กิกะมอน พร้อมสนับสนุน Zero Trust ให้องค์กร ด้วยการมองเห็นแบบ Full Visibility
“กิกะมอน เห็นโอกาสในเทคโนโลยี Deep Observability ในประเทศไทย ชูประเด็นการตอบโจทย์ Zero Trust และสร้างการมองเห็นข้อมูลในระบบ Full Visibility สามารถใช้ดาต้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลด TCO ขององค์กรได้อย่างมีนัยสำคัญ
.
สุรวงศ์ วาสนาพิทักษ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท กิกะมอน เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยว่า “ที่ผ่านมาลูกค้าของกิกะมอน จะอยู่ในอุตสาหกรรมการเงินและกลุ่มภาครัฐบางส่วน ในปีนี้จะขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มธนาคารอื่นๆ ที่ยังไม่ได้เป็นลูกค้า ราชการและรัฐวิสาหกิจอื่น รวมถึงเอกชนตั้งแต่ธุรกิจขนาดกลางขึ้นไป ตั้งความหวังว่าจะเติบโตขึ้นอีกหนึ่งเท่าตัว”
“โดยในปีนี้จะอาศัยกลยุทธ์การสื่อสารให้ลูกค้ารู้จักกิกะมอนมากขึ้น โดยการจัดงานสัมมนาเพื่อสร้างความเข้าใจในตัวเทคโนโลยีกับลูกค้า รวมถึงการทำการตลาดโดยตรงกับกลุ่มลูกค้า สำหรับกลุ่มลูกค้าเก่าก็จะให้ความสำคัญมากขึ้นโดยต้องการให้เข้าใจเทคโนโลยีมากขึ้น และเพิ่มการใช้งานเฉพาะในฟังก์ชันเพิ่มเติมของผลิตภัณฑ์ เพื่อเกิดการใช้งานมากขึ้น และใช้ประโยชน์สูงสุด”
“สำหรับสถานการณ์ของ เทคโนโลยีการสังเกตการณ์เชิงลึก (Deep Observability) ผู้บริหารสะท้อนว่า หลายองค์กรในประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงของการเรียนรู้เทคโนโลยีนี้อยู่”
“ซึ่งนี่คือโอกาสที่บริษัทต้องเป็นผู้เข้าใปชี้ถึงความสำคัญและประโยชน์ โดยผนวกเข้ากับพาร์ทเนอร์ นั่นทำให้ลูกค้าจะสามารถตอบความต้องการและสร้างความมั่นใจในกระบวนการทำงานและความมั่นคงปลอดภัยในระบบ
“ลูกค้าบางรายยังไม่ทราบถึงสถานการณ์ของตัวเองว่าระบบกำลังถูกโจมตี หรือกว่าจะรู้ก็ช้ามากจนความเสียหายเกิดขึ้นมาก ดังนั้นการมีโซลูชันของกิกะมอน จะช่วยให้องค์กรรู้ทันภัยคุกคามได้เร็วขึ้น”
ร่วมพาร์ทเนอร์เสนอโซลูชัน ตอบโจทย์ Zero Trust ขององค์กร
สุรวงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ที่ผ่านมามีการทำงานร่วมกับผู้ให้บริการไอทีชั้นนำระดับโลกทั้งผู้ให้บริการซอฟต์แวร์และอุปกรณ์เครือข่ายการรักษาความปลอดภัย รวมถึงผู้ให้บริการทราฟิกแอปพลิเคชันในลักษณะการเป็นพาร์เทอร์ เพื่อการสร้างเป็นโซลูชันที่ครอบคลุมความต้องการของลูกค้า”
“อาทิ โซลูชันด้าน NDR เพื่อสร้างจุดแข็งจากการจับมือกับพาร์เนอร์ด้านระบบการรักษาความปลอดภัย ซึ่งจะส่งผลให้โซลูชันของกิกะมอนสามารถมองเห็นข้อมูลเชิงลึกในระบบที่เป็นทราฟิก หรือภัยคุกคามต่างๆ อาทิ แรซัมแวร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
“หลายองค์กรทั่วโลกมีการดำเนินนโยบาย Zero Trust ซึ่งการประสบความสำเร็จนโยบายนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่องค์กรต้องมากเห็นข้อมูลเชิงลึกของตัวเองทั่วทั้งองค์กร ซึ่งกิกะมอน คือทูลที่เข้ามาช่วยให้หลักการพื้นฐานที่สำคัญของ Zero Trust ประสบความสำเร็จ”
“สำหรับช่องทางการจัดจำหน่าย ตอนนี้เป็นพาร์ทเนอร์กับรายใหญ่สองรายซึ่งมั่นใจได้ถึงความสามารถในการกระจายสินค้าและบริการ รวมถึงการฝึกอบรมให้กับพาร์ทนอร์ที่เป็นผู้วางระบบอย่างต่อเนื่อง มีความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ของกิกะมอน จนมีความพร้อมที่จะขยายตลอดนรองรับแผนของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยยังเปิดช่องสำหรับการมองหาพาร์ทเนอร์รายใหม่ที่มีความสามารถในการเข้าสู่ลูกค้ากลุ่มภาครัฐ เพื่อตอบโจทย์ตามแผนที่วางไว้”
“กิกะมอน สามารถสร้างการมองเห็นข้อมูลในระบบได้อย่างเต็มรูปแบบ (Full Visibility) สามารถรองรับโครงสร้างพื้นฐานที่หลากหลายทั้ง พับลิค คลาวด์ ไพรเวทคลาวด์ รวมถึงสามารถทำงานรองรับได้ครอบคลุมแอปพลิเคชัน และส่งออกข้อมูลที่จำเป็น สามารถ Optimize ดาต้าได้มากกว่า 90% ทำให้สามารถลด TCO ขององค์กรได้อย่างมีนัยสำคัญ” ผู้บริหารกล่าว
ล่าสุด 650 Group บริษัทวิจัยด้านการตลาด รายงานว่า กิกะมอน คว้าตำแหน่งผู้ค้าชั้นนำในตลาดการสังเกตการณ์เชิงลึกมาครองได้สำเร็จ โดยมีส่วนแบ่งตลาด 63 เปอร์เซ็นต์และมีอัตราการเติบโต 43 เปอร์เซ็นต์ในปี 2566 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
และพบว่าตลาดรวมของตลาดการสังเกตการณ์เชิงลึกมีการเติบโตที่ 61 เปอร์เซ็นต์ในปี 2566 และยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากองค์กรต่างๆ ได้หันมาใช้โครงสร้างพื้นฐานคลาวด์แบบไฮบริดเพิ่มมากขึ้น ซึ่งคาดการณ์อัตราการเติบโตต่อปี (CAGR) ไว้ที่ 40 เปอร์เซ็นต์ และคาดว่าจะมีรายได้เกือบ 2 พันล้านดอลลาร์ในปี 2571
ทำไมเทคโนโลยี Deep Observability ถึงมีความสำคัญอย่างยิ่งกับองค์กรยุคดิจิทัล
Featured Image: Image by freepik
