“ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เปิดงานแสดงนวัตกรรมระดับโลก Innovation Summit World Tour 2024 เผยนวัตกรรมใหม่ล่าสุดและความร่วมมือด้านความยั่งยืน
เมื่อวันที่ 3-4 เมษายนที่ผ่านมา ณ Paris Expo Porte de Versailles ศูนย์นิทรรศการและการประชุมในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ชไนเดอร์ อิเล็คทริค จัดงาน Innovation_Summit World Tour เพื่อตอกย้ำถึงความจำเป็นในการดำเนินการอย่างเร่งด่วน และการทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อเร่งสร้างการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน และการจัดการกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศ
“หลังจากการรายงานภาวะโลกร้อนที่ได้ทำลายสถิติในปี 2566 เรากำลังเรียกร้องให้ภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจต่างๆ ทั่วโลกมารวมตัวกันเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ต่อวิกฤตด้านสภาพภูมิอากาศ ด้วยเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจำนวนมาก รวมถึงเพื่อเชื่อมโยงความก้าวหน้าและสร้างความยั่งยืน”
ปีเตอร์ เฮอร์เว็ค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ชไนเดอร์ อิเล็คทริค กล่าว “ด้วยนวัตกรรมและความร่วมมือกันเท่านั้น ที่เราจะสามารถปลดล็อกปัญหาและสร้างความหวังใหม่ในการทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัล การใช้พลังงานไฟฟ้า รวมถึงการลดคาร์บอน ซึ่งจะสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืน เพราะเมื่อเราร่วมมือกัน ก็จะสามารถสร้างความมุ่งมั่นและผลักดันให้เกิดการลงมือปฏิบัติจริงได้”
เฮอร์เว็ค เผยกับผู้เข้าร่วม Innovation Summit ที่ปารีส ด้วยการเรียกร้องให้ผู้นำระดับโลกจากอุตสาหกรรมต่างๆ เร่งสร้างทางลัดในการทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัล และเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ รวมถึงให้มีความร่วมมือกัน เพื่อบรรลุเป้าหมายด้านการเพิ่มผลิตภาพและความยั่งยืน
งาน Innovation Summit ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค มีการเปิดตัวครั้งแรกในปี 2559 โดยนำเสนอนวัตกรรม โซลูชัน และความร่วมมือกัน เพื่อร่วมขับเคลื่อนอนาคตของระบบอัตโนมัติ การใช้พลังงานไฟฟ้า และการทรานส์ฟอร์มสู่ระบบดิจิทัล
โดยในปีนี้ บริษัทได้จับมือกับลูกค้าในหลากหลายอุตสาหกรรม รวมถึงพันธมิตรและผู้นำในอุตสาหกรรมในกรุงปารีส เพื่อเข้าร่วมการประชุมใหญ่ การประชุมกลุ่มย่อย รวมถึงการประชุมแบบโต๊ะกลม มีทั้งการวิเคราะห์เจาะลึก การสร้างเครือข่าย และการพาชมนิทรรศการด้านนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน เป็นเวลา 2 วัน
โซลูชันใหม่เพื่อแรงกระเพื่อม ที่ยิ่งใหญ่กว่า
ในงานนี้ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค มาพร้อมกับการเปิดตัวโซลูชันใหม่ที่ออกแบบมา เพื่อช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถวางกลยุทธ์ การทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัล รวมถึงช่วยลดการปล่อยคาร์บอนในการดำเนินงาน อีกทั้งยังช่วยเร่งคำมั่นสัญญาด้านความยั่งยืนให้เกิดเร็วขึ้น โดยมีโซลูชันที่น่าสนใจในงาน อาทิ
CONNECT: แพลตฟอร์มอัจฉริยะทางอุตสาหกรรม แบบ End to End ที่ผสานรวมข้อมูลด้านวิศวกรรมและการปฏิบัติงานเพื่อให้สามารถมองเห็นได้ทั่วทั้งระบบและระบบนิเวศ โดยใช้ประโยชน์จาก AI และ เทคโนโลยีอัจฉริยะ digital twin
Resi9 Energy Center: การปรับปรุงระบบตู้ไฟฟ้าอัจฉริยะขนาดกะทัดรัด ใช้ได้กับตู้ไฟฟ้าที่มีอยู่ในบ้าน
การขยายพอร์ตโฟลิโอ eMobility: Schneider Charge โซลูชันการชาร์จสำหรับบ้านที่ล้ำสมัย มีความทนทาน คุ้มราคา และติดตั้งง่าย ครอบคลุมทั้งโซลูชันสำหรับสถานีชาร์จและจุดชาร์จ
ความร่วมมือเพื่อการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมาย
ในงานยังมีกิจกรรมการประกาศโครงการความร่วมมือในอุตสาหกรรมเดียวกันและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง มีความจำเป็นต่อการจัดการวิกฤตสภาพภูมิอากาศ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค จึงได้ผนึกพลังของผู้นำในอุตสาหกรรมและผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อขับเคลื่อนการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนและสร้างความยั่งยืน ได้แก่
แรงกระเพื่อมด้านความยั่งยืน: โครงการประกวด Sustainability Impact Award ของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เพื่อยกย่องคู่ค้า ลูกค้า และซัพพลายเออร์ ที่ลดการปล่อยคาร์บอนในการดำเนินงานของตนเองและของลูกค้า ด้วยการโชว์กรณีศึกษาความสำเร็จในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การปรับปรุงประสิทธิภาพ รวมถึงการใช้พลังงาน และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล บริษัทต่างๆ สามารถเรียนรู้ได้ เพื่อขับเคลื่อนความยั่งยืนในวงกว้าง และสร้างสรรค์นวัตกรรมเพิ่มเติม
การลดคาร์บอนในซัพพลายเชน: การเพิ่มเติมโครงการการลดคาร์บอนในซัพพลายเชนของชไนเดอร์ อาทิ โครงการ Materialize มีเป้าหมายที่จะรวมบริษัททรัพยากรและวัสดุที่สำคัญชั้นนำเข้าด้วยกัน เพื่อนำกลยุทธ์การลดคาร์บอนในขอบเขตที่ 3 ไปใช้ และอำนวยความสะดวกในการทรานส์ฟอร์มสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ
โดยซัพพลายเออร์สามารถมีส่วนร่วมในข้อตกลงการซื้อพลังงานหมุนเวียน (PPA) เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนทั่วทั้งระบบทั่วโลก ซึ่งโดยทั่วไปคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 70% ของปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของธุรกิจ
โปรแกรมต่างๆ ยังคงขยายตัวต่อไปโดยร่วมกับ Edwards ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันสุญญากาศและการลดคาร์บอน โดยเข้าร่วมโปรแกรม Catalyze ของ ชไนเดอร์ โดยมุ่งหวังที่จะลดคาร์บอนในระบบทั้งหมดของเซมิคอนดักเตอร์ด้วยเช่นกัน
ความร่วมมือด้านศูนย์ข้อมูล: โครงการริเริ่มใหม่ด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค และ Digital Realty สร้างขึ้นจากความร่วมมือด้านผู้เชี่ยวชาญศูนย์ข้อมูลมาตลอด 20 ปี และคาดว่าจะช่วยให้ Digital Realty ลดคาร์บอนที่สะสมไว้ได้ 50-70 เปอร์เซ็นต์ ภายในอุปกรณ์ LV, MV และอุปกรณ์ UPS แบบสามเฟส ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า
พร้อมทั้งลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขอบเขตที่ 3 อีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีการทำงานร่วมกันของชไนเดอร์ อิเล็คทริค กับ NVIDIA ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกในด้านการประมวลผลปัญญาประดิษฐ์ ได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานของศูนย์ข้อมูล และขับเคลื่อนความก้าวหน้าใน Edge AI และเทคโนโลยี Digital Twin
Featured Image: Innovation Summit Paris 2024 – Peter Herweck Keynote