“เมืองเกาสง จัดงานประชุมและนิทรรศการแสดงเทคโนโลยีด้านสมาร์ทซิตี้ พร้อมชูหลักการบริหารเมืองโดยใช้นโยบายรัฐขับเคลื่อนและเปิดภาคเอชนเข้าร่วมพัฒนาเมืองอัจฉริยะ
หากพูดถึง “เกาสง” เป็นเมืองใหญ่ที่สุดอันดับที่สี่ของไต้หวันและตั้งอยู่ในทิศใต้ของเกาะไต้หวัน ยังเป็นศูนย์กลางสำคัญของอุตสาหกรรมการผลิต การกลั่นน้ำมัน การขนส่ง และเป็นเมืองท่าเรือที่สำคัญ เกาสงเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมการต่อเรือของไต้หวันเพราะท่าเรือของเกาสงเป็น 1 ใน 4 ของท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดของโลก มีพื้นที่กว้างประมาณ 150 ตารางกิโลเมตร และมีประชากรกว่า 2.7ล้านคน ล่าสุดเมืองเกาสงได้จัดงานประชุมและนิทรรศการแสดงเทคโนโลยีด้านสมาร์ทซิตี้ พร้อมชูหลักการบริหารเมืองโดยใช้นโยบายรัฐขับเคลื่อนและเปิดภาคเอชนเข้าร่วมพัฒนาเมืองอัจฉริยะ
ชาร์เลส ลิน (Charless Lin) รองนายกเทศมนตรีเมืองเกาสง เปิดเผยว่า เมืองเกาสง ประเทศไต้หวันได้จัดงานประชุมและแสดงนิทรรศการนวัตกรรมด้านสมาร์ทซิตี้ ภายใต้ชื่องานว่า Kaohsiung Smart City Summit & Expo 2023 (KSCSE) เป็นการจัดแสดงนวัตกรรม แอพพลิเคชั่นเทคโนโลยีอัจฉริยะต่างๆ และการพัฒนา Asia New Bay Area 5G AIoT Park ซึ่งดำเนินการในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาของเมืองเกาสง สู่การธรรมาภิบาลเมือง การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล และภาคอุตสาหกรรม โดยได้จัดขึ้นที่ศูนย์การประชุม Kaohsiung Exhibition Center เมืองเกาสง ประเทศไต้หวัน ซึ่งมีผู้ร่วมออกบูธกว่า 165 ราย มากกว่าปีที่แล้วถึง 10% และมีผู้เข้าร่วมงานครั้งนี้กว่า 30,000 ราย นับเป็นงานที่นำเสนอและแบ่งปันองค์ความรู้ ความสำเร็จให้กับองค์กรต่างๆ ในภาคกลางและภาคใต้ผ่านนิทรรศการระดับนานาชาติขนาดใหญ่ครั้งนี้ พร้อมด้วยวิสัยทัศน์ของเมืองเกาสงในการเป็นฐานการส่งออกการพัฒนาเมืองอัจฉริยะระดับโลกที่ได้รับมอบหมายจากสภาพัฒนาแห่งชาติ รัฐบาลเมืองเกาสง เพื่อมุ่งมั่นที่จะสร้างเมืองอัจฉริยะโดยการขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี 5G และ AioT
งานในครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด Digital Transformation Takes Smart Cities to New Heights เป็นการนำเสนอความสามารถของเทคโนโลยีที่ออกแบบมาสำหรับเมืองอัจฉริยะ อาทิ เทคโนโลยี 5G เทคโนโลยี Artificial Intelligence of Things (AioT) ซึ่งเป็นการพัฒนา IoT ให้มีความล้ำสมัยมากยิ่งขึ้น ด้วยการนำปัญญาประดิษฐ์ (Artifical Intelligence: AI) เข้ามาผนวกรวมกัน และยังเป็นเทคโนโลยีที่จำเป็นสำหรับชีวิตในโลกยุคดิจิทัล และยังมีเทคโนโลยีอุตสาหกรรมด้านการแพทย์แบบอัจฉริยะ, การเกษตรแบบอัจฉริยะ, การสร้างธรรมาภิบาลแบบชาญฉลาด, พลังานสะอาดและยั่งยืน ตลอดจนการขนส่งที่มีความเป็นอัจฉริยะ เป็นต้น
จุดเด่นของเมืองเกาสง ซึ่งเป็นเมืองท่าและเมืองอุตสาหกรรมหนักที่สำคัญ และมีความแตกต่างจากเมืองไทเป การจัดงานครั้งนี้จะแสดงให้เห็นถึงความสามารถของเมืองที่พร้อมที่จะรองรับเทคโนโลยีด้าน IoT ที่จะเกิดขึ้น โดยปัจจุบันได้รับความสนใจจากผู้นำด้านไอทีจากต่างชาติที่พร้อมจะมาลงทุนในเมืองเกาสงแห่งนี้ และเชื่อว่าจะทำให้ประชาชนได้ใช้เทคโนโลยี เพื่อยกระดับความเป็นอยู่และการใช้ชีวิตของผู้คนให้ดีขึ้นในแบบยั่งยืนด้วย
นอกจากนี้เมืองเกาสงยังทำงานร่วมและสนับสนุนภาคเอกชน โดยแบ่งเป็น 3 วิธีคิดในการบริหารการทำงาน วิธีคิดแรก เป็นการทำงานจากระดับบนลงไปล่าง ซึ่งเป็นการส่งผ่านนโยบายจากรัฐไปสู่ภาคเอกชน เพื่อวางกรอบนโยบายให้ไปในทิศทางเดียวกัน วิธีคิดที่สอง เป็นการทำงานจากล่างขึ้นบน โดยเมืองเกาสงจะเปิดรับไอเดียและผลิตภัณฑ์ รวมถึงบริการจากเอกชน พร้อมด้วยการส่งเสริมและสนับสนุนทางการเงินรวมถึงแนวคิดที่นำไปต่อยอดและขยายผล วิธีคิดที่สามเป็นการทำงานร่วมกัน เพื่อให้เกิดการสร้างสรรค์เทคโนโลยีที่เพื่อการดำเนินชีวิตที่ดีและขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตยั่งยืน
“การสร้างเมืองอัจฉริยะรัฐบาลไม่สามารถทำได้เพียงลำพังต้องมีความร่วมมือกับทุกภาคส่วน รวมถึงความร่วมมือกับนานาชาติที่จะนำองค์ความรู้และการเรียนรู้ต่างๆ นอกจากนี้ประชาชนของเมืองในแต่ละช่วงอายุอาจจะเปิดรับการใช้เทคโนโลยีไม่เท่ากัน เด็กรุ่นใหม่จะปรับตัวได้เร็วเพราะโตมากับเทคโนฯ แต่คนสูงอายุอาจจะไม่คุ้นเคย ดังนั้นจึงต้องปรับใช้เทคโนฯให้สอดคล้องในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะไปควบคู่กัน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาประเทศและการดำเนินชีวิตของประชาชนได้อย่างบาลานซ์ ทั้งการบริการต่างๆ การเดินทาง การดำเนินชีวิตเชื่อมโยงกัน”
อีกทั้งภายในงาน KSCSE ยังมีนิทรรศการด้าน Smart Healthcare Pavilion จากโรงพยาบาลทั้งหมด 14 แห่ง ไฮไลท์ แอปพลิเคชันด้านการดูแลสุขภาพอัจฉริยะในภูมิภาค Kaohsiung-Pingtung ภายใต้ 2 หลักการ คือ ด้าน ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) และ Metaverse เพื่อนำไปสู่การสร้างคลัสเตอร์อุตสาหกรรมการแพทย์อัจฉริยะในเกาสง
พร้อมด้วยโซนสตาร์ทอัพ 16 แห่งเพื่อจัดแสดงผลงานวิจัยและพัฒนา ผลิตภัณฑ์ และบริการกับ 3 ธีมหลัก เศรษฐกิจหมุนเวียนและเกษตรกรรมยั่งยืน เทคโนโลยีและวัสดุนวัตกรรมไร้มลพิษ และมลพิษเป็นศูนย์ บริการและผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ นิทรรศการนี้หวังที่จะรวมทรัพยากรและความพยายามเพิ่มเติมเข้ากับงานสีเขียวในท้องถิ่นและยั่งยืนผ่านการแลกเปลี่ยนและแสดงความคิด ภาคธุรกิจยังมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการบรรลุการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์กับบริษัทต่างๆ เป็นต้น