Thursday, November 21, 2024
NEWS

กรุ๊ปเอ็ม ผนึก 4 มีเดียเอเยนซี่จัดงานสัมมนา FOCAL ครั้งที่ 12 รวมเทรนด์การทำตลาดแห่งอนาคต

GroupM

กรุ๊ปเอ็ม (GroupM) กลุ่มบริษัทบริหารการจัดการทางด้านการลงทุนในสื่อชั้นนำของโลกของ ดับบลิวพีพี (WPP) ร่วมมือกับมีเดียเอเยนซี่ มายด์แชร์ มีเดียคอม เวฟเมคเกอร์ เอ็มซิกส์แอนด์พาร์ทเนอร์ และกลุ่มบริษัทผลิตภัณฑ์ในเครืออย่าง แซกซิส อินคา และไฟน์คาส จัดงานสัมมนาการตลาด GroupM FOCAL ครั้งที่ 12 นำเสนอประเด็นสำคัญทางการตลาดที่นักการตลาดต้องจับตามอง

านสัมมนา FOCAL ประจำปี 2022 จัดขึ้นภายใต้รูปแบบ Virtual Conference มีนักการตลาด ผู้เชี่ยวชาญทางด้านกลยุทธ์การสื่อสารและเทคโนโลยี รวมถึงพันธมิตรสื่อจากทั้งในและต่างประเทศแสดงความจำนงและลงทำเบียนเพื่อเข้าร่วมงานสัมมนากว่า 2,500 คน

สำหรับงานสัมมนา FOCAL ครั้งที่ 12 นี้ กรุ๊ปเอ็ม ได้จับมือกับ 34 วิทยากรผู้เชี่ยวชาญทางด้านการตลาด การสื่อสาร ด้าต้าและเทคโนโลยี ร่วมนำเสนอ 5 ประเด็นทางการตลาดที่สำคัญ ดังนี้

  1. The Next Normal
  2. The Power from the People
  3. eCommerce: the Hypergrowth Bridge
  4. Reframing Strategy & Planning for Success
  5. The Future of Advertising & Brand Experience

ปัทมวรรณ สถาพร ประธานกรรมการบริหาร กรุ๊ปเอ็ม (ประเทศไทย) กล่าวถึงวัตถุประสงค์การจัดงานสัมมนา FOCAL ครั้งที่ 12 ว่า “ภาระกิจของ กรุ๊ปเอ็ม ในฐานะกลุ่มบริษัทบริหารและจัดการการลงทุนในสื่ออันดับหนึ่งของไทยและของโลก คือช่วยให้ธุรกิจของลูกค้าได้เติบโตไปพร้อม ๆ กับความรับผิดชอบในการที่จะขับเคลื่อนอุตสาหกรรมโฆษณา สื่อ และการสื่อสาร เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้บริโภค ลูกค้า และบุคลากรในอุตสาหกรรม”

“ความเข้าใจต่อพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป รวมถึงความเท่าทันในการใช้เครื่องมือที่แม่นยำและทันสมัยคือสิ่งที่จำเป็นสำหรับธุรกิจ โดยงานสัมมนา FOCAL ในปีนี้ กรุ๊ปเอ็ม จะนำเสนอ 5 ประเด็นสำคัญที่นักการตลาดต้องจับตาผ่าน 21 พรีเซนเตชั่น อันประกอบไปด้วยเทรนด์ เทคโนโลยี โซลูชั่นทางการตลาด และที่ขาดไม่ได้ก็คือผลงานวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภคชิ้นล่าสุดของเรา”

โดยในงาน กรุ๊ปเอ็ม ได้นำเสนอผลการศึกษางานวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภค ประจำปี 2022 ภายใต้หัวข้อ Consumers Untold ที่เป็นการศึกษาแบบผสมผสานทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ ผ่านการสัมภาษณ์เชิงลึกและแบบสอบถามเพื่อศึกษาถึงทัศนคติ พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่รวมถึงวิธิการเลือกซื้อสินค้าและจับจ่าย และพฤติกรรมการเสพสื่อที่เปลี่ยนไปในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา

ณัฐวีร์ ณีว มาวิจักขณ์ หุ้นส่วนผู้บริหาร และ แพน จรุงธนาภิบาล ผู้อำนวยการแผนกพัฒนาและการตลาด กรุ๊ปเอ็ม (ประเทศไทย) ร่วมกันเผยถึงอินไซท์ล่าสุดของคนไทยว่า “ในภาพรวมปีนี้เป็นปีที่ผู้บริโภคมีความสุขในชีวิตที่น้อยลง เนื่องจากวิกฤติเศรษฐกิจที่ผู้บริโภคกำลังเผชิญทั้งจากโควิด-19 และราคาน้ำมันและสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น การก่อกวนจากแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ที่ถือว่าเป็นความเสี่ยงที่อาจทำให้สูญเสียเงินเป็นจำนวนมาก ทั้งหมดนี้ส่งผลให้ผู้บริโภคมีความกังวลและมีความไม่มั่นใจที่จะวางแผนการใช้จ่ายในระยะยาว ด้วยกำลังซื้อที่มีอยู่อย่างจำกัดทำให้ผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะเลือกซื้อสินค้าเป็นชิ้นจากร้านค้าใกล้บ้าน แทนการออกไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่ไกลออกไปเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง”

“สำหรับพฤติกรรมการเสพสื่อในปีนี้ พบว่าผู้บริโภคในทุกช่วงอายุมีความสามารถในการเข้าถึงคอนเท้นท์ออนไลน์ผ่านโซเชียลมีเดียได้ไม่ต่างกัน คอนเท้นท์ที่ถูกพูดถึงและกลายเป็นความนิยมรูปแบบใหม่สำหรับทุกคนคือคลิปวิดีโอสั้น เนื่องจากเป็นคอนเท้นท์ที่เข้าใจง่าย ไม่ต้องเสียเวลาวิเคราะห์นาน ซึ่งคอนเท้นท์ที่ได้รับความนิยมยังคงเป็นคอนเท้นท์ผลงานที่ให้ความรู้ที่ผลิตจากตัวผู้บริโภคด้วยกันเอง โดยคอนเท้นท์ที่ทำให้เกิดความสุขและสร้างรอยยิ้มมีแนวโน้มว่าผู้บริโภคจะชื่นชอบเป็นพิเศษ”

ผลการวิจัยยังพบอีกว่าผู้บริโภคมีการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลที่แตกต่างไปจากเดิม เช่น บทบาทของ Facebook สำหรับผู้บริโภคที่ถูกได้เปลี่ยนไปเป็นเครื่องมือสำหรับการยืนยันตัวตน หรือใช้เป็นล็อคอินสำหรับการเข้าสู่แพลตฟอร์มอื่น ๆ อาทิ เกม ความบันเทิง และการซื้อสินค้าออนไลน์ หรือแอปสั่งอาหารที่ตอนนี้ได้เปลี่ยนมาเป็น SuperApp ที่มีการเพิ่มบทบาทเป็นเครื่องมือสำคัญในการใช้ชีวิตด้านอื่น ๆ อาทิ บริการซื้อสินค้าจากซูเปอร์มาร์เก็ต การเดินทาง ธุรกรรมทางการเงิน รวมทั้งเป็นศูนย์กลางการเก็บโปรโมชัน นับเป็นอีกหนึ่งความท้าทายสำหรับนักการตลาดในการที่จะวางแผนการสื่อสารเพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคให้ถูกที่และถูกเวลาอย่างแท้จริง

ปัทมวรรณ กล่าวเสริมอีกว่า “กรุ๊ปเอ็ม ในฐานะผู้สร้างและสนับสนุนความเปลี่ยนแปลง เราต้องใช้ความรู้ของเราเพื่อสร้างประสบการณ์การเข้าถึงผู้บริโภคอย่างมีความหมาย งานสัมมนา FOCAL จะช่วยให้นักการตลาดตลอดจนบุคลากรในอุตสาหกรรมมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ทั้งในมุมผู้บริโภค และมุมของการเลือกใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของเม็ดเงินลงทุน”