Thursday, November 21, 2024
NEWS

AIT ฉลองครบรอบ 30 ปี ตอกย้ำการเป็นผู้นำ Professional ICT Solution Provider

AIT ฉลองครบรอบ 30 ปี ตอกย้ำการเป็นผู้นำ Professional ICT Solution Provider พร้อมประกาศผลงานปี 64 ทำรายได้ 7,035 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 509 ล้านบาท บอร์ดเคาะจ่ายปันผลงวดครึ่งปีหลัง 0.30 บาทต่อหุ้น ชูจุดเด่นหุ้น Dividend Stock

มจ.แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี (AIT) โชว์ผลประกอบการปี 2564 มีรายได้จากงบเฉพาะกิจการ 7,035 ล้านบาท และทำกำไรสุทธิ 509 ล้านบาท เติบโต 5% และ 27% ตามลำดับ พร้อมฉลองครบรอบ 30 ปี

ตอกย้ำผู้นำการให้บริการโซลูชั่นเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ด้านผู้บริหารประกาศปรับวิสัยทัศน์สู่การเป็นบริษัท Professional ICT Solution Provider ชั้นนำของประเทศที่เติบโตอย่างมั่นคง

ด้านบอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผลงวดผลงานครี่งปีหลัง 0.30 บาทต่อหุ้น ชูเป็นหุ้น Dividend Stock พร้อมตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า15%

ศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT

ศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT ผู้นำธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ประกาศผลประกอบการประจำปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้จากงบเฉพาะกิจการ 7,035 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 509 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% และ 27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ถือเป็นการเติบโตอย่างมั่นคง ท่ามกลางการแพร่ระบาดโควิด-19

โดยในครึ่งปีหลังของปี 2564 เศรษฐกิจไทยโดยรวมเริ่มปรับตัวดีขึ้น จากปัจจัยดังต่อไปนี้ 1) ภาครัฐได้ทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 และการฉีดวัคซีนที่มีความคืบหน้ามากขึ้น 2) ผลของอุปสงค์คงค้างจากช่วงก่อนหน้า และ 3) มาตรการภาครัฐที่ยังช่วยพยุงกำลังซื้ออย่างต่อเนื่อง การใช้จ่ายภาครัฐยังมีบทบาทสำคัญในการพยุงเศรษฐกิจ

ความสำเร็จในครั้งนี้ มาจากขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่ง โดยบริษัทฯ ทยอยส่งมอบงานให้แก่ลูกค้าทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนได้ตามกำหนด เช่น โครงการซื้อขายพร้อมติดตั้งระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของอาคารรัฐสภาแห่งใหม่พร้อมอาคารประกอบระยะที่ 2, โครงการขายเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายพร้อมอุปกรณ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบสารสนเทศของสำนักงานประกันสังคม และโครงการจ้างบำรุงรักษาและดูแลระบบเครือข่ายของ บมจ. ท่าอากาศยานไทย เป็นต้น

ทั้งนี้ เพื่อตอกย้ำ AIT เป็นหุ้นปันผล (Dividend Stock) ที่ดีเพื่อตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลเพิ่มอีกในอัตราหุ้นละ 0.30 บาท (พาร์ 1 บาท) โดยกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 21 เมษายน 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 9 พฤษภาคม 2565 นี้

และเนื่องจากบริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 0.70 บาท (พาร์ 5 บาท) เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2564 ดังนั้น หากคิดคำนวณจากพาร์ 1 บาท ส่งผลให้ทั้งปี 2564 บริษัทฯ จ่ายเงินปันผลรวมในอัตราหุ้นละ 0.44 บาท

ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ AIT กล่าวว่า ปี 2565 ถือเป็นปีที่สำคัญในวาระฉลองครบรอบ 30 ปี การก่อตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2535 ได้สร้างผลงานและสะสมประสบการณ์ในเทคโนโลยีต่างๆมาอย่างมากมาย ทำให้ AIT เจริญเติบโตอย่างมั่นคงมาถึงทุกวันนี้

โดยบริษัทฯ ได้รับงานโครงการสร้างระบบคอมพิวเตอร์ (Hardware/Software) ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Network) ระบบ Internet และระบบ Data Center ซึ่งถือว่าเป็นโครงสร้างพื้นฐานของระบบสารสนเทศและการสื่อสาร

รวมถึงขยายขอบเขตงานสู่การเข้ารับงานงานโครงการสร้าง Application บนโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าว เพื่อใช้ในการทำงานด้านต่างๆ ขององค์กรให้มีประสิทธิภาพ  เช่น ระบบการจองและออกตั๋วรถไฟและรถขนส่ง และระบบ Clouds บน Data Center

นอกจากนั้น AIT ยังได้รับ งานโครงการ Big Data Analytics ในหลายโครงการ ถือเป็นความสำเร็จในการขยายธุรกิจไปสู่เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของตลาดในปัจจุบันและอนาคตเป็นที่ต้องการของตลาดปัจจุบันและอนาคต

ดังนั้น AIT ได้ประกาศปรับวิสัยทัศน์ใหม่สะท้อนการเติบโตอย่างมืออาชีพ ภายใต้วิสัยทัศน์ ” AIT เป็นบริษัท Professional ICT Solution Provider ชั้นนำของประเทศที่เติบโตอย่างมั่นคง”

ส่วนเป้าหมายการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทฯ ตั้งเป้าเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% หรือคิดเป็นรายได้ 7,400 ล้านบาท จากแผนมุ่งเน้นตลาดด้าน Cloud Platform, Big Data Analytics, SDN, Cyber Security, และ IOT เพิ่มเติมจากธุรกิจขายระบบโครงสร้างพื้นฐาน ICT ต่างๆ เพื่อเพิ่มมูลค่างานในมือ  (Backlog) จากปัจจุบัน ณ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 อยู่ที่ 6,700 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่จะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้

นอกจากนี้มีงานที่อยู่ระหว่างรอคำสั่งซื้อจากลูกค้า (Waiting for P/O) อีกประมาณ 760 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานจากภาครัฐเป็นหลัก