Thursday, November 21, 2024
DroneNEWSProductsSmart Farm

DJI หวังยกระดับเกษตรกรไทย ก้าวสู่สมาร์ทฟาร์ม ด้วยโดรนการเกษตร

Credit: dji.com

DJI หวังยกระดับเกษตรกรไทย ก้าวสู่สมาร์ทฟาร์ม ด้วยโดรนเกษตรรุ่น DJI Agras T10 และ DJI Agras T30 ชูจุดเด่นด้วยการพัฒนาให้มีน้ำหนักเบาทำให้คล่องตัว และระบบเรดาร์ดิจิทัลรอบทิศทาง มีความปลอดภัย

นงานนิทรรศการเครื่องจักรกลการเกษตรของประเทศไทย AGRITECHNICA ASIA 2022 ครั้งที่ 3 ณ ไบเทค บางนา กรุงเทพฯ ประเทศไทย DJI ผู้พัฒนาและผลิตเทคโนโลยีโดรน ได้ส่งโดรนเกษตรรุ่น DJI Agras T10 และ DJI Agras T30 ที่เป็นเรือธงปีนี้เข้ามาทำตลาดอย่างเป็นทางการในประเทศไทย

โดยชูจุดเด่นด้วยการพัฒนาให้มีน้ำหนักเบาทำให้คล่องตัว ถังขนาด 8 ลิตรและความกว้างของสเปรย์สูงสุด 5 เมตร ช่วยให้เครื่องบินครอบคลุมพื้นที่ถึง 15 เอเคอร์/ชั่วโมง (ราว 6 หมื่นตารางเมตรต่อชั่วโมง) และระบบเรดาร์ดิจิทัลรอบทิศทางช่วยยกระดับความปลอดภัย แอพ DJI Agriculture ใหม่ทำให้ใช้งานง่ายขึ้น

พร้อมรองรับการใช้งานหลากหลายรูปแบบ อาทิ การสํารวจ การทำแผนที่ ไปจนถึงการพ่นและการกระจายน้ำ เป็นต้น อีกทั้งยังมีจุดเด่นในการสร้างแผนที่ใหม่เพื่อการคำนวณการขับเคลื่อนโดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

พร้อมด้วยระบบหลบหลีกสิ่งกีดขวางอัตโนมัติแบบ 3 มิติในราคาที่คุ้มค่าการลงทุน เพื่อรองรับการเติบโตโดรนเกษตรในยุคสมาร์ท ฟาร์ม

โดรนเกษตรกรรมรุ่น DJI Agras T30

DJI_Agras T30 เป็นโดรนเกษตรกรรม ที่มีการเปลี่ยนรูปโฉมใหม่ มีจุดเด่นที่จะช่วยให้การฉีดพ่นมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับพืชเกษตรในกลุ่มไม้ผล ด้วยการพัฒนาและใช้โซลูชันการเกษตรดิจิทัลของ DJI T30 ที่มาช่วยลดการใช้ปุ๋ยและเพิ่มผลผลิต

ด้วยแนวทางการปฏิบัติที่ดีที่สุดของการขับเคลื่อนโดรนด้วยข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ พร้อมยังมีความแม่นยำในการวางแผนการควบคุมระยะไกล พร้อมด้วยแพลตฟอร์ม Smart Agriculture Cloud และการทำแผนที่บนคลาวด์ เกษตรกรสามารถบริหารจัดการและตอบโจทย์การทำเกษตรยุคดิจิทัลได้โดยง่าย

ทำงานได้ประมาณ 100 ไร่ต่อชั่วโมง

DJI ยังได้ทำการสำรวจและได้นำจากกรณีศึกษาจากเกษตรกรในจังหวัดร้อยเอ็ด ในการใช้โดรนในการฉีดพ่นยาฆ่าแมลงแทนคน ซึ่งเมื่อเทียบกับการใช้แรงงานคนแล้ว

โดรนสามารถฉีดพ่นยาฆ่าแมลงได้ครอบคลุมและประหยัดเวลาในการทำงานได้อย่างมาก รวมทั้งต้นทุนการดำเนินงานและเพิ่มการผลิต

วิธีการแบบดั้งเดิมที่ใช้คนเดินฉีดพ่นเฉลี่ย 8.3 ไร่ต่อวัน แต่โดรนเพื่อการเกษตรสามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพมากกว่า โดยได้ยกตัวอย่างโดรนรุ่น T30 ที่มีถังบรรจุขนาด 30 ลิตรและสเปรย์ฉีดน้ำ 9 เมตร สามารถทำงานได้ประมาณ 100 ไร่ต่อชั่วโมง โดยการควบคุมด้วย การคลิกเพียงครั้งเดียว

สำหรับการใช้โดรนเพื่อการเกษตร DJI ในการฉีดพ่นยาให้กับเกษตรกรรายอื่นๆ โดยรอบยังช่วยให้ครอบครัวต่างๆ มีชีวิตที่ดีขึ้นอีกด้วย

หนึ่งในเกษตรกรที่ได้ใช้โดรน DJI ได้คำนวณว่าในฤดูทำนาโดรนสามารถทำงานเฉลี่ย 40-50 ไร่ต่อวันให้กับเกษตรกรโดยรอบ ซึ่งทำให้มีรายได้อยู่ที่ 5,000-6,000 บาทต่อวัน และมีรายได้เกือบ 2 แสนบาทต่อเดือน

ช่วยชาวสวนทุเรียนประหยัดค่าแรง 3 แสน

ส่วนกรณีศึกษาอีกรายคือ เกษตรกรชาวสวนทุเรียนในจังหวัดชุมพร ใช้โดรนเพื่อการเกษตรแก้ปัญหาในการทำงาน ปัจจุบันมีสวนทุเรียนขนาด 30 ไร่พบว่าโดรน T30 ช่วยประหยัดค่าแรงได้และเวลาในการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยได้เทียบกับที่ผ่านมาใช้แรงงานคนฉีดพ่นยาได้วันละ 5 ไร่ แต่โดรนเพื่อการเกษตรของ DJI สามารถฉีดพ่นได้ 40 ไร่ต่อวัน

ผ่านการทำแผนที่บนคลาวด์ เพื่อคำนวณการฉีดพ่นแบบแปรผัน จากการคำนวณการพ่นยา 50 ครั้งต่อปี จากการใช้โดรนช่วยประหยัดค่าแรงได้ถึง 3 แสนบาท ที่สำคัญเรื่องความปลอดภัยที่ไม่ต้องสัมผัสกับยาฆ่าแมลงโดยตรงอีกด้วย

DJI หวังนำโดรนช่วยเกษตรกรไทยก้าวสู่ Smart Farm

ดอนนี่ เจีย ผู้จัดการฝ่ายขาย ประเทศไทย DJI เปิดเผยว่า “ปัจจุบันโดรนเกษตรเป็นเครื่องมือสำคัญที่เข้ามามีบทบาทในภาคการเกษตร รองรับกับความต้องการของประชากรโลกที่เติบโตอย่างต่อเนื่องจากความต้องการอาหารเพิ่มมากขึ้น”

“รวมทั้งอุตสาหกรรมยังต้องเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนแรงงานและการปฏิบัติงานแบบดั้งเดิมที่มีประสิทธิภาพต่ำ รวมถึงการขาดความรู้ในเทคโนโลยีใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต พร้อมด้วยต้นทุนที่มีราคาสูงและอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพได้”

“เทคโนโลยีโดรนจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการจัดการกับความท้าทายขั้นพื้นฐานในขณะนี้ จึงนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการเกษตรแบบดั้งเดิม สู่การเกษตรสมัยใหม่ ที่เน้นการบริหารจัดการและใช้เทคโนโลยี นวัตกรรมหรือเรียกว่า สมาร์ทฟาร์ม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้การผลิต ประหยัดทรัพยากร และช่วยลดต้นทุนการทำเกษตร” ดอนนี่ กล่าว

สำหรับผลิตภัณฑ์โดรนของ DJI นั้นมีด้วยกันหลายประเภทตั้งแต่ โดรนสำหรับผู้บริโภค โดรนสำหรับการศึกษา โดรนสำหรับองค์กร และโดรนสำหรับการเกษตร

โดยตั้งแต่ปี 2561 โดรนเกษตร DJI เริ่มเข้าทำตลาดประเทศไทย มียอดขายในปี 2564 เพิ่มขึ้น 227% เมื่อเทียบกับปี 2563 ปัจจุบันมีการใช้โดรนในแปลงเกษตรกลุ่มพืชผล เช่น ข้าว ทุเรียน ,ทานตะวันและปาล์มน้ำมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในปี 2564 DJI Agriculture มียอดขายรวม 1 แสนยูนิตในตลาดโลก โดยมีพื้นที่ปฏิบัติการทั่วโลกสะสมมากกว่า 6.67 ล้านตารางกิโลเมตร และได้ฝึกอบรมนักบินมืออาชีพที่ผ่านการรับรองแล้วมากกว่า 65,000 คน

ปัจจุบัน DJI Agriculture ให้บริการโซลูชันการเกษตรแบบดิจิทัลแก่กว่า 30 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก โดยให้บริการผู้ปฏิบัติงานด้านการเกษตรมากกว่า 10 ล้านคน

ในอนาคต DJI Agriculture จะยังคงลงทุนในเทคโนโลยีและทรัพยากรเพิ่มเติมในตลาดเกษตร และทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อสร้างโซลูชั่นด้านการเกษตรแบบดิจิทัล โดยใช้อุปกรณ์อวกาศอัจฉริยะ ที่จะเข้าช่วยเกษตรกรปรับปรุงระดับการจัดการพื้นที่เพาะปลูก ช่วยพัฒนาด้านการเกษตรทั่วโลก