวมกับการจัดทำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ของแต่ละองค์กรได้ด้วย
นอกจากนี้ LET_ยังได้รับการสนับสนุนจากบริษัทเมืองไทยประกันภัย ที่พร้อมจะออกกรรมธรรม์ประกันภัยให้กับผู้ใช้ระบบ Cyber Shield ในมูลค่า 50 ล้านบาท ทั้งนี้เพื่อยกระดับการป้องกันโจรกรรมทางด้านCyber ให้เชื่อถือได้สูงสุด สำหรับลูกค้า ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ Cyber Shield
3. เทคโนโลยีดูแลและช่วยเหลือสังคมผู้สูงอายุ (Residence Elderly Ward)
เป็นบริการที่รองรับการก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัย ของประเทศไทย ที่กำลังขยับขึ้นเป็นสังคมสูงอายุขั้นสุดยอด (Hyper Aged Society) ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
โดยบริการ Residence Elderly Ward เป็นการบูรณาการระบบการเฝ้าระวังเชื่อมกับ 3 อุปกรณ์หลักที่ LET_วิจัยและพัฒนาร่วมกับ ซีที เอเซีย โรโบติกส์ นานกว่า 2 ปี ได้แก่ 1.หุ่นยนต์ดูแลผู้สูงอายุที่สื่อสารได้แบบ 2 ทาง (2 way communication) ที่ชื่อว่า น้องปกป้อง
2.Technology For Aging Society หรือสร้อยคอตรวจจับความเคลื่อนไหว และ 3.สมาร์ทวอทช์ โดยอุปกรณ์ทั้งหมดเชื่อมต่อเข้ากับ LET_Care เพื่อเสริมการดูแลพร้อมแจ้งเตือนและช่วยเหลือผู้สูงอายุกรณีฉุกเฉิน เช่น เกิดการลื่นล้ม เป็นลมหมดสติจากโรคประจำตัว หรือแม้กระทั่งตรวจจับการออกนอกพื้นที่พักอาศัยในระยะที่จำกัดไว้ ผ่านอุปกรณ์ที่สามารถโต้ตอบสื่อสารเพื่อขอความช่วยเหลือกับปลายทาง หรือทีม CCC ของ_LET ได้ตลอด 7 วัน 24 ชั่วโมง
4. เทคโนโลยีไร้มนุษย์ควบคุม (Unmanned Services)
เป็นบริการที่ LET_นำหุ่นยนต์ 2 ประเภทมาให้บริการ คือ 1. หุ่นยนต์ตรวจการณ์ (น้องปกป้อง) ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยเสริมงานด้านรักษาความปลอดภัย และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานที่สม่ำเสมอ โดยมีกล้องตรวจจับที่ถ่ายวิดีโอส่งไปยังเจ้าหน้าที่ และสามารถติดต่อกับเจ้าหน้าที่ผ่านหุ่นยนต์เพื่อขอความช่วยเหลือ จึงทำให้หน่วยงาน หรืออาคารสำนักงาน ได้รับความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
2. หุ่นยนต์ส่งเอกสารหรือสิ่งของภายในอาคารได้ตามที่กำหนด (น้องจริงใจ) ออกแบบมาให้ใช้งานภายในอาคาร หรือสำนักงานที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ อาทิ โรงพยาบาล โรงงาน หรือสำนักงานออฟฟิศ โดยหุ่นยนต์ทั้งสองประเภท จะทำงานประสานกับระบบควบคุมกลางผ่านห้อง CCC จึงทำให้ผู้ควบคุมทราบสถานะและตำแหน่งของหุ่นยนต์ได้แบบเรียลไทม์
โดยผู้บริหาร LET_ตั้งเป้าว่าจะมีลูกค้ากลุ่ม B2B และ B2C รวมกันไม่น้อยกว่า 300 ราย ภายในสิ้นปีหน้า