“ดีอี ร่วม ตำรวจไซเบอร์ และ พันธมิตร รายงานผลการดำเนินงาน ปราบโจรออนไลน์ ระยะแรก 30 วัน โชว์ผลงาน 10 เรื่องสำคัญ เดินหน้าเริ่มเฟส 2 เร่งเครื่อง 7 มาตรการ ตามข้อสั่งการนายก
เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2567 ประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ร่วมกับ ศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดีอี พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.)
ธสรณ์อัฑฒ์ ธนิทธิพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และ พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)
ร่วมแถลงข่าว ผลสืบเนื่องจากการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2567 ตามข้อสั่งการของ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ กระทรวงดีอี ร่วมกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินหน้าปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์เป็นระยะที่ 2 ต่อเนื่องจากการดำเนินการในระยะแรก 30 วัน (1-30 เมษายน 2567)
โดยผลการดำเนินงาน ระยะแรก 30 วันที่ผ่านมา ใน 10 เรื่องที่สำคัญมีดังนี้
1. การปราบปรามจับกุมอาชญากรรมออนไลน์ ในเดือนเมษายน
– การจับกุมคดีออนไลน์รวมทุกประเภท เม.ย. 67 มีจำนวน 6,624 คน เพิ่มขึ้น 2.7 เท่า เทียบกับ การจับกุมเฉลี่ย 2,430 คนต่อเดือน ช่วงมกราคม – มีนาคม 2567
– การจับกุมคดีเว็บพนันออนไลน์ เม.ย. 67 มีจำนวน 3,667 คน เพิ่มขึ้น 3.1 เท่า เทียบกับ การจับกุมเฉลี่ย 1,174 คนต่อเดือน ช่วงมกราคม – มีนาคม 2567
– การจับกุมคดีบัญชีม้า-ซิมม้า เม.ย. 67 มีจำนวน 361 คน เพิ่มขึ้น 1.9 เท่า เทียบกับ การจับกุมเฉลี่ย 187 คนต่อเดือน ช่วงมกราคม – มีนาคม 2567
2. การปิดโซเชียลมีเดีย เว็บผิดกฎหมาย และเว็บพนัน
– ปิดโซเชียลมีเดียและเว็บ ผิดกฎหมายทุกประเภท เม.ย. 67 จำนวน 16,158 รายการ เพิ่มขึ้น 18 เท่า จาก เม.ย. 66
– ปิดเว็บพนัน เม.ย. 67 จำนวน 6,515 รายการ เพิ่มขึ้น 38.8 เท่า จาก เม.ย. 66
3. การแก้ปัญหาบัญชีม้า เร่งอายัด ตัดตอนการโอนเงิน
ผลการดำเนินงานที่สำคัญถึง 30 เม.ย. 2567 มีดังนี้
– ระงับบัญชีม้าแล้วกว่า 700,000 บัญชี แบ่งเป็น ธนาคารระงับเอง 300,000 บัญชี AOC ระงับ 101,375 บัญชี ปปง.ปิด 325,586 บัญชี
– กำหนดมาตรการและเงื่อนไขการเปิดบัญชีใหม่ เพื่อป้องกันการนำไปกระทำความผิดโดยเพิ่มกระบวนการพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริง Customer Due Diligence หรือ CDD โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยง ธนาคารต้องตรวจสอบให้เคร่งครัดมากขึ้นก่อนอนุมัติเปิดบัญชี โดยจะเริ่มภายในเดือน พฤษภาคม 2567 ซึ่งปัจจุบันบางธนาคารได้มีการดำเนินการแล้ว
– การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานการระงับบัญชีต้องสงสัยทันที กรณีที่ธนาคารได้รับแจ้งข้อมูลจากศูนย์ AOC 1441 และผู้เสียหายได้ลงแจ้งความออนไลน์เรียบร้อยแล้ว และเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำศูนย์ AOC จะช่วยการอายัดบัญชีโดยส่งเรื่องไป ปปง.
นอกจากนี้ ให้ศูนย์ AOC 1441 เป็นแพลตฟอร์มรับและแลกเปลี่ยนข้อมูลบูรณาการข้อมูล หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับบัญชีม้าและบัญชีต้องสงสัย ได้แก่ สำนักงาน กสทช. ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงาน ปปง. กรมสอบสวนคดีพิเศษ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
โดยทำงานแบบอัตโนมัติ และใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ช่วยลดเวลาและเพิ่มความแม่นยำในการระงับบัญชีม้า บัญชีต้องสงสัย รวมทั้ง สนับสนุนการติดตามเส้นทางการเงินเพื่อการจับกุมและคืนผู้เสียหาย
4. การแก้ไขปัญหาและกวาดล้างซิมม้า
ผลการดำเนินงานที่สำคัญถึง 30 เม.ย. 2567 มีดังนี้
– ตร. ดีอี ระงับซิมม้า-ซิมต้องสงสัยแล้ว 800,000 หมายเลข
– การระงับหมายเลขโทรออกเกิน 100 ครั้ง/วัน แล้ว 36,641 หมายเลข
– การกวาดล้างซิมม้าและซิมต้องสงสัย สำนักงาน กสทช. ได้กำหนดหลักเกณฑ์ใน
การลงทะเบียนเพื่อยืนยันตัวตนสำหรับผู้ถือครองซิมการ์ดมากกว่า 100 ซิม โดยครบกำหนดการยืนยันตัวตนเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 มีผู้มายืนยันตัวตนแล้ว จำนวน 2.58 ล้านหมายเลข และยังไม่มายืนยันตัวตน อีกจำนวน 2.5 ล้านหมายเลข ซึ่งที่ไม่ได้มายืนยันตัวตน ถูกระงับหมายเลขแล้ว 1.46 ล้าน หมายเลข และ อยู่ระหว่างดำเนินการระงับ 1.04 ล้าน หมายเลข
– การเข้มงวดในการเปิดใช้ ซิมใหม่ ให้เป็นไปตาม หลักเกณฑ์ การลงทะเบียนและยืนยันตัวตนของ กสทช. เพื่อป้องกัน การนำซิมไปใช้กระทำผิดกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมา พบการปล่อยปละละเลยการเปิดใช้ซิมใหม่ จำนวนมากๆ ตลอดจนมีการสวมรอยใช้พาสปอร์ตชาวต่างชาติ หรือขโมยบัตรประชาชนคนไทย มาเปิดซิมจำนวนมาก
5. การดำเนินการเรื่องเสาโทรคมนาคม สายสัญญาณอินเทอร์เน็ต และสายโทรศัพท์ที่ผิดกฎหมายตามแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน
– สำนักงาน กสทช. ร่วมกับกระทรวงกลาโหม และ ตร. เร่งดำเนินการกวาดล้างและจับกุมผู้กระทำความผิดในการใช้เสาและสายสัญญาณสื่อสารที่ผิดกฎหมายตามแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน
นอกจากนี้ AOC ตร. และ กสทช. ระหว่างจัดอบรมกำลังพลของกองทัพให้สามารถตรวจสอบ เสาและสายสัญญาณสื่อสารผิดกฎหมายตามแนวชายแดน
– ปฏิบัติการตัดวงจรซิม-สาย-เสา สกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยจับกุมครั้งสำคัญ เมษายน 2567 เช่น เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2567 ดำเนินการจับกุมการลักลอบเดินสายอินเทอร์เน็ตผ่านชายแดนไปประเทศกัมพูชา ในพื้นที่ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เป็นต้น
6. การร่วมมือกับกระทรวงมหาดไทยเฝ้าระวังช่างต่างชาติที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายผิดกฎหมาย
กระทรวงมหาดไทยร่วมกับ ตร. ดีอี และหน่วยงานเกี่ยวข้อง สนับสนุนการเฝ้าระวังและจับกุม ปราบปราม ชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทยที่มีพฤติกรรมผิดกฎหมาย โดยเฉพาะการชักชวน หลอกลวงคนไทยเพื่อพาไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้ ให้ความสำคัญกับจังหวัดที่มีพรมแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน
7. การประสานความร่วมมือระหว่างประเทศในการปราบปรามจับกุม
กระทรวงการต่างประเทศให้การสนับสนุนการประสานงานในการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน ในประเด็นการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เว็บพนันออนไลน์ รวมถึงประเด็นปัญหาอาชญากรรมออนไลน์อื่นๆ และ ตร.
โดยเฉพาะ ตม. เคร่งครัดการตรวจสอบบุคคลเข้า-ออก และการเข้า-ออกผ่านช่องทางธรรมชาติ เพื่อลดปัญหาการเดินทางไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงการขนเงินออกนอกประเทศ นอกจากนี้ มีแผนประชุมหารือ กับประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และ หารือในกลุ่มประเทศสมาชิก ASEAN
8. การกำกับดูแลแก้ไขปัญหาการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ผิดกฎหมาย
สำนักงาน ก.ล.ต. ส่งข้อมูลผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่ได้รับอนุญาตให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ดำเนินการปิดกั้นช่องทางการเข้าถึงแพลตฟอร์มของผู้ให้บริการดังกล่าว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมาย รวมทั้งเป็นการป้องกันมิให้มิจฉาชีพใช้เป็นช่องทางในการนำทรัพย์สินจากการกระทำผิดไปฟอกเงิน อันเป็นการแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์
9. การบูรณาการข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
ให้ศูนย์ AOC 1441 เป็นแพลตฟอร์มรับและแลกเปลี่ยนข้อมูลบูรณาการข้อมูล หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงาน กสทช. ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงาน ปปง. กรมสอบสวนคดีพิเศษ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยทำงานแบบอัตโนมัติ และใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อใช้ในการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีต่อไป
10. มาตรการด้านกฎหมาย
– สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เร่งจัดทำ ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจการให้บริการขนส่งสินค้าที่ขายผ่านช่องทางออนไลน์โดยเรียกเก็บเงินปลายทางเป็นธุรกิจที่ควบคุมรายการในหลักฐานการรับเงิน พ.ศ. … เพื่อแก้ปัญหา บริการเก็บเงินปลายทางสำหรับพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Cash on Delivery)
ช่วยขจัดปัญหาการหลอกซื้อขายสินค้าออนไลน์ที่มีผู้เสียหายจำนวนมาก ซึ่งคาดว่า ประกาศดังกล่าว จะแล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม 2567 ซึ่งประเมินว่า มาตรการนี้ จะช่วยลดจำนวน คดีหลอกลวงซื้อขายออนไลน์ได้อย่างมีนัยยะสำคัญ
– อื่น ๆ อาทิ การแก้ปัญหาซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคลอย่างผิดกฎหมาย การเร่งคืนเงินให้ผู้เสียหาย และ การแก้ปัญหาคนร้ายโอนเงินโดยใช้สินทรัพย์ดิจิทัล โดยเฉพาะที่เป็นแพลตฟอร์มต่างประเทศที่ผิดกฎหมาย
เดินหน้าปราบโจรออนไลน์ต่อ วาง 7 มาตรการสำคัญ
สำหรับในระยะต่อไป 7 มาตรการสำคัญ เพื่อเดินหน้าแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง ได้แก่
- การปราบปรามจับกุมอาชญากรรมออนไลน์ทั้งในและต่างประเทศ โดยหน่วยงานด้านการปราบปราม อาทิ ตร. ดีเอสไอ จะเร่งปูพรมจับกุมอาชญากรรมออนไลน์ทั้งในและต่างประเทศ อย่างต่อเนื่อง
- การป้องกันปราบปรามบัญชีม้า ซิมม้า และจับกุมผู้เกี่ยวข้อง โดยการบูรณาการข้อมูลบัญชีต้องสงสัยร่วมกันระหว่าง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมธนาคารไทย พร้อมกำหนดหลักเกณฑ์และมาตรการการเปิดบัญชีใหม่ โดยกระบวนการพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริง Customer Due Diligence หรือ CDD และ เป้าหมายการปิดบัญชีม้าไม่ต่ำกว่า 100,000 บัญชีต่อเดือน ต่อเนื่อง
- การแก้ปัญหาหลอกลวงซื้อขายสินค้าออนไลน์ โดยเฉพาะบริการเก็บเงินปลายทาง (Cash on Delivery) หรือ COD โดยสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) จะเร่งจัดทำประกาศควบคุมฯ ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาการหลอกซื้อขายสินค้าออนไลน์ที่มีผู้เสียหายจำนวนมาก โดยประเมินว่า มาตรการนี้จะช่วยลดจำนวนคดีหลอกลวงซื้อขายออนไลน์ได้อย่างมีนัยยะสำคัญ
- การเร่งรัดคืนเงินและเยียวยาผู้เสียหาย ได้มอบหมายให้ศูนย์ AOC 1441 เป็น Platform รับและแลกเปลี่ยนข้อมูลและบูรณาการข้อมูลร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยการใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อช่วยลดเวลาและเพิ่มความแม่นยำในการติดตามเส้นทางการเงินเพื่อการจับกุมและคืนเงินให้กับผู้เสียหาย
- การเพิ่มความรับผิดชอบผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ ผู้ให้บริการโทรคมนาคม และผู้ให้บริการทางการเงิน
- การรณรงค์ประชาสัมพันธ์และสร้างภูมิคุ้มกันอาชญากรรมออนไลน์ แบบเจาะจงเรื่องการหลอกลวงลงทุน การหลอกหารายได้ และแก๊ง call center
- การเร่งรัดปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย ในประเด็นสำคัญดังนี้ การเร่งคืนเงินให้กับผู้เสียหาย, การเพิ่มโทษการซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคล และการป้องกันการโอนเงินแบบผิดกฎหมายของคนร้ายโดยการใช้สินทรัพย์ดิจิทัล โดยเฉพาะที่เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลในต่างประเทศที่ผิดกฎหมาย
รมว.ประสริฐ กล่าวเพิ่มว่า “ในภาพรวมของการดำเนินงานอย่างบูรณาการ เร่งรัดจับกุมคนร้าย กวาดล้างบัญชีม้าและซิมม้า เร่งการอายัดบัญชีธนาคาร ตัดเส้นทางการเงิน การปิดกั้นโซเชียลมีเดียหลอกลวงผิดกฎหมาย และเว็บพนันออนไลน์ มีผลงานชัดเจน เป็นตัวเลขที่สูงขึ้นมากในเดือนเมษายน”
“อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ขอให้เร่งการปราบปรามจับกุมคนร้าย กวาดล้างบัญชีม้า ซิมม้า ปิดกั้นโซเชียลมีเดียหลอกลวงต่อเนื่อง แก้ปัญหาหลอกลวงซื้อขายออนไลน์ เพื่อให้จำนวนผู้เสียหายและมูลค่าความเสียหายจากคดีออนไลน์ลดลงโดยเร็ว ช่วยลดความเดือนร้อนของประชาชน”
สถิติ แจ้งความคดีออนไลน์
สถิติ การรับแจ้งความคดีออนไลน์พบว่าในเดือน เมษายน 2567 เฉลี่ย 992 คดี/วัน สูงกว่า การแจ้งความ ในเดือน มีนาคม 2567 ที่มีการแจ้งความเฉลี่ย 855 คดี/วัน
ด้านมูลค่าความเสียหายของคดีอาชญากรรมออนไลน์รวมทุกประเภท พบว่าเมษายน 2567 มีมูลค่าความเสียหายเฉลี่ย 110 ล้านบาท/วัน มีมูลค่าความเสียหายลดลง จากเดือน มีนาคม 2567 ที่มีมูลค่าความเสียหายเฉลี่ย 149 ล้านบาท/วัน