Thursday, November 21, 2024
InsurTechNEWS

TIDLOR โชว์เทคโนโลยีนายหน้าประกัน เตรียมก้าวสู่ผู้นำด้าน InsurTech Platform

TIDLOR โชว์เทคโนโลยีนายหน้าประกัน เตรียมปลดปล่อยศักยภาพ ก้าวสู่ผู้นำด้าน InsurTech Platform เติมเต็ม TIDLOR Ecosystem รองรับการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืน

ริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) (“TIDLOR” หรือ “บริษัทฯ”) นำโดย ปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในช่วงเวลาที่ผ่านมา นอกจากธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมียอดสินเชื่อคงค้างมากกว่า 100,000 ล้านบาท และถือเป็นผู้นำในธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถแล้ว

บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจนายหน้าประกัน ภายใต้เจตนารมณ์ในการส่งเสริมให้ประชาชนสามารถเข้าถึงความคุ้มครองด้านประกันภัยได้เพิ่มขึ้น จึงได้บุกเบิกธุรกิจในรูปแบบบริการผ่อนเบี้ยประกันรถยนต์ด้วยเงินสด 0% ซึ่งในเวลาต่อมาเป็นสิ่งที่ประชาชนรับรู้ถึงประโยชน์และเกิดเป็นความต้องการ กระทั่งปัจจุบันกลายเป็นหนึ่งในมาตรฐานและบริการที่ธุรกิจนายหน้าประกันทั่วไป หันมานำเสนอบริการในรูปแบบดังกล่าวให้กับลูกค้าของตัวเองในวงกว้าง

ทั้งนี้ ภาพรวมการดำเนินธุรกิจนายหน้าประกันของบริษัทฯ มีสัดส่วนธุรกรรมจากลูกค้าที่ซื้อประกันสูงกว่าการขอสินเชื่อราว 3 เท่า และ 9 ใน 10 ของกรมธรรม์ที่ขายเป็นการขายให้แก่ลูกค้าที่เจาะจงเข้ามาซื้อประกันโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นลูกค้าคนละกลุ่มกับลูกค้าสินเชื่อ สะท้อนถึงความสำเร็จในการสร้างการรับรู้ด้านแบรนด์ธุรกิจนายหน้าประกันของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง

อาฑิตยา พูนวัตถุ ผู้บริหาร ด้านธุรกิจประกันภัย

โดยในช่วง 6 ปี ที่ผ่านมา ธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัยของบริษัทฯ มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 47.3% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าภาพรวมอุตสาหกรรมธุรกิจประกันวินาศภัยที่เติบโตเฉลี่ยเพียง 4.5% ต่อปี หรือเปรียบได้ว่าภาพรวมธุรกิจนายหน้าประกันของบริษัทฯ เติบโตมากกว่าภาพรวมตลาดถึง 10 เท่า สะท้อนถึงความแข็งแกร่งและศักยภาพการดำเนินธุรกิจนายหน้าประกันของบริษัทฯ ในช่วงที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดี

อาฑิตยา พูนวัตถุ ผู้บริหาร ด้านธุรกิจประกันภัย กล่าวว่า ช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทฯ มียอดเบี้ยประกันวินาศภัยรวมมูลค่า 4,856 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เป็นผลมาจากการมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและเข้าถึงได้ง่าย รวมถึงมีช่องทางการขายและให้บริการที่ครอบคลุม

ทั้งในรูปแบบ Face to Face ผ่านช่องทางสาขาเงินติดล้อทั่วประเทศ ผสมผสานเข้ากับการใช้เทคโนโลยีด้านนายหน้าประกันภัย (InsurTech Platform) ซึ่งบริษัทฯ ได้สร้าง พัฒนา และใช้เทคโนโลยีด้านประกัน มามากกว่า 10 ปี ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ผ่านการนำเสนอขายผลิตภัณฑ์ประกันได้ครอบคลุมความต้องการที่หลากหลายของกลุ่มลูกค้า ภายใต้แบรนด์ต่างๆ ดังนี้

1. แบรนด์ “ประกันติดโล่” (ชื่อเดิม ประกันติดล้อ) ธุรกิจนายหน้าประกันในรูปแบบ Face to Face ซึ่งถือเป็นเบอร์ 1 ด้านการให้คำปรึกษาและเสนอขายประกันอย่างใกล้ชิดผ่านนายหน้าผู้เชี่ยวชาญกว่า 5,000 คน จากช่องทางสาขามากกว่า 1,700 แห่งทั่วประเทศ นำเสนอขายผลิตภัณฑ์ประกันที่ครอบคลุมทั้ง รถยนต์ คน และบ้าน จากบริษัทประกันพันธมิตรชั้นนำมากกว่า 15 แห่ง

พร้อมทางเลือกการผ่อนค่าเบี้ยประกันด้วยเงินสด 0% ซึ่งเบื้องหลังความสำเร็จเกิดจากการใช้เทคโนโลยี Insurance on Tablet ซึ่งบริษัทฯ ได้สร้างและพัฒนาขึ้นมา เพื่อสนับสนุนการทำงานให้กับพนักงานในทุกสาขาทั่วประเทศ ให้สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และเงื่อนไขความคุ้มครองด้านประกันที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ปัจจุบัน “ประกันติดโล่” ถือเป็นนายหน้าประกันที่รองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้ารายย่อย ที่ต้องการคำแนะนำอย่างใกล้ชิดจากนายหน้ามืออาชีพได้เป็นอย่างดี

2. แบรนด์ “อารีเกเตอร์” (Areegator) แพลตฟอร์มเสนอขายประกันออนไลน์ ผ่านสมาชิกตัวแทนนายหน้าประกัน ภายใต้คอนเซ็ปต์ “จริงใจ เข้าใจ เติบโตไปพร้อมกัน” ถือเป็นแพลตฟอร์มที่ใช้เทคโนโลยีประกันภัย (Insurtech) เข้ามาช่วยสนับสนุนสมาชิก

ซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 9,000 คน และยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ให้สามารถเข้าถึงระบบบริหารจัดการงานขายประกันที่สะดวก และผลิตภัณฑ์ประกันที่หลากหลาย นำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันครอบคลุมทั้ง รถยนต์ คน และบ้าน จากบริษัทประกันพันธมิตรชั้นนำมากกว่า 15 แห่ง

โดยไม่ต้องมีเงินทุนตั้งต้น รวมถึงยังสามารถนำเสนอบริการผ่อนเบี้ยประกันด้วยเงินสด 0% ให้กับลูกค้าได้ โดยไม่ต้องสำรองเงินของตัวเอง นอกจากนี้ ยังมีจุดแข็งจากการเปิดโอกาสให้สมาชิกสร้างรายได้เพิ่มเติมจากการแนะนำสินเชื่อทะเบียนรถให้กับลูกค้าที่อยู่ในละแวกชุมชนของตัวเองได้อีกด้วย ซึ่งถือเป็นการผสมผสานทั้งธุรกิจสินเชื่อและนายหน้าประกันเข้าด้วยกันอย่างลงตัว

ทั้งนี้ คาดว่าผลการดำเนินงานของอารีเกเตอร์ในปี 2567 จะมีทิศทางเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตและคาดว่าจะมีเบี้ยประกันเพิ่มขึ้นกว่า 19 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2563 ซึ่งถือเป็นปีแรกที่เปิดให้บริการ นอกจากนี้ สมาชิกอารีเกเตอร์ยังมีรายได้โดยเฉลี่ยเติบโตขึ้นต่อเนื่อง โดยในปี 2566 สมาชิกได้รับผลตอบแทนเฉลี่ยมากกว่า 150,000 บาทต่อคน

ซึ่งการที่สมาชิกมีรายได้เพิ่มขึ้น และเติบโตไปด้วยกัน ยังเป็นเป้าหมายหลักของอารีเกเตอร์ ทั้งนี้ “อารีเกเตอร์” ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี Software-as-a-Service (SaaS) ถือเป็นแพลตฟอร์มเสนอขายประกันออนไลน์ ที่ให้บริการผ่านสมาชิกนายหน้าประกันภัย หรือนักขายอิสระ เพื่อขยายตลาดลงลึกเข้าไปในระดับชุมชนขนาดเล็กได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

3. แบรนด์ “เฮ้กู๊ดดี้” (heygoody) คือแพลตฟอร์มนายหน้าประกันดิจิทัลโดยเฉพาะ ที่สร้างขึ้นเพื่อกลุ่มลูกค้าประกันรายย่อยที่ไม่ชอบการถูกรบกวนทางโทรศัพท์ และต้องการเลือกซื้อประกันด้วยตัวเองผ่านช่องทางออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมรับความคุ้มครองทันที

โดยลูกค้าสามารถเปรียบเทียบเบี้ยและเงื่อนไขการรับประกันได้ด้วยตัวเองจากบริษัทประกันพันธมิตรชั้นนำมากกว่า 15 แห่ง พร้อมทางเลือกในการชำระค่าเบี้ยด้วยการผ่อนเงินสดพร้อมดอกเบี้ย 0% นานสูงสุด 10 เดือน มีทั้งแบบผ่อนเท่ากันทุกเดือน หรือผ่อนสดงวดแรกเริ่มต้นเพียง 1,000 บาท

นอกจากนี้ยังสามารถผ่อนค่าเบี้ยประกันด้วยบัตรเครดิตได้อีกด้วย เพื่อให้ลูกค้าได้รับความคุ้มครองที่ตรงใจ ราคาเหมาะสม และสะดวกสบาย รวมถึงมีการออกแบบ Platform ที่ใช้งานง่าย (User Friendly) เพื่อให้ลูกค้าเข้าใจเงื่อนไขความคุ้มครองต่างๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น ทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นจากความเข้าใจกลุ่มลูกค้า รวมถึงการสร้างและพัฒนาเทคโนโลยีด้านนายหน้าที่มีอยู่ก่อนหน้าแล้ว จึงทำให้เราสามารถนำมาต่อยอดพัฒนาขึ้นเป็น heygoody ได้ในระยะเวลาอันสั้น

ทั้งนี้ หลังจากเปิดให้บริการในช่วงเดือนกันยายน 2566 ที่ผ่านมา “เฮ้กู๊ดดี้” ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี โดยมีผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์มากกว่า 2 ล้านคน และจากข้อมูลเชิงลึกพบว่า ลูกค้ามากกว่า 40% ซื้อประกันในช่วงนอกเวลาทำการ และผลการสำรวจความพึงพอใจพบว่าลูกค้ามากกว่า 96% พึงพอใจในการเข้ามาใช้บริการกับ “เฮ้กู๊ดดี้”

นับเป็นภาพสะท้อนของความสำเร็จสำหรับโบรกเกอร์ประกันออนไลน์เจ้าใหม่ในตลาดที่สามารถเข้ามาอยู่ในใจของลูกค้าและยังตอกย้ำถึงความเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี

ซึ่งในปี 2567 นี้ยังสามารถคว้ารางวัลในด้านการทำแพลตฟอร์มและการทำโฆษณาที่ตอบโจทย์ธุรกิจและลูกค้ากว่า 12 รางวัลในระดับเอเชีย และระดับโลก โดยบริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นในการขยายธุรกิจนายหน้าประกัน คัดเลือกประกันที่เหมาะสมเพื่อตอบสนองไปยังกลุ่มลูกค้าที่มีความหลากหลายมากขึ้นในอนาคต ทั้งนี้ “เฮ้กู๊ดดี้” ถือเป็นแพลตฟอร์มนายหน้าประกันดิจิทัลที่ไม่จำเป็นต้องใช้พนักงานขายทางโทรศัพท์ (Telesales)

ปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่

ปิยะศักดิ์ กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจนายหน้าประกันในประเทศไทยมีสัดส่วนการซื้อประกันผ่านช่องทางนายหน้าสูงถึง 73% เมื่อเทียบกับช่องทางอื่นๆ และยังมีจำนวนนายหน้าประกันอิสระในประเทศไทยมากกว่า 80,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนายหน้ารูปแบบดั้งเดิมที่อาจมีข้อจำกัดด้านเทคโนโลยี

ขณะที่ภาพรวมธุรกิจประกันวินาศภัยมียอดเบี้ยประกันรวมในตลาดมูลค่ากว่า 285,000 ล้านบาท แต่บริษัทนายหน้าประกันเจ้าหลัก 10 อันดับแรก มีส่วนแบ่งการตลาดรวมกันเพียง 29% เท่านั้น แสดงให้เห็นว่าธุรกิจนายหน้าประกันยังไม่มีผู้ครอบครองหลัก

นอกจากนี้ ข้อมูลรถยนต์จดทะเบียนในประเทศไทยมีจำนวน 19.8 ล้านคัน แต่มากกว่า 46% ยังไม่ได้ทำประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงโอกาสในการขยายตัวของตลาดได้อีกมาก ผนวกเข้ากับความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจนายหน้าประกันของบริษัทฯ จากการใช้เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนสำคัญในการขยายและสร้างการเติบโต รวมถึงโอกาสทางธุรกิจที่ยังมีอยู่อีกมากในอนาคต

จากผลการดำเนินงานของธุรกิจใหม่จากแบรนด์ “อารีเกเตอร์” (Areegator) และแบรนด์ “เฮ้กู๊ดดี้” (heygoody) ตามที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น บริษัทฯ วางแผน จะปรับโครงสร้างพร้อมจัดตั้งบริษัทใหม่ เพื่อปลดล็อกศักยภาพทางธุรกิจนายหน้าประกัน

มุ่งสู่ผู้นำด้าน InsurTech Platform ที่จะเข้ามาเป็นจิ๊กซอว์สำคัญในการเติมเต็ม TIDLOR Ecosystem เพื่อสร้างระบบนิเวศด้านการเงินและประกันภัยที่แข็งแกร่งให้กับภาพรวมการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ด้วยเป้าหมายสูงสุดในการเป็นที่พึ่งทางด้านการเงินและส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงความคุ้มครองด้านประกันภัยได้ทั่วถึง ควบคู่ไปกับการสร้างความแข็งแกร่งให้ภาพรวมธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน

โดยในเดือนมิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา หลังจากที่บริษัทฯ ได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น (EGM) บริษัทฯ ได้มีการสื่อสารเรื่องแผนการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการโดยได้มีการจัดตั้งบริษัทมหาชนจำกัดแห่งใหม่ คือ บริษัท ติดล้อ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (“ติดล้อ โฮลดิ้งส์”) ซึ่งเป็นบริษัทลงทุน (Holding Company) เพื่อเป็นบริษัทใหญ่ของกลุ่มบริษัท

โดยภายหลังการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการ จะสามารถลดความสับสนของนักลงทุนจากการจ่ายหุ้นปันผล โดยจะเพิ่มความยืดหยุ่นในการจ่ายเงินปันผลในรูปแบบเงินสด รวมถึงการลดความสับสนของนักลงทุนเกี่ยวกับราคาหุ้น (Dilution) และกำไรต่อหุ้น (EPS) ซึ่งถือเป็นการสร้างความมั่นใจในศักยภาพของบริษัทฯ ให้กับนักลงทุนได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย ซึ่งจะช่วยสร้างการเติบโตในระยะยาว

เนื่องจากจะเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจทั้งด้านสินเชื่อและนายหน้าประกัน เพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น และยังช่วยเพิ่มโอกาสขยายธุรกิจไปยังธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการเพิ่มโอกาสในการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจผ่านการควบรวมกิจการหรือการร่วมลงทุน อีกด้วย โครงสร้างแบบ Holding Company จะช่วยส่งเสริมและสนับสนุนการเติบโตของกลุ่มบริษัทในระยะยาว

โดยจะเพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น และยังช่วยเพิ่มโอกาสขยายไปยังธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการเพิ่มโอกาสในการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจผ่านการควบรวมกิจการหรือการร่วมลงทุน

นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินการให้มีการจัดตั้งบริษัทใหม่ เพื่อดำเนินธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัยในรูปแบบ InsurTech Platform ในอนาคต โดยบริษัทฯ จะทำการโอนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัยในรูปแบบ InsurTech Platform ได้แก่ แบรนด์ “อารีเกเตอร์” (Areegator) และ แบรนด์ “เฮ้กู๊ดดี้” (heygoody)

รวมทั้ง ทรัพย์สินอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้แก่บริษัทใหม่ ภายหลังจากที่หุ้นสามัญของ ติดล้อ โฮลดิ้งส์ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งหลังจากการโอนธุรกิจที่เกี่ยวข้องดังกล่าวแล้วเสร็จ ติดล้อ โฮลดิ้งส์ จะเข้าซื้อหุ้นของบริษัทใหม่ ในสัดส่วนร้อยละ 99.99

โดยการจัดตั้งบริษัทใหม่เป็นส่วนหนึ่งของแผนการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการของบริษัทฯ ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นของโครงสร้างการจัดการองค์กรให้เหมาะสมกับการประกอบธุรกิจของแต่ละธุรกิจ และเพื่อให้มีการแบ่งแยกการกำกับดูแลและการบริหารและจำกัดความเสี่ยงของแต่ละธุรกิจที่มีลักษณะต่างกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

ซึ่งสถานะของการปรับโครงสร้างกลุ่มบริษัทเป็น Holding Company ขณะนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการยื่นขออนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งเป็นไปตามกำหนดการที่วางไว้

โดยคาดว่า ติดล้อ โฮลดิ้งส์ จะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทฯ (Tender Offer) จากผู้ถือหุ้นเดิมโดยวิธีการแลกหุ้นที่อัตรา 1:1 ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ สำหรับผู้ถือหุ้น นักลงทุน และผู้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารของบริษัทฯ ได้ที่เว็บไซต์ www.tidlorinvestor.com