ไฟ-ฟ้า โดย ทีทีบี ตอกย้ำแนวคิด “เด็กธรรมดา…คือสิ่งที่สวยงาม” ขยายพื้นที่แห่ง “โอกาส” เปิดศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้า นนทบุรี มุ่งสู่การจุดประกายเยาวชนเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน
ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี (ttb) เดินหน้าสานต่อโครงการไฟ-ฟ้า โดย ทีทีบี (fai-fah by ttb) กิจกรรมสังคมเพื่อความยั่งยืนจากมูลนิธิทีทีบี ตอกย้ำแนวคิด “เด็กธรรมดา…คือสิ่งที่สวยงาม” เปิดศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้า นนทบุรี
ขยายพื้นที่แห่ง “โอกาส” ให้แก่เด็กๆ ได้มีแหล่งเรียนรู้ทักษะทางศิลปะและทักษะชีวิตแห่งใหม่ พร้อมจุดประกายให้ค้นพบถึงศักยภาพของตนเอง สร้างความเปลี่ยนแปลงให้ตนเอง รวมทั้งสังคม และผู้คนรอบข้างให้มีชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน
ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ประธานกรรมการ ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี (ttb) เปิดเผยว่า “ทีเอ็มบีธนชาต มุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนทั้งในเชิงธุรกิจ ชุมชนและสังคมรอบข้าง ตอกย้ำปรัชญา Make REAL Change ผ่านโครงการไฟ-ฟ้า โดย ทีทีบี (fai-fah by ttb) โครงการ CSR หลักของทีทีบี ที่เริ่มต้นปี 2552
โดยมอบโอกาสและปลูกฝังเยาวชนในชุมชนอายุระหว่าง 12 – 17 ปี เพื่อสร้างสิ่งดีๆ คืนสู่สังคมไทยอย่างยั่งยืน โดยธนาคารเล็งเห็นว่า เด็กทุกคนมีพลัง และเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันชุมชนไปในทิศทางที่ดี ใช้พลังอย่างสร้างสรรค์ เพื่อเปลี่ยนชีวิต ครอบครัว ชุมชน และสังคมให้ดีขึ้นในลำดับต่อไป”
ในปีนี้โครงการ ไฟ-ฟ้า โดย ทีทีบี ได้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 13 และเป็นโอกาสอันดีที่ได้ถือกำเนิดศูนย์เรียนรู้แห่งใหม่ ที่จังหวัดนนทบุรีแห่งนี้ โดยศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้า นนทบุรี จะเป็นพื้นที่การเรียนรู้ในพื้นที่นอกกรุงเทพฯ
เพื่อจุดประกายให้เด็กๆ ได้ค้นพบและตระหนักถึงศักยภาพของตนเอง ได้เรียนรู้ทักษะชีวิตเพื่อการทำงานและการใช้ชีวิตในอนาคต รวมถึงนำสิ่งที่ได้มาสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นต่อตนเอง ครอบครัว รวมถึงชุมชนที่อาศัยอยู่ด้วย
ปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า “ไฟ-ฟ้า โดย ทีทีบี มุ่งจุดประกายเยาวชนและชุมชน เพื่อเสริมสร้างสิ่งดีๆ คืนสู่สังคมไทย โดยมีแนวคิด “เด็กธรรมดา…คือสิ่งที่สวยงาม” ที่ต้องการสร้างโอกาสให้เด็กธรรมดาได้มีพื้นที่ยืนในสังคมได้อย่างสวยงาม เท่าเทียมกับเด็กคนอื่น
นอกจากนั้น ยังเป็นกิจกรรมที่ให้เยาวชนได้ค้นพบศักยภาพในตัวเอง เกิดแรงบันดาลใจ มีความสุขกับชีวิต ได้รับการยอมรับและสามารถดูแลตัวเองได้ในอนาคต อีกทั้งสร้างสิ่งดีๆ ต่อยอดสู่การเปลี่ยนแปลงผ่านการ “ให้คืน” สู่สังคมอย่างยั่งยืน”
“ปัจจุบันมีศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้าทั้งหมด 5 แห่ง โดย 3 แห่งอยู่ที่กรุงเทพฯ ประกอบด้วย ศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้าประชาอุทิศ, ศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้าจันทน์ ศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้าบางกอกน้อย และอีก 2 แห่ง คือศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้า สมุทรปราการ และล่าสุด ศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้า นนทบุรีแห่งนี้
โดยเปิดสอนในวิชาต่างๆ เช่น คลาสคอมพิวเตอร์กราฟิก คลาสศิลปะ คลาสดนตรี คลาสกีต้าร์ คลาสเรียนเต้น คลาสวงดนตรี คลาสเทควันโด และ คลาสมวยไทย โดยมีวิชาเด่น คือ คลาสครัว ที่เด็กๆ จะได้มาฝึกฝนทักษะจากคุณครูมืออาชีพ เพื่อให้มีวิชาติดตัว สามารถนำไปต่อยอดเป็นอาชีพเสริม
เพิ่มรายได้ให้กับตนเองและครอบครัว และคลาสสื่อสร้างสรรค์ออนไลน์ ที่มีออนไลน์สตูดิโอ เป็นศูนย์กลางผลิตสื่อ และผลงานออนไลน์ด้วยอุปกรณ์ที่ทันสมัยครบครัน ที่เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้ฝึกสร้างสรรค์งานออนไลน์ได้ตามจินตนาการ เพื่อต่อยอดอาชีพที่กำลังมาแรงอย่าง Youtuber อีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีความพิเศษของศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้า นนทบุรีอีกอย่าง คือ เราต้องการสร้างโอกาสที่เท่าเทียมกัน ด้วยการขยายโอกาสให้เด็กผู้บกพร่องทางการได้ยินได้เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ของศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้า นนทบุรี แห่งนี้อีกด้วย”
ศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้า นนทบุรี เป็นอาคารพาณิชย์ สูง 4 ชั้นครึ่ง เป็นศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้าที่ใหญ่ที่สุด โดยมีพื้นที่ 768 ตารางเมตร สามารถรองรับเด็กๆ ได้กว่า 300 คน การออกแบบอาคารมีการตกแต่งโดยเน้นความโปร่ง โล่งสบาย ใช้แสงจากธรรมชาติ และเลือกใช้วัสดุที่ยังคงความเรียบ ไม่ทำร้ายสิ่งแวดล้อม
ผสานเข้ากับความทันสมัยในการออกแบบพื้นที่ ในรูปแบบให้มีสีสันสนุกสนาน จุดประกายจินตนาการได้อย่างเต็มที่ สู่ความคิดสร้างสรรค์ที่หลากหลาย เพื่อให้การใช้งานเหมาะสมกับการเรียนรู้ของเด็กๆ ภายใต้คอนเซปต์ เพนโรส สเตร์ (Penrose Stairs) หนึ่งในผลงานด้านศิลปะชื่อดังระดับโลก
ซึ่งเป็นบันไดที่เรียงต่อกัน เปรียบเสมือนจินตนาการของเด็กๆ ที่ไม่มีสิ้นสุด พร้อมที่จะสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ต่อไป โดยศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้า นนทบุรีจะกลายแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของจังหวัดนนทบุรี พร้อมจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ให้กับเยาวชนผ่าน Wall Arts ที่สะท้อนอัตลักษณ์ชุมชนชาวนนทบุรี ออกแบบโดย Linda May Melendez อาสาสมัครทีทีบี จากทีม Corporate Property & Services
“ทีทีบีเชื่อว่าศูนย์เรียนรู้ ไฟ-ฟ้า ทั้ง 5 แห่ง รวมถึงศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้า นนทบุรีแห่งนี้ จะเป็นสถานที่ที่ให้โอกาสเด็กๆ ได้พัฒนาศักยภาพตัวเองให้กลายเป็นเด็กธรรมดาที่เป็นคนดีและมีความสุข มีโอกาสเป็นทั้งผู้รับ และผู้ให้ที่ดี ด้วยการนำทักษะทางศิลปะและทักษะชีวิตที่ได้เรียนรู้จากศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้า ไปพัฒนาตนเองต่อยอดสู่ครอบครัว และสังคมรอบข้างให้ดีขึ้น ตอกย้ำปรัชญา Make REAL Change เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนเพื่อสังคมดีขึ้นอย่างยั่งยืน” ปิติ กล่าวสรุป