Thursday, September 19, 2024
NEWS

AIT เผยผลงานครึ่งปีแรก 2567 ทำกำไรสุทธิโต 23% กวาดรายได้ 3,551 ล้านบาท

AIT เผยผลงานครึ่งปีแรก 2567 ทำกำไรสุทธิโต 23% กวาดรายได้ 3,551 ล้านบาท บอร์ดเคาะจ่ายปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.15 บาท หนุนผลงานปี 67 ทำรายได้แตะ 6,800 ล้านบาท พร้อมเผยความคืบหน้าธุรกิจคาร์บอนเครดิต เร่งขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน

มจ. แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี’ หรือ (AIT) เผยผลงานการดำเนินงานในไตรมาส 2/2567 ทำรายได้จากงบเฉพาะกิจการ 1,867 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 139 ล้านบาท หนุนผลงานในครึ่งแรกปี 2567 รายได้จากงบเฉพาะกิจการ 3,551 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% และมีกำไรสุทธิ 271 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% ฟากบอร์ดเคาะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท ย้ำภาพ Dividend Stock มั่นใจรายได้ปี 2567 ทำได้ 6,800 ล้านบาทตามเป้า พร้อมเผยความคืบหน้าธุรกิจคาร์บอนเครดิต
ศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT

ศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT ผู้นำในธุรกิจรับเหมาระบบสารสนเทศและการสื่อสารอย่างครบวงจร เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2567 (เมษายน-มิถุนายน) บริษัทฯ มีรายได้จากงบเฉพาะกิจการอยู่ที่ 1,867 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 1,703 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 139 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 123 ล้านบาท

ขณะที่ผลการดำเนินงานช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 (มกราคม-มิถุนายน) บริษัทฯ มีรายได้จากงบเฉพาะกิจการ 3,551 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 3,000 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิที่ 271 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 220 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานที่เติบโตเป็นผลจากการรับรู้รายได้จากงานโครงการขนาดใหญ่ที่มีขนาดมูลค่าโครงการที่สูงกว่า โดยโครงการขนาดใหญ่ที่สำคัญที่ส่งมอบในไตรมาส 2 ปี 2567 เช่น โครงการจ้างก่อสร้างปรับปรุงสถานีไฟฟ้าเสื่อมสภาพ สถานีไฟฟ้าบางสมัคร จ.ฉะเชิงเทรา ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค,
โครงการจัดหาอุปกรณ์สำหรับเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานและบริหารจัดการผู้ใช้งานระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์ป้องกันการบุกรุกจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ของสำนักงานประกันสังคม และโครงการจ้างบำรุงรักษางานด้านเทคโนโลยี สารสนเทศและสื่อสาร ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นต้น
นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของรายได้จากงานโครงการที่มีจำนวนและมูลค่าโครงการที่สูงกว่า ทำให้สามารถครอบคลุมค่าใช้จ่ายคงที่ได้มากขึ้นส่งผลให้การทำกำไรสุทธิปรับตัวดีขึ้น
เพื่อตอกย้ำว่า AIT เป็นหนึ่งในหุ้นปันผล (Dividend Stock) ในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้พิจารณาจากงบเฉพาะกิจการและอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวดผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 2567 (มกราคม-มิถุนายน) ในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 22 สิงหาคม 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 6 กันยายน 2567
ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ AIT กล่าวว่า สำหรับในปี 2567 บริษัทฯ คาดว่าผลการดำเนินงานจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยยังคงเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 6,800 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯ มองเห็นโอกาสในการเติบโตของกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและการสื่อสาร ภายหลังจากที่รัฐบาลได้รับอนุมัติงบประมาณปี 2567
โดยเฉพาะในส่วนแผนงานบูรณาการรัฐบาลดิจิทัล คาดว่าภาครัฐจะเร่งดำเนินการเพื่อให้การพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น โอกาสในการเข้าประมูลงานของภาครัฐจะมากขึ้น ซึ่งจะช่วยผลักดันผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ให้เป็นไปตามแผน
โดย ณ วันที่ 2 สิงหาคม 2567 บริษัทฯ มีมูลค่างานที่มีอยู่ในมือ (Backlog) จำนวน 5,300 ล้านบาท โดยมีมูลค่างานที่อยู่ระหว่างรอคำสั่งซื้อจากลูกค้า (Waiting for P/O) จำนวน 55 ล้านบาท และเตรียมพร้อมเข้าประมูลงานภาครัฐและเอกชน ซึ่งมีมูลค่างานไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ด้านความคืบหน้าของแผนการลงทุนในธุรกิจสีเขียวเพื่อสร้าง New S-curve ผ่าน 2 บริษัทร่วมทุน โดยบริษัทฯ ได้เดินหน้าขยายธุรกิจคาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้อย่างครบวงจร ผ่านบมจ. ซีโร่ ซีโอทู (Zero Co2) ในการดำเนินงานให้บริการโซลูชั่นด้านคาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้
ปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างดำเนินการเรื่องทางทะเบียน ด้านการให้บริการระบบจัดทำรายงานคาร์บอนฟุตพรินท์แบบอัตโนมัติด้วยเทคโนโลยี IoT และ AI (Automate Carbon Footprint Report) ซึ่งดำเนินการผ่าน บจก. คาร์บอนลีด ปัจจุบันได้มีการพัฒนาแพลตฟอร์มการจัดการก๊าซเรือนกระจกเสร็จสิ้นและพร้อมให้บริการแก่ลูกค้าแล้ว
นอกจากนี้ สำหรับความคืบหน้าโครงการปลูกป่าประมาณ 1,000 ไร่ ปัจจุบันดำเนินการปลูกป่าครบถ้วน 100% โดยปลูกต้นกล้าสักทั้งหมดจำนวน 223,600 ต้น อย่างไรก็ตามอยู่ระหว่างดำเนินการปลูกต้นกล้าสักซ่อมระยะที่ 1 เนื่องจากต้นกล้าสักที่ปลูกไปก่อนหน้านี้มีอัตราการตายประมาณ 20-30% รวมถึงมีการเปลี่ยนแปลงชื่อโครงการจากเดิม “โครงการซื้อขายคาร์บอนเครดิตและการปลูกป่าสักเชิงเศรษฐกิจ” เป็น “โครงการป่าสักเพื่อคาร์บอนเครดิต”