“องค์กรขนาดใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีค่าใช้จ่ายเนื่องจากถูก ละเมิดข้อมูล 7 แสนดอลลาร์ต่อปี ที่ต้องใช้ในหลายกรณีเช่น การปรับปรุงซอฟต์แวร์ แก้ไขความเสียหายของแบรนด์ จ้างผู้เชี่ยวชาญ และอันดับเครดิตหรือเบี้ยประกัน
การปกป้องข้อมูลองค์กรและข้อมูลส่วนบุคคลกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจสมัยใหม่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA) โดยเฉพาะในช่วงสองปีที่ผ่านมา น่าเสียดายที่ภัยคุกคามใหม่ๆ เกิดขึ้นระหว่างการระบาดใหญ่และการทำงานจากระยะไกลอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจต่างๆ ต้องจัดการกับความเสี่ยงทางการเงินภายในและภัยคุกคามทางไซเบอร์จากภายนอก
วันนี้ แคสเปอร์สกี้จะเจาะลึกถึงค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการถูกละเมิดข้อมูลในปัจจุบันในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งด้านการเงินและด้านอื่นๆ
รายงานของแคสเปอร์สกี้ เรื่อง IT Security Economics 2021: Managing the trend of growing IT complexity แสดงให้เห็นว่าแม้จะมีภัยคุกคามใหม่ๆ แต่ค่าใช้จ่ายจากการถูกละเมิดข้อมูลทั่วโลกก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากเกินไปในปี 2021
ผลกระทบทางการเงินจากการถูกละเมิดข้อมูล
จากการวิจัยแคสเปอร์สกี้พบว่า ผลกระทบทางการเงินจากการถูก ละเมิดข้อมูล สำหรับ SMB นั้นเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย (105,000 ดอลลาร์ในปี 2021 เทียบกับ 101,000 ดอลลาร์ในปี 2020) และสำหรับเอ็นเทอร์ไพรซ์นั้นลดลงอย่างน่าทึ่งถึง 15% เหลือ 927,000 ดอลลาร์ จาก 1.09 ล้านดอลลาร์ในปี 2020 นับเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าตัวเลขต่ำสุดในปี 2017 (992,000 ดอลลาร์)
ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ส่วนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยจากการถูกละเมิดข้อมูลของเอ็นเทอร์ไพรซ์เพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 716,000 ดอลลาร์ในปีนี้จาก 710,000 ดอลลาร์ ในปี 2020 อย่างไรก็ตาม ผลกระทบทางการเงินที่มีต่อ SMB นั้นลดลงอย่างมาก จาก 92,000 ดอลลาร์เมื่อสองปีที่แล้ว เหลือเพียง 74,000 ดอลลาร์ในปี 2021
เซียง เทียง โยว ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แคสเปอร์สกี้ กล่าวว่า “ค่าใช้จ่ายที่ลดลงอย่างมากจากการถูกละเมิดข้อมูลของ SMB ในภูมิภาคเกิดจากการที่ธุรกิจบางส่วนต้องปิดร้านค้าในช่วงภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพ ต้องใช้เวลาสักระยะก่อนจะเปิดและเริ่มฟื้นตัวได้ใหม่”
“สำหรับผลกระทบทางการเงินจากการถูกละเมิดข้อมูลของเอ็นเทอร์ไพรซ์นั้นไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นั่นเพราะเราเห็นการปรับปรุงความสามารถในการตรวจจับภัยคุกคามของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง”
“จากการที่เราปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าและการรายงานข่าวเกี่ยวกับการโจมตีทางอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทต่างๆ ตระหนักดีถึงราคาที่อาจจ่ายหากละเลยการรักษาความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม เมื่อการโจมตีถูกเปิดเผยต่อสื่อมวลชน ผลที่ตามมาก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก ผลกระทบด้านชื่อเสียงเข้ามามีบทบาท และสร้างความเสียหายมากกว่าความเสียหายทางการเงิน”
การจำแนกค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมโดยเฉลี่ยจากการถูกละเมิดข้อมูลของเอ็นเทอร์ไพรซ์ในภูมิภาค แสดงให้เห็นว่าเงินจำนวนมากถูกนำไปใช้ในการปรับปรุงซอฟต์แวร์และโครงสร้างพื้นฐาน (98,000 ดอลลาร์) การประชาสัมพันธ์เพิ่มเติมเพื่อแก้ไขความเสียหายของแบรนด์ (93,000 ดอลลาร์) การฝึกอบรมพนักงาน (90,000 ดอลลาร์) การจ้างผู้เชี่ยวชาญภายนอก (88,000 ดอลลาร์) และความเสียหายต่ออันดับเครดิตหรือเบี้ยประกัน (84,000 ดอลลาร์)
ชื่อเสียงด้านความปลอดภัยไซเบอร์มีความสำคัญ
งานวิจัยอีกชิ้นของแคสเปอร์สกี้ได้พิสูจน์ว่าความเสียหายต่อชื่อเสียงที่เกิดจากการถูกละเมิดข้อมูลเพียงครั้งเดียวสามารถทำให้บริษัทเสียหายได้
คือ การวิจัยเรื่อง Mapping a secure path for the future of digital payments in APAC พบว่าผู้ใช้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จำนวนเกือบครึ่ง (42%) จะไม่ซื้อสินค้าจากผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซหรือผู้ขายที่ถูกละเมิดข้อมูลหรือถูกโจมตีทางไซเบอร์
บริษัทที่มีประวัติข้อมูลรั่วไหลก็เช่นเดียวกันในการเลือกใช้วอลเล็ต ผู้ใช้จำนวนเกือบ 2 ใน 5 ระบุว่าจะเลือกใช้ผู้ให้บริการชำระเงินดิจิทัลที่ไม่เกี่ยวข้องกับการถูกละเมิดข้อมูลหรือการโจมตีใดๆ มาก่อน
คำแนะนำเพื่อช่วยบรรเทาการโจมตีทางไซเบอร์และลดค่าใช้จ่าย
แคสเปอร์สกี้ขอแนะนำให้ SMB และเอ็นเทอร์ไพรซ์ปฏิบัติตามคำแนะนำด้านล่าง เพื่อช่วยบรรเทาการโจมตีทางไซเบอร์และลดค่าใช้จ่ายหากประสบกับการถูกละเมิดข้อมูล ดังต่อไปนี้
- ตรวจสอบว่าองค์กรได้ใช้ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันล่าสุด โดยเปิดการอัปเดตอัตโนมัติเพื่อให้แน่ใจว่าซอฟต์แวร์เป็นเวอร์ชันล่าสุดเสมอ
- ใช้โซลูชันสำหรับเอ็นด์พอยต์ ที่ช่วยประเมินช่องโหว่และจัดการแพตช์ เพื่อลดความเสี่ยงที่ช่องโหว่จะถูกโจมตีโดยอาชญากรไซเบอร์ สามารถขจัดช่องโหว่ในซอฟต์แวร์โครงสร้างพื้นฐานได้โดยอัตโนมัติ สามารถแพตช์เชิงรุกและดาวน์โหลดการอัปเดตซอฟต์แวร์ที่จำเป็น นอกจากนี้ยังสามารถตรวจจับพฤติกรรมและป้องกันการใช้ประโยชน์ และหยุดกิจกรรมที่น่าสงสัยได้
- ให้ความรู้พนักงานเรื่องความสำคัญของการอัปเดตเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์อย่างสม่ำเสมอ
- พัฒนาแผนการจัดการวิกฤตกรณีพิเศษสำหรับเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ โดยรวมผู้เข้าร่วมจากแผนกสำคัญๆ เข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งรวมถึงฝ่ายไอที ฝ่ายความปลอดภัยไอที ฝ่ายกฎหมาย ฝ่ายความสัมพันธ์กับรัฐบาล นักลงทุนสัมพันธ์ ฝ่ายสนับสนุนลูกค้า และฝ่ายสื่อสารองค์กร
- พิจารณาการฝึกอบรมเฉพาะสำหรับทุกๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารและหัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยไอที
Feature Image: Identity theft vector created by katemangostar – www.freepik.com