
“กรุงเทพประกันภัย แถลงผลดำเนินงาน ปี 2024 ยกระดับองค์กรสู่ความเป็นเลิศที่โดดเด่นและแตกต่างในทุกมิติ ประกาศแผนปี 2568 ตั้งเป้าเบี้ยฯ 34,200 ล้านบาท เติบโต 8% เสริมศักยภาพเทคโนโลยีดิจิทัล สร้างสรรค์นวัตกรรมบริการที่เหนือความคาดหวัง พร้อมผลิตภัณฑ์ที่รองรับคนยุคใหม่
ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน กรรมการและประธานคณะผู้บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในปี 2567 (ม.ค.-ธ.ค.) บริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 31,736.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.1 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยมีผลกำไรสุทธิจากการรับประกันภัยหลังหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานแล้ว 1,871.0 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 9.6 ส่วนกำไรจากการลงทุนสุทธิเท่ากับ 1,799.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 38.5 ทำให้บริษัทฯ มีกำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 3,670.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.9 และมีกำไรสุทธิ 3,059.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 คิดเป็นกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 28.74 บาท และบริษัทฯ ยังคงสามารถรักษาอันดับความน่าเชื่อถือทางการเงินในระดับสูงหรือ Credit Rating A- (Stable) (ณ ต.ค. 67) โดย Standard & Poor’s (S&P) สถาบันการจัดอันดับทางการเงินชั้นนำของโลกได้อย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบันกรุงเทพประกันภัยเป็นบริษัทย่อยที่สร้างรายได้หลักให้แก่ บริษัท บีเคไอ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BKIH ซึ่งประกอบธุรกิจผ่านการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) โดยมุ่งลงทุนในธุรกิจหลักด้านการประกันภัยและธุรกิจอื่นที่หลากหลายและมีศักยภาพ
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2567 (ม.ค.-ธ.ค.) บีเคไอ โฮลดิ้งส์ มีรายได้รวม 23,422.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.8 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้จากการรับประกันภัย 21,481.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.9 และมีรายได้จากการลงทุน 1,940.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 39.0 โดยมีผลกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 1,854.8 ล้านบาท และรายได้สุทธิจากการลงทุนเท่ากับ 1,802.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 38.7 ทำให้มีกำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 3,657.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.6 และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 3,046.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 คิดเป็นกำไรต่อหุ้นส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้น 28.61 บาท
สำหรับการจัดสรรเงินปันผลในปี 2567 บริษัทฯ จัดสรรเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วอัตราหุ้นละ 11.25 บาท และในงวดสุดท้ายของปี 2567 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเสนอให้จ่ายเงินปันผล หุ้นละ 5.75 บาท รวมจ่ายเงินปันผลทั้งปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 17 บาท โดยมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ร้อยละ 5.84
สำหรับแนวโน้มของธุรกิจประกันวินาศภัยในปี 2568 สมาคมประกันวินาศภัยไทยคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 1.5-2.5 ซึ่งเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า คิดเป็นเบี้ยประกันภัยรับโดยตรง 2.91-2.95 แสนล้านบาท ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตมาจากการเร่งขยายโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่จากเงินลงทุนภาครัฐ ประกอบกับประกันภัยสุขภาพที่เติบโตจากการตระหนักถึงความเสี่ยงด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากสภาพแวดล้อมในปัจจุบันที่นำไปสู่โรคประจำฤดูกาล ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5
รวมถึงปัจจัยค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้นจากภาวะเงินเฟ้อทางการแพทย์ (Medical Inflation) ด้านตลาดบ้านที่อยู่อาศัย ถึงแม้จะได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อของประชาชนที่ลดลง แต่ด้วยสภาวะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำให้เกิดภัยธรรมชาติที่ทวีความรุนแรงและบ่อยครั้งขึ้น ซึ่งเป็นแรงผลักดันให้ประชาชนตระหนักถึงการประกันความเสี่ยงภัยดังกล่าว โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อน้ำท่วมและลมพายุ
อย่างไรก็ตาม จากสภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนผนวกกับภาระหนี้สินครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ยังคงเป็นปัจจัยกดดันการเติบโตของธุรกิจประกันวินาศภัย จากผลกระทบด้านกำลังซื้อของผู้บริโภค ขณะเดียวกันความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินที่ส่งผลต่อเนื่องมายังยอดจำหน่ายสินทรัพย์ เช่น บ้านและรถยนต์ ยังเป็นปัจจัยที่ชะลอการเติบโตของเบี้ยประกันอัคคีภัยและประกันภัยรถยนต์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อีกทั้งมาตรการด้านภาษีของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เพิ่มแรงกดดันต่อการค้ากับประเทศจีน และส่งผลให้สินค้าจากจีนทะลักเข้าสู่ประเทศไทย โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่แนวโน้มการแข่งขันด้านราคาจะรุนแรงขึ้น ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวอาจนำไปสู่ความผันผวนของราคาและทุนประกันภัยที่บริษัทประกันวินาศภัยต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดต่อไป
Year of Distinguished Excellence ปีแห่งความเป็นเลิศที่โดดเด่นและแตกต่าง
หลังจากในปี 2567 เป็นปีแห่ง Regenerative ที่กรุงเทพประกันภัยมุ่งเน้นการต่อยอดและพัฒนาการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทุกกิจกรรมในห่วงโซ่คุณค่าที่จะส่งมอบให้แก่ลูกค้า คู่ค้า และผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม รวมถึงสังคมและสิ่งแวดล้อมให้ได้รับผลกระทบเชิงบวกจากกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ และกิจกรรมทางธุรกิจต่างๆ
โดยนอกเหนือจากการสร้างผลิตภัณฑ์ประกันภัยและการบริการที่เหนือความคาดหวัง ซึ่งส่งผลให้บริษัทฯ สามารถรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจประกันวินาศภัยแล้ว ยังช่วยสร้างความยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียของบริษัทฯ ตลอดจนสังคมและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน
โดยในปี 2568 นี้ จะเป็นก้าวย่างครั้งสำคัญที่จะสร้างโอกาสใหม่ในการขยายธุรกิจให้เติบโตไปข้างหน้าอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง พร้อมยกระดับองค์กรให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น ภายใต้แนวคิด Distinguished Excellence มุ่งสร้างความเป็นเลิศที่โดดเด่นและแตกต่าง ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตอบโจทย์วิถีชีวิตของคนยุคใหม่ ควบคู่กับการสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านการบริการที่ตรงใจ นำเทคโนโลยีและดิจิทัลโซลูชันมาเสริมประสิทธิภาพการดำเนินงาน พร้อมพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้และความสามารถรอบด้าน
สำหรับทิศทางการดำเนินงานในปี 2568 กรุงเทพประกันภัยได้ตั้งเป้าหมายด้วยเบี้ยประกันภัยรับรวมที่ 34,200 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 8.0 แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรถยนต์ 14,700 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยที่ไม่ใช่ประกันภัยรถยนต์หรือ Non-Motor 19,500 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะขยายธุรกิจด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล ยกระดับผลิตภัณฑ์และบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุด ทั้งในด้านความสะดวก รวดเร็ว และความพึงพอใจสูงสุดในทุกการบริการ
ยกระดับเทคโนโลยี สร้างสรรค์นวัตกรรมบริการที่เป็นเลิศและเหนือความคาดหวัง
กรุงเทพประกันภัยมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับการให้บริการและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานให้สอดรับกับเทรนด์ผู้บริโภคในปัจจุบัน โดยให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาปรับใช้ภายในองค์กร หนึ่งในนั้นคือปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) ซึ่งช่วยเพิ่มความแม่นยำและความรวดเร็วในการให้บริการ พร้อมเสริมศักยภาพในการพัฒนานวัตกรรมด้านบริการเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม

ปวีณา จูชวน ผู้อำนวยการใหญ่ กล่าวว่า กรุงเทพประกันภัยให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้าในทุกมิติ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีและสร้างความประทับใจ โดยบริษัทฯ ได้นำเทคโนโลยี AI มาประยุกต์ใช้ในหลากหลายด้าน เพื่อยกระดับการบริการสู่การเป็น “Service Excellence” ให้ลูกค้าได้รับความพึงพอใจสูงสุด ดังต่อไปนี้
แอปพลิเคชัน Bangkok Insurance สะดวก รวดเร็ว ใช้งานง่าย
เสริมศักยภาพพนักงาน พัฒนาทักษะด้วย AI
พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตรงใจ รองรับไลฟ์สไตล์ยุคใหม่

ลสา โสภณพนิช ผู้อำนวยการใหญ่ กล่าวถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ว่าบริษัทฯ ได้สร้างสรรค์ประกันภัยใหม่อย่างต่อเนื่อง พร้อมนำเสนอความคุ้มครองที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผ่านกลยุทธ์ Lifestyle Insurance ที่สามารถตอบโจทย์ทุก Pain Point ของลูกค้า เพื่อนำไปสู่การเป็น “Product Excellence” พร้อมกับการเพิ่มทางเลือกด้านความคุ้มครอง เพื่อให้ลูกค้ารับมือกับสภาวะเศรษฐกิจได้อย่างมั่นใจ