Saturday, November 23, 2024
5GAIArticlesCloudDigital Transformation

5 แนวโน้มสำคัญที่จะขับเคลื่อน เศรษฐกิจดิจิทัล

สำรวจแนวโน้มด้านเทคโนโลยีไอที ดิจิทัล 5 เรื่อง ที่จะเป็นตัวแปรขับในการเคลื่อน เศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งต้องตอบโจทย์เรื่องความเป็นดิจิทัลและความเป็นกลางทางคาร์บอนไปพร้อมกัน

ทคโนโลยีด้านพลังงานและเทคโนโลยีไอซีทีถือเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของโลกตั้งแต่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ทั้งยังเป็นสิ่งที่แปลงโฉมโมเดลทางเศรษฐกิจของสังคมมนุษย์จากเศรษฐกิจที่ขึ้นอยู่กับภาคการเกษตรมาเป็นเศรษฐกิจในภาคอุตสาหกรรม จนผันมาเป็นเศรษฐกิจดิจิทัลแบบในปัจจุบัน

ซึ่งในการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งใหม่แห่งยุคนี้ เทคโนโลยีดิจิทัลและการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพื่อความเป็นมิตรต่อธรรมชาติจะเป็นสิ่งที่เดินหน้าควบคู่กันไปกัน เพื่อสร้างการพัฒนาสีเขียวที่นำไปสู่โลกอนาคตอันชาญฉลาด

อาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จํากัด

อาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ประเมินถึงแนวโน้มด้านเทคโนโลยีไอที ดิจิทัล และหลักการในการดำเนินธุรกิจที่เปลี่ยนไป จะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลต่อจากนี้ โดยจะประกอบไปด้วยเทรนด์ที่น่าจับตามองทั้งหมด 5 เรื่อง ซึ่งต่างก็ตอบโจทย์ทั้งเรื่องความเป็นดิจิทัลและความเป็นกลางทางคาร์บอนไปพร้อมกัน

เทรนด์เรื่องที่ 1: เศรษฐกิจดิจิทัลจะเป็นกุญแจสำคัญในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังการระบาดของ COVID-19

เศรษฐกิจดิจิทัล กำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็วมากทั่วทุกมุมโลก และเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนสำคัญที่สุดที่ ทำให้เกิดนวัตกรรม ความสามารถในการแข่งขันและการเติบโต อีกทั้งยังมีศักยภาพอย่างมหาศาลสำหรับการสร้างให้เกิดความเป็นอยู่ที่ดีในสังคม

โดยในปี พ.ศ.2563 ผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ของโลกลดลงถึง 2.8% แต่การลงทุนด้านไอซีทีกลับเพิ่มขึ้นแบบสวนกระแสถึง 5% ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงความสำคัญของเทรนด์เรื่องเศรษฐกิจดิจิทัล

โดยประเทศชั้นนำส่วนใหญ่ทั่วโลกต่างก็ได้พัฒนานโยบาย Digital First Economy เพื่อเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) ใหม่ที่ใหญ่ยิ่งกว่าเดิม โดยมีการคาดการณ์กันว่า 50% ของเศรษฐกิจโลกจะได้รับการแปลงเป็นเศรษฐกิจดิจิทัลภายในปี พ.ศ. 2568

สำหรับแผนงานของประเทศไทยที่จะเป็น เศรษฐกิจดิจิทัล เพิ่มขึ้น 50% ภายในปีพ.ศ. 2573 นั้น เห็นได้ว่าในช่วงสองปีที่ผ่านมา ประเทศไทยนำเทคโนโลยีคลาวด์มาใช้ในองค์กรภาครัฐมากขึ้น 30% – 70% ในภาคเอกชน และการสร้างรายได้จากข้อมูลจะเพิ่มขึ้นเป็น 6 เท่าภายในปีพ.ศ. 2573 ซึ่งเศรษฐกิจดิจิทัลอาจจะสร้างงานใหม่ได้ถึง 60-65 ล้านตำแหน่งภายในอนาคตอันใกล้

เทรนด์เรื่องที่ 2: การเชื่อมต่อและการประมวลผล คือรากฐานของเศรษฐกิจดิจิทัล

การเชื่อมต่อและการประมวลผลจะเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจดิจิทัล โดยครอบคลุมถึงเทคโนโลยี 5G, F5G (5th Generation Fixed Networks) และ IoT ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเทคโนโลยีด้านการเชื่อมต่อ ในขณะที่เทคโนโลยีคลาวด์และ AI จะเป็นหัวใจสำคัญของเทคโนโลยีการประมวลผลในอนาคต

ทั้งนี้ ประเทศไทยถือเป็นผู้นำอาเซียนของการมีโครงสร้างดิจิทัลด้านการเชื่อมต่อที่ดีที่สุดในภูมิภาค ซึ่งในอนาคตการบรรจบกันของการเชื่อมต่อและการประมวลผลจะแปลงโฉมทุกอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นการขนส่ง การเงิน หรือพลังงาน และสร้างมูลค่าเพิ่มใหม่ให้กับสังคม

เทรนด์เรื่องที่ 3: การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้เปลี่ยนไปสู่ 5G + F5G + คลาวด์ + Al แบบ Full-stack

ในปีที่ผ่านมา เราได้เห็นการเติบโตอย่างรวดเร็วของการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ นับตั้งแต่ประเทศไทยออกใบอนุญาตสำหรับการให้บริการ 5G ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2563 หลังจากนั้น ก็ได้พัฒนาจนมีผู้ใช้งานเทคโนโลยี 5G ถึง 4.9 ล้านคน ซึ่งมากกว่าจำนวนผู้ใช้ 5G ในประเทศอาเซียนอื่นๆ ทั้งหมดถึง 2.5 เท่า

นอกจากนี้ ในด้านเทคโนโลยีเครือข่ายอินเทอร์เน็ตฟิกซ์บรอดแบนด์ (F5G) ประเทศไทยก็มีอินเทอร์เน็ตที่มีความเร็วเป็นอันดับ 1 ของโลก เช่นเดียวกันกับการใช้เทคโนโลยีคลาวด์ที่ก้าวหน้าขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยมีเคสความสำเร็จอันน่าตื่นเต้นจากเปอร์เซ็นต์การนำเทคโนโลยีคลาวด์ไปใช้ในองค์กรไทยเพิ่มขึ้นจาก 59% เป็น 78% ในช่วงเวลาเพียงหนึ่งปี

หลายองค์กรยังได้นำเทคโนโลยี AI เข้ามาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจ โดยการแข่งขันเทคโนโลยีดิจิทัลในอาเซียนต่อจากนี้นั้นก้าวข้ามการเชื่อมต่อไปแล้ว แต่มุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีหลักของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลแบบ full-stack เช่น AI5G, F5G, คลาวด์ และ AI มากกว่า

เทรนด์เรื่องที่ 4: ทรัพยากรที่มีค่าที่สุดในโลกคือ ข้อมูล

ด้วยความนิยมในเทคโนโลยี 5G, AI และคลาวด์ ทำให้ปริมาณข้อมูลเพิ่มขึ้นด้วยความเร็วที่น่าตกใจ เมื่อผนวกกับเศรษฐกิจดิจิทัลก็ยิ่งทำให้เกิดการสร้างข้อมูลจำนวนมหาศาล เช่น โรงงานดิจิทัลและโรงงานที่เชื่อมต่อกันสามารถสร้างข้อมูลได้ถึง 1 เพตะไบต์ (PB) ในวันเดียว

ทั้งนี้ The Economist ได้ตีพิมพ์เรื่อง ทรัพยากรที่มีค่าที่สุดในโลกไม่ใช่น้ำมันอีกต่อไป แต่เป็นข้อมูล ซึ่งสะท้อนถึงแนวโน้มที่สำคัญสำหรับวันนี้และอนาคต โดยอุตสาหกรรมข้อมูลจะรวมเข้ากับภาคอุตสาหกรรมหลากหลายรูปแบบและส่งเสริมให้เกิดธุรกิจรูปแบบใหม่ แทรกซึมในเกือบทุกสาขาของสังคม รวมถึงยังจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการกํากับดูแล วิธีการจัดเก็บและการเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่ายอีกด้วย

ด้วยเหตุนี้การแปลงข้อมูลเป็นภาษาท้องถิ่นจึงกลายเป็นเทรนด์ใหม่ โดยปัจจุบัน ประเทศต่างๆ มากกว่า 50% ทั่วโลกได้ออกกลยุทธ์ด้านอุตสาหกรรมข้อมูลและออกนโยบายกํากับดูแลการไหลของข้อมูลข้ามพรมแดน รวมทั้งประเทศไทยที่ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเทรนด์เศรษฐกิจดิจิทัล

ด้วยการร่างกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) นั่นหมายความว่าการส่งเสริมความปลอดภัยของข้อมูลและควบคุมห่วงโซ่คุณค่าของข้อมูลในปัจจุบันจะมีความสำคัญมากกว่าที่เคย

เทรนด์เรื่องที่ 5: ไอซีทีจะมีบทบาทสำคัญในเรื่องความเป็นกลางของคาร์บอน

นอกจากการสร้างความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจแล้ว การเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคดิจิทัลยังเป็นหนทางสู่สังคมคาร์บอนต่ำและยั่งยืน โดยอ้างอิงตามรายงานของ World Economic Forum ประโยชน์ที่จะได้รับจากการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ดิจิทัลคือ การปล่อยคาร์บอนทั่วโลกจะลดลง 12 พันล้านตันภายในปี พ.ศ. 2653

สำหรับอุตสาหกรรมไอซีที เครือข่ายต่างๆ ที่จะใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 2.7 เท่า เพื่อขับเคลื่อนเรื่องโครงสร้างพื้นฐานสีเขียว โดยหัวเว่ยมองว่าประเทศไทยเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่ให้ความมุ่งมั่นด้านความเป็นกลางด้านคาร์บอนอย่างจริงจัง

Featured Image: Backup photo created by rawpixel.com – www.freepik.com