ออโต้เดสก์ แสดงนวัตกรรมหนุน Digital Transformation ในกระบวนการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์
“ออโต้เดสก์ แสดงผลงานจากซอฟต์แวร์การออกแบบ สนับสนุน Digital Transformation ที่ใช้ซอฟต์แวร์ เชื่อมต่อข้อมูลระบบดิจิทัลอย่างสมบูรณ์ในกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์
ในงาน Future Mobility Asia ที่จัดขึ้นวันที่ 20-22 กรกฎาคมนี้ ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ออโต้เดสก์ บริษัทผู้พัฒนากลุ่มซอฟต์แวร์ที่ใช้ทำงานด้านการออกแบบ 3 มิติ, วิศวกรรม และดิจิทัล เอ็นเตอร์เทนเมนต์ เป็นหนึ่งในผู้เข้ารวมงาน
ได้จัดแสดงผลงาน จากการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่อาศัยนวัตกรรมแห่งการออกแบบ ที่เป็นการสร้างแนวทางการเชื่อมต่อข้อมูลระบบดิจิทัลอย่างสมบูรณ์ในกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ซึ่งสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบดิจิทัล (Digital Transformation) เกิดนวัตกรรมในการขับเคลื่อนบนท้องถนนสำหรับอนาคต
เดทเลฟ ไรเคเนเดอร์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์อุตสาหกรรมของ ออโต้เดสก์ กล่าวว่า “แพลตฟอร์มและทรัพยากรต่างๆ ของระบบดิจิทัลที่สร้างขึ้นในปัจจุบันจะมีการสื่อสารระหว่างกัน
โดยในขณะที่มนุษย์และเครื่องจักรทำงานร่วมกันอย่างผสมผสานกลมกลืนและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะให้ใช้งานได้นั้น จำเป็นต้องมีข้อมูลที่เชื่อมต่อข้อมูลเข้าด้วยกันและกระบวนการแบบอัตโนมัติที่ทำงานอัจฉริยะ”
“ชิ้นงานที่นำมาแสดงในงานครั้งนี้ ผ่านการออกแบบซอฟต์แวร์ของออโต้เดสก์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบดิจิทัล (Digital Transformation) เป็นมากกว่าการใช้ซอฟต์แวร์
แต่เป็นการสร้างแนวทางการเชื่อมต่อข้อมูลระบบดิจิทัลอย่างสมบูรณ์ในกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยีเหล่านี้ส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรม การปรับปรุงการทำงานร่วมกัน และขับเคลื่อนความยั่งยืนเพื่อโลกที่ดีขึ้นได้”
โดยนวัตกรรมที่นำมาแสดงประกอบด้วย PIX Moving, ล้อรถสปอร์ตรุ่นที่เบาที่สุดในโลก และการผลิตอะไหล่สำหรับ Harley-Davidson,
PIX Moving
PIX Moving หรือ Ultra-Skateboard เป็นแพลตฟอร์มออกแบบแชสซีรถยนต์อัจฉริยะที่ใช้ AI ตัวแรกของโลกที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาเพื่อลดอุปสรรคด้านนวัตกรรมของการขับขี่อัตโนมัติ นอกจากนี้ยังช่วยลดระยะเวลาในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ซึ่งให้ประโยชน์ด้านความยั่งยืนอย่างมาก
PIX Moving ใช้ Generative Design ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อปรับแต่งการออกแบบแชสซีให้เหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุด ซึ่งช่วยให้ทั้งรูปร่างของชิ้นส่วนและคุณสมบัติทางกายภาพสามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้เหมาะกับความต้องการที่แตกต่างกันตามการใช้งานของลูกค้า
ด้วยการรวมวิธีการนี้เข้ากับการพิมพ์โลหะ 3 มิติ และเทคโนโลยีการผลิตดิจิทัลอื่นๆ PIX Moving สามารถผลิตแพลตฟอร์มและยานพาหนะที่ปรับแต่งได้หลากหลายแทบจะไม่จำกัดภายในระยะเวลาการผลิตที่สั้นกว่าแนวทางการผลิตแบบปกติที่พึ่งพิงการผลิตแบบ OEM ของโรงงานเดียวร่วมกับการใช้ห่วงโซ่อุปทานที่ค่อนข้างยาว
ล้อรถสปอร์ตรุ่นที่เบาที่สุดในโลก
Briggs Automotive Company (BAC) ผู้ผลิตรถสปอร์ตสัญชาติอังกฤษที่รู้จักกันดีในรุ่น BAC Mono ออกแบบขอบล้อรถใหม่โดยใช้ Generative Design ช่วยให้รถแข่งมีน้ำหนักรวมลดลงเหลือเพียงแค่ 570 กก. และสามารถเร่งความเร็วได้ถึง 100 กม./ชม. ในเวลาไม่ถึง 3 วินาที
ด้วยการใช้เทคโนโลยี Generative Design เพื่อพัฒนาล้อแบบใหม่ BAC สามารถลดน้ำหนักรถทั้งคันได้อีก 4.8 กก. สำหรับรถรุ่นล่าสุด ในขณะที่ชิ้นส่วนของรถประมาณ 40 ชิ้นได้รับผลิตจากการพิมพ์แบบ 3 มิติ และล้อถูกผลิตด้วยเครื่องกัด 5 แกน (5-axis mill)
ในการทำเช่นนี้ ผู้ออกแบบได้กำหนดเงื่อนไขขอบเขตสำหรับการออกแบบ และอัลกอริทึมที่ใช้ Machine Learning รวมถึงการประมวลผลบนคลาวด์ช่วยจำลองตัวเลือกต่างๆ ขึ้นมาซ้ำๆ หลายๆ รอบ เพื่อทำมาประเมินเท่านั้น หมายความว่าไม่เพียงแต่ข้อกำหนดทางเทคนิคและคุณลักษณะเฉพาะทางการผลิตจะได้รับการพิจารณาตั้งแต่เริ่มต้นเท่านั้น
แต่ยังรวมถึงข้อกำหนดด้านสุนทรียภาพด้วย ล้วนเป็นคุณสมบัติสำคัญของแบรนด์ พร้อมทั้งเสริมด้วยวัสดุคุณภาพดีและฟังก์ชันการทำงานที่มีความต้องการสูงสำหรับรถรุ่น BAC Mono นอกจากนี้ยังใช้กระบวนการพิมพ์ 3 มิติสำหรับทำชิ้นส่วนอื่นๆ ของรถสปอร์ต เช่น ไฟหน้า กระจกมองข้าง และโครงไฟท้ายอีกด้วย
BAC ผลิตล้อแต่ละข้างที่มีน้ำหนักเพียง 2.2 กก. เบาลงกว่ารุ่นก่อนถึง 35% ได้อย่างน่าประทับใจ และสามารถผลิตได้ตามปกติบนเครื่อง CNC แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ ล้อใหม่ไม่เพียงแต่เบากว่าเท่านั้น แต่ยังตรงตามข้อกำหนดด้านโครงสร้างสำหรับการขออนุมัติและการรับรองจากทางการในยุโรปด้วย
MJK Performance: ผู้ผลิตอะไหล่สำหรับ Harley-Davidson
น้ำหนักเบา แข็งแรง และประสิทธิภาพสูงคือ สิ่งที่บริษัท MJK Performance ของแคนาดาให้ความสำคัญในการผลิตชิ้นส่วนอะไหล่ของ Harley-Davidson ที่พัฒนาขึ้นเอง โดยมีโรงงานตั้งอยู่ในเมืองคาลการี ประเทศแคนาดา บริษัทได้เป็นผู้จัดหาชิ้นส่วนอะไหล่สำหรับ Harley มาตั้งแต่ปี 2007 (พ.ศ.2550) โดยใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ล้ำหน้าอยู่เสมอ
การนำ Generative Design_มาใช้ถือเป็นก้าวต่อไปสำหรับ MJK และส่งผลให้มีการผสมผสานกันอย่างมีเอกลักษณ์ของชิ้นส่วนที่มีน้ำหนักเบาและประสิทธิภาพสูง ซึ่งเลียนแบบปรัชญาการมองเห็นแบบเป็นหนึ่งเดียวของ Harley Davidson (the Singular Harley Davidson Visual Philosophy)
สำหรับการออกแบบอะไหล่ชิ้นส่วนแรกด้วยเทคโนโลยีนี้ ทีมงานได้มุ่งไปที่แคลมป์สามตัว (Triple Clamp) ชิ้นส่วนเหล่านี้มักจะใหญ่และเทอะทะ ดังนั้นพวกเขาจึงเน้นที่การออกแบบใหม่ให้เบาที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในขณะที่ยังคงรักษาความสวยงามที่บริษัทขึ้นชื่อไว้ Generative Design ช่วยให้ทีมสามารถเลือกการออกแบบต่างๆ ที่อัลกอริทึมแนะนำ และเปลี่ยนจากแบบจำลองที่สร้างด้วยคอมพิวเตอร์ไปสู่ความเป็นจริงได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง