จีเอเบิล แนะองค์กรผนึกพลังแห่งนวัตกรรมเทคโนโลยี Cloud + AI วางรากฐานเทคโนโลยี Cloud ให้แข็งแรง
“จีเอเบิล แนะองค์กรผนึกพลังแห่งนวัตกรรมเทคโนโลยี Cloud + AI วางรากฐานเทคโนโลยี Cloud ให้แข็งแรง พร้อมติดสปีด AI เพิ่มโอกาสทางธุรกิจในยุคดิจิทัลแบบไร้รอยต่อ
บริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้าน “Tech Enabler” ที่ช่วยยกระดับธุรกิจสู่ยุคดิจิทัลในทุกมิติมุ่งมั่นในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ภาคธุรกิจองค์กรไทย ด้วยการนำเสนอแนวคิดและนวัตกรรมด้านดิจิทัลโซลูชัน เพื่อผลักดันธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน
แนะนำธุรกิจองค์กรทุกภาคอุตสาหกรรมเตรียมความพร้อมในการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ด้วยเทคโนโลยี Cloud เพื่อเสริมระบบโครงสร้างพื้นฐานไอทีให้พร้อมทุกการเชื่อมต่อเทคโนโลยี AI เพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพการทำงาน สร้างความแข็งแกร่ง
ของธุรกิจในหลายมิติ ทั้งความรวดเร็ว ความยืดหยุ่น และความปลอดภัย พร้อมนำธุรกิจองค์กรเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันของภาคธุรกิจ
ธีระพงษ์ จันทร Senior Cloud Business Development Manager บริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) เผยว่า “ในปัจจุบัน AI ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจสู่อนาคต และมีการคาดการณ์ว่าจะมีการใช้จ่ายด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทั่วโลก
รวมถึงแอปพลิเคชันที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ โครงสร้างพื้นฐานบริการด้านไอทีและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง จะเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าภายในปี 2028 ซึ่งคาดว่าจะสูงถึง 632,000 ล้านดอลลาร์ ตามการคาดการณ์ใหม่จาก Worldwide AI and Generative AI Spending Guide ของ International Data Corporation (IDC)
ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่าธุรกิจองค์กรชั้นนำทั่วโลกต่างมุ่งนำ AI มาประยุกต์ใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน พัฒนาสินค้าและบริการ ตลอดจนสร้างกลยุทธ์ทางธุรกิจที่เหนือชั้น แต่การที่จะนำ AI มาใช้ในระดับองค์กรนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นโดยง่าย ซึ่งจีเอเบิล มองว่า Cloud Technology คือ หนึ่งในเทคโนโลยีสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจปรับตัวได้ดี และสามารถต่อยอดในการประยุกต์ใช้ AI ขององค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นตัวช่วยสำคัญในการเร่งติดสปีดให้แก่ธุรกิจองค์กรในยุคปัจจุบัน
โดยเฉพาะเทคโนโลยี Cloud ที่มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการต่อยอดและเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่าง AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะการที่ธุรกิจองค์กรใดมีการวางรากฐานทางเทคโนโลยีพื้นฐานในรูปแบบของ Cloud Technology เป็นระบบพื้นฐาน จะช่วยให้สามารถจัดการ บริหาร และจัดเก็บข้อมูลสำคัญที่พร้อมใช้งานได้ดีกว่า
สามารถค้นหา วิเคราะห์ และประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ได้รวดเร็วกว่า ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจองค์กรสามารถปรับตัวและตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างทันท่วงที อีกทั้งยังช่วยให้ธุรกิจองค์กรมีความคล่องตัวในการจัดการทรัพยากร และสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้ในระยะยาว
แน่นอนว่าหากธุรกิจองค์กรใดมีความพร้อมในด้าน Cloud Technology ในการดำเนินงานด้านโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมในเรื่องของ Data ทั้งพื้นที่การจัดเก็บข้อมูล หรือการวิเคราะห์ข้อมูล รวมถึง Cloud Platform Services ที่จะทำให้ทุกระบบในองค์กรทั้ง Front Office และ Back Office มีความพร้อมในการทำงานร่วมกับ AI ในอนาคตได้อย่างไร้รอยต่อ
รวมถึงการใช้บริการ Managed Services โดยทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ และ AI Service ที่พร้อมใช้งานเพื่อให้สะดวกในการต่อยอดการนำ AI Technology มาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็ยิ่งเป็นแต้มต่อในการได้เปรียบเหนือคู่แข่งในการดำเนินธุรกิจองค์กรนับจากนี้
หากธุรกิจองค์กรใดมีการผนึกกำลังของทั้ง 2 เทคโนโลยีทั้ง Cloud Technology และ AI Technology ที่เสริมพลังซึ่งกันและกันเข้าด้วยกัน ก็จะสามารถสร้างโอกาสใหม่ๆ ในการสร้างนวัตกรรมและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างรวดเร็ว เพราะ Cloud Technology จะช่วยให้ AI เข้าถึงทรัพยากรการประมวลผลและข้อมูลจำนวนมหาศาลได้อย่างแม่นยำ ในขณะที่ AI จะช่วยเพิ่มความอัจฉริยะและการทำงานอัตโนมัติให้กับระบบ Cloud Technology ได้ในหลายๆ ด้าน อาทิเช่น
• การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ การใช้ AI บน Cloud เพื่อช่วยวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าจำนวนมาก ทำให้ธุรกิจสามารถเข้าใจและเข้าถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น ต่อยอดสู่การปรับแผนการขายและการตลาดได้ดียิ่งขึ้น
• ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ การใช้ AI บน Cloud จะสามารถช่วยตรวจจับและป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์แบบเรียลไทม์
• การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การใช้ AI และ Cloud ในการจำลองและทดสอบผลิตภัณฑ์ใหม่ นอกจากจะช่วยลดเวลาการทำงาน ยังช่วยลดต้นทุนในการพัฒนาได้อีกด้วย
ซึ่งการผนึกกำลังกันของทั้ง 2 เทคโนโลยีนี้ จะช่วยตอบโจทย์ลูกค้าได้ดีและรวดเร็วกว่าที่เคย ด้วยการทำงานในรูปแบบที่เป็นอัตโนมัติมากขึ้น โดยไม่จำเป็นจะต้องเสียเวลาเตรียมเรื่องของ Hardware และ Software ทั้งการจัดเก็บข้อมูล การสืบค้นข้อมูล
รวมถึงประมวลผลข้อมูลที่มีจำนวนมาก ก็ยิ่งจะช่วยให้องค์กรหรือธุรกิจมีไอเดียใหม่ๆในการพัฒนาบริการให้กับลูกค้า เช่น บริการ Chatbot ตอบคำถามหรือ ผู้ช่วยเสียงอัจฉริยะ ที่สามารถให้บริการลูกค้าแบบทันท่วงทีมากขึ้นกว่าแต่ก่อน การช่วยพัฒนาระบบเอกสาร และการช่วยพัฒนาแอปพลิเคชัน (Application Development) ฯลฯ
นอกจากนี้ ในส่วนของระบบ Platform Services หรือ Managed Services ของ Cloud จะมีการพัฒนาระบบอยู่ตลอดเวลา ทำให้เกิดเครื่องมือใหม่ๆ ที่ช่วยในการพัฒนา AI ให้มีความพร้อมทั้งด้านการบริการ (Services) แพลตฟอร์ม (Platform) และการฝึกอบรมโมเดล AI เป็นต้น
แต่สิ่งสำคัญที่ธุรกิจองค์กรจะต้องให้ความสำคัญในการประยุกต์การใช้ AI ด้วย Cloud Technology ไม่แพ้กันคือ ความพร้อมในเรื่องระบบความปลอดภัยตั้งแต่การติดตั้งระบบ Cloud ให้มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงข้อมูลตามมาตรการของแต่ละองค์กร การจัดสรรลำดับความสำคัญของข้อมูลต่างๆ
และที่สำคัญคือต้องไม่นำ AI ไปวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคลควรมีการควบคุมการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (Data Privacy) และต้องมีแผนสำรองกรณีเกิดเหตุการณ์ Technical Issue เช่น ระบบเชื่อมต่อ Link หรือ Internet มีปัญหา ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้
Cloud Technology จึงถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในการรองรับเทคโนโลยีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี AI, IoT, VR/AR, 5G ฯลฯ ซึ่งล้วนเป็นนวัตกรรมโครงข่ายแห่งอนาคต และเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจสู่อนาคต เนื่องจาก Cloud Technology เป็นเหมือนพื้นที่เสริมพลังการขับเคลื่อนด้านการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ให้แก่เทคโนโลยีเหล่านี้
ดังนั้น ธุรกิจองค์กรที่มีความต้องการใช้ AI จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีระบบ Cloud เป็นพื้นฐานด้านเทคโนโลยีที่ควบคู่ไปด้วย เพื่อให้สามารถเข้าถึงข้อมูลและใช้ประโยชน์จาก AI ได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และพร้อมต่อยอดสู่โอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจตามที่ได้วางเป้าหมายไว้”