Friday, November 22, 2024
NEWS

เอสซีจี โชว์นวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยที่ยั่งยืน สร้างสมาร์ทลีฟวิง ตอบโจทย์คุณภาพชีวิตที่ดีกว่า

เอสซีจี โชว์นวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยที่ยั่งยืน สร้างสมาร์ทลีฟวิง ตอบโจทย์คุณภาพชีวิตผู้อยู่อาศัย และการมีคุณภาพชีวิตที่ดี พร้อมทั้งลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม

อสซีจี ส่งมอบนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยที่สร้างสรรค์ โชว์ตัวในงานสถาปนิก’67 “SCG Smart Living” นำเทคโนโลยีเสริมนวัตกรรมวัสดุก่อสร้าง ตอบโจทย์คุณภาพชีวิตที่ดีผู้อยู่อาศัย และการมีคุณภาพชีวิตที่ดี

พร้อมทั้งลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิด “SCG Forward into Future Living: Sustaining Space and Technology” ตอกย้ำผู้นำโซลูชันเพื่อการอยู่อาศัยที่ดีกว่า ประหยัดพลังงาน รักษ์โลก ควบคู่การลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม เปิดตัวแบรนด์ใหม่ ONNEX by SCG Smart Living รวมนวัตกรรมเพื่อบ้านและอาคารที่ก่อสร้างไว้ที่เดียว

ขณะที่ COTTO ภายใต้ SCG Decor แนวคิด “Reform the new Sustainability, made by you” พัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยให้สวยงามและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน

วชิระชัย คูนำวัฒนา Head of Smart System Solution ธุรกิจเอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง

วชิระชัย คูนำวัฒนา Head of Smart System Solution ธุรกิจเอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง กล่าวว่า เมื่อเอ่ยถึงเอสซีจี คนจะนึกถึงวัสดุต่างๆ ในการก่อสร้างที่อยู่อาศัย ซึ่งปัจจุบันเอสซีจีได้พัฒนาและต่อยอดงานที่ไม่ใช่แค่เพียงวัสดุก่อสร้าง แต่ขยายขอบข่ายไปถึงนวัตกรรมที่ทำให้คุณภาพชีวิตผู้อยู่อาศัยดีขึ้น

ทั้งเรื่องของพื้นที่ (Space) เทคโนโลยีอัจฉริยะ (Smart Technology) รวมไปถึงความยั่งยืน (Sustainability) และในปีนี้ได้มีการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ ONNEX by SCG Smart Living ที่ต่อไปจะได้ยินชื่อแบรนด์นี้มากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเป็นแบรนด์ที่รวมนวัตกรรมเพื่อบ้านและอาคารที่ตอบโจทย์ใน 4 เรื่องหลัก ได้แก่

1. การประหยัดพลังงาน โดย ‘ONNEX Solar Roof Solutions’ ที่ช่วยประหยัดค่าไฟสูงสุดถึง 60% ซึ่งให้บริการครบวงจร ตั้งแต่การสำรวจพื้นที่ การออกแบบ การติดตั้งด้วยเทคโนโลยี Solar Fix สิทธิบัตรเฉพาะเอสซีจี ที่ทำให้ลูกค้ามั่นใจเรื่ืองความปลอดภัย และยังแก้ปัญหาหลังคารั่ว พร้อมการรับประกันถึง 25 ปี และบริการหลังการขาย

2. แก้ไขปัญหาคุณภาพอากาศ โดย ‘ONNEX Active Air Quality’ ที่เป็นนวัตกรรมการเติมอากาศดี ที่มีระบบการกรองถึง 6 ชั้น เพื่อบล็อคฝุ่นและเชื้อโรค เพิ่มออกซิเจนในบ้าน และยังมี ‘ONNEX Active Air Flow’ แก้ปัญหาบ้านร้อนอบอ้าว ด้วยระบบถ่ายเทและระบายอากาศ ช่วยให้บ้านเย็นลง 2-5 องศาเซลเซียส

3. ความปลอดภัยภายในบ้าน ‘DoCare’ (Smart Home Solution for Seniors) เพิ่มคุณภาพการดูแลผู้สูงอายุ ด้วยนวัตกรรมเรดาร์ตรวจจับการล้ม เฝ้าระวังและแจ้งเตือนเหตุฉุกเฉิน แจ้งเตือนเมื่อเกิดเหตุไปที่ครอบครัว และยังมีอุปกรณ์ขอความช่วยเหลือด้วยเสียง อุปกรณ์ช่วยติดตามสุขภาพประจำบ้าน

4. แอปพลิเคชั่น ที่ช่วยดูแลงานหลังบ้าน เช่น โซล่าเซลล์วันนี้ผลิตไฟได้เท่าไร

วชิระชัย กล่าวว่า ทั้งนี้ นวัตกรรมในบ้านด้วยโซลูชันที่ตอบโจทย์ทุกกลุ่มผู้ใช้งาน ทั้งเจ้าของบ้าน โครงการ อาคารทุกประเภท ห้างสรรพสินค้า รวมไปถึงโรงงาน มีการแนวโน้มการเติบโตและมีความต้องการของตลาดเพิ่มมากขึ้นในๆ ทุกปี”

นำพล มลิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่  บริษัท เอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGD

ด้าน COTTO ภายใต้ SCG Decor นำพล มลิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสซีจี เดคคอร์ จำกัด หรือ SCG Decor (SCGD) เล่าว่า โจทย์หลักในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ SCGD และ COTTO คือ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศหรือ Climate Change ในฐานะผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์ตกแต่งพื้นผิว และสุขภัณฑ์ในอาเซียน

จึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิต ภายใต้แนวคิด COTTO “Reform the new Sustainability, made by you” เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ออกแบบ และกระตุ้นให้ทุกคนใส่ใจกับปัญหาเหล่านี้ ผ่านการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติ สร้างผลกระทบสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด พร้อมเทคโนโลยีการผลิตที่มีประสิทธิภาพ ที่ลดการใช้พลังงาน ลดปริมารของเสีย

ในงานสถาปนิก 2024 : ASA EXPO ทาง SCGD ได้จัดแบ่งพื้นที่เป็น 4 โซน ได้แก่

• โซนแรก SEA REFORM สะท้อนปัญหาระดับน้ำทะเลที่กำลังสูงขึ้นเฉลี่ยปีละ 3-5 มิลลิเมตร จากการละลายของธารน้ำแข็ง ส่งผลกระทบให้ระบบนิเวศชายฝั่งเปลี่ยนไป ภายในโซนนี้ นำเสนอวัสดุตกแต่งผิวจากหินธรรมชาติแท้ อย่าง “STONE DECOR COLLECTION” ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตทำให้มีความบางเพียง 1.5-2 มิลลิเมตร โดดเด่นด้านความบาง มุมโค้ง ทรงคลื่น มีความแข็งแรงทนทานต่อรอยขีดข่วน

และยังมีกลุ่มกระเบื้องตกแต่ง “ECO Collection” ที่ลดการใช้ทรัพยากรใหม่สูงสุด 50% รวมทั้งสุขภัณฑ์ ก๊อกน้ำ และอุปกรณ์ Smart Lifestyle Bathroom เช่น VIZIO Smart Toilet with Double Protection, Smart LED & Bluetooth Mirror และ Smart Shower เป็นต้น ซึ่งเน้นการนำเสนอฟังก์ชั่นบวกเทคโนโลยี โดยกลุ่มสมาร์ทนี้จะมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ สู่ตลาดมากขึ้น

• โซนที่ 2 LAND REFORM นำเสนอถึงพื้นที่ดินที่ลดลง ผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ จะเป็นนวัตกรรมแผ่นพื้นบุผนังและและเพดาน โดย Ultra Veneer Flooring – LT By COTTO ซึ่งได้รับการรองรับจาก SCG GREEN CHOICE ช่วยส่งเสริมสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัยที่ดี ประหยัดพลังงาน ลดโลกร้อน ลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ลดการใช้ไม้ ยืดอายุการใช้งาน

และยังมมีนวัตกรรมที่ใช้กับสัตว์เลี้ยง ที่ผ่านงานวิจัย ทำให้สิ่งมีชีวิตอยู่บนพื้นผิวได้ โดยลดความเสื่อมของข้อกระดูกของสัตว์ ลดแบคทีเรีย ลดการขยายของเชื้อโรค และลดกลิ่นจากสัตว์เลี้ยงได้ 40%

• โซนที่ 3 TEMPERATURE REFORM สะท้อนปัญหาการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 1.2 องศาเซลเซียส โดยจัดแสดงกระเบื้องตกแต่งภายในสีสันโทนร้อน และเย็น เพื่อสะท้อนความแตกต่างของเฉดสี พร้อมทั้งการเคลือบแสงจาก Ambient มีความสวยงามตามสไตล์มินิมอล สีพื้นผิวสุขภัณฑ์เป็นสีด้าน เพิ่มความเรียบง่าย

• โซนสุดท้าย TIDES REFORM สะท้อนถึงปัญหาการเปลี่ยนแปลงของกระแสน้ำ ที่ได้รับผลกระทบต่อเนื่องมากจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ รวมถึงสาเหตุจากการกระทำของมนุษย์ที่ทำให้เกิดผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อระบบนิเวศใต้ทะเล ผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอ เช่น ก๊อกน้ำ และ สินค้าอุปกรณ์ตกแต่งห้องน้ำ ที่ประหยัดน้ำ เป็นสมาร์ทฟังก์ชั่นและมีความสวยงาม

ทั้งนี้ Climate Change ถือเป็นตัวเร่งสำคัญ ที่ทำให้ความต้องการผลิตภัณฑ์ที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม มีความใกล้เคียงธรรมชาติ มีกระแสตอบรับที่ดี และมีความต้องการเพิ่มขึ้นเรื่ือย ๆ จากที่ผ่านมามีการเติบโตราว 10% โดย SCGD เตรียมความพร้อมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม SCG GREEN CHOICE เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน

จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนมากกว่า 70% จะขยายเพิ่มเติมให้ได้ 80% เพื่อตอบรับความต้องการของตลาด และตอบโจทย์การเดินหน้าสู่เป้าหมาย NET ZERO Carbon Emission ภายในปี 2050