“อรินแคร์ ปิดดีล Series B มูลค่า 4 ล้านดอลลาร์ ผนึกกลุ่ม รพ.จุฬารัตน์ และ PTG ต่อยอดระบบนิเวศ HealthTech ปักหมุดเดินเครื่องตั้งเป้า IPO ปี 69
อรินแคร์ สตาร์ทอัพผู้ให้บริการแพลตฟอร์มร้านขายยาออนไลน์สำหรับเภสัชกรและร้านขายยา ประกาศปิดดีล Series B ได้กลุ่ม โรงพยาบาลจุฬารัตน์ (CHG) และ บมจ. พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) ร่วมผนึกกำลังลงทุน มูลค่า 4 ล้านดอลลาร์ เดินหน้ายกระดับและต่อยอดระบบนิเวศ HealthTech แตกไลน์ต่อยอดธุรกิจและบริการครบวงจร เตรียมเดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ตั้งเป้า IPO ในปี 2569
ธีระ กนกกาญจนรัตน์ ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท_อรินแคร์ จำกัด เปิดเผยว่า “การร่วมระดมทุนปิดดีล Series B ผนึกกำลังครั้งสำคัญจาก 2 พาร์ทเนอร์ใหญ่ ด้วยเงินทุนมูลค่า 4 ล้านดอลลาร์ หรือราว 136 ล้านบาท โดยมีกลุ่ม โรงพยาบาลจุฬารัตน์ (CHG) เป็นผู้ร่วมลงทุนหลัก รวมทั้งได้เงินทุนสนับสนุนจาก PTG”
“นับเป็นแรงอัดฉีดเสริมแกร่ง เพิ่มแรงขับเคลื่อนสู่การเดินหน้ายกระดับและต่อยอดระบบนิเวศ HealthTech ไทยตามโรดแมปที่ตั้งไว้ โดยปีที่ผ่านมาจากสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งโรคอุบัติใหม่ในยุค COVID-19 การแพร่ระบาดของโรคภัยไข้เจ็บอื่นๆ รวมไปถึงการเตรียมความพร้อมและรับมือกับยุคการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของไทยในปัจจุบัน”
“ส่งผลให้ผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญเรื่องการดูแลสุขภาพตนเองและครอบครัวเพิ่มมากขึ้น บวกกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตยุคดิจิทัล กระตุ้นการพัฒนาบริการแพลตฟอร์ม ARINCARE มาอย่างต่อเนื่อง”
“เพื่อตอบโจทย์และเกิดประโยชน์สำหรับร้านขายยาและเภสัชกร รวมถึงผู้บริโภคอย่างสูงสุด ทำให้ ARINCARE สามารถขยายตลาดเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ด้วยภาพรวมปี 2565 ที่ผ่านมา มีการเติบโตกว่า 100%”
วางกลยุทธ์ปี 2566 หลังจากปิดดีล 4 ล้านดอลลาร์
ธีระ กล่าวต่อว่า “หลังจากประสบความสำเร็จการระดมทุน อรินแคร์ โดยได้วางกลยุทธ์ปี 2566 ไว้คือ เดินหน้าขยายตลาดไปพร้อมกับความร่วมมือครั้งสำคัญกับกลุ่มโรงพยาบาลจุฬารัตน์ (CHG) บนทิศทางการมุ่งสร้าง Healthcare ecosystem ที่สมบูรณ์ระหว่างโรงพยาบาลและหน่วยบริการสุขภาพท้องถิ่น”
“โดยมี 3 ประเด็นสำคัญที่เป็นการผลึกกำลังระหว่าง อรินแคร์ และ CHG ประเด็นแรกคือ “เชื่อมโยงไปถึงเภสัชกรในร้านยาชุมชนบนเครือข่ายของ อรินแคร์ มากกว่า 3,000 ราย เข้ากับทีมการแพทย์ของ CHG เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการดูแลสุขภาพคนในชุมชนได้อย่างครอบคลุมทั่วประเทศ ผ่านวิธีการแพทย์ทางไกล”
“ประเด็นที่สอง เป็นการเปิดขยายโอกาสการเติบโตของ_อรินแคร์ จากตลาดร้านขายยา 3.5 หมื่นล้านบาทสู่ตลาดยามูลค่า 1.5 แสนล้าน และประเด็นที่สาม การเชื่อมต่อระบบนิเวศน์ Digital Healthcare เชื่อมโยงโรงพยาบาลและร้านยาชุมชน ให้เภสัชกรเข้าถึงยาได้ดีขึ้น”
“รวมถึงยังมีการวางแผนผนึกกำลังกับ Max Card ของ PTG ในฐานะผู้ลงทุนอีกราย ซึ่งเป็นเครือข่ายที่เข้าถึงผู้บริโภคคนไทยได้มากที่สุดผ่าน ด้วยเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันและ touchpoint รวมแล้วมากกว่า 3,000 จุด ทั่วประเทศ สามารถเข้าถึงคนไทยได้ทุกพื้นที่ทุกชุมชน”
“เป็นการช่วยสมาชิกผู้ถือบัตร Max Card มากกว่า 18 ล้านราย ให้เข้าถึง บริการสุขภาพได้ง่ายขึ้น และเสริมแกร่งให้กับเภสัชกรและร้านยาชุมชนที่เป็น SME ท้องถิ่นให้เข้มแข็ง เพิ่มการดูแลและบริการด้านสุขภาพให้กับคนไทยผ่าน MaxCard”
เตรียมอัพเกรดระบบด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง วางโรดแมพเข้าตลาดฯ
ธีระ กล่าวต่อว่า “หลังจากนี้จะเริ่มดำเนินแผนงาน คือ การยกระดับ Supply Chain สำหรับเชื่อมต่อกับร้านขายยาให้พร้อมเพื่อรองรับการการขยายตัวและเชื่อมกับ CHG ซึ่งจ้องเพิ่มขีดความสามารถในการดูแลสุขภาพคนในชุมชนได้อย่างครอบคลุมทั่วประเทศ”
“รวมถึงการลงทุนในเทคโนโลยีชั้นสูง อาทิ แมชชีนเลิร์นนิ่ง เข้ามาใช้ในระบบของ อรินแคร์ และการเตรียมความขององค์กรเพื่อเป้าหมายเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ IPO ในปี 2569” ธีระ กล่าว
อย่างไรก็ดี การร่วมผนึกกำลังครั้งใหญ่ร่วมกับกลุ่มโรงพยาบาลจุฬารัตน์ เชื่อมต่อบริการดูแลสุขภาพผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยในเป็นหนึ่งเดียว และกับ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) เพื่อแตกไลน์ต่อยอดธุรกิจและบริการครบวงจรยิ่งขึ้นในครั้งนี้
นับเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นในการดำเนินงานของ อรินแคร์_ภายใต้แนวคิด Make Healthcare Affordable หรือ ทำให้บริการดูแลสุขภาพมีราคาที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคน ให้เภสัชกรและร้านขายยาในชุมชนที่เป็นด่านหน้าสามารถดูแลผู้ป่วยได้รวดเร็วในราคาที่ประหยัดกว่า ยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของสังคมไทยที่ยั่งยืน