“ประเมินสถานการณ์ แนวโน้มเทคโนโลยีเกิดใหม่ในปี 2567 ผ่านการวิเคราะห์ของผู้บริหารดีลอยท์ ประเทศไทย เทรนด์การประมวลผลแบบเร่งความเร็ว เป็นตัวขับเคลื่อนความก้าวหน้าในเทคโนโลยี AI เกิด The Age of With ซึ่งเป็นยุคที่มนุษย์และปัญญาประดิษฐ์ทำงานร่วมกัน
เมื่อเร็วๆ นี้เราได้เห็นเทรนด์การประมวลผลแบบเร่งความเร็ว (accelerated computing) ซึ่งขับเคลื่อนความก้าวหน้าในเทคโนโลยี AI อย่างมหาศาล และแสดงศักยภาพการทำงานเต็มรูปแบบที่องค์กรต่างๆ ต้องเรียนรู้วิธีใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ AI จะช่วยเพิ่มผลผลิตของบริษัท ปรับปรุงผลิตภัณฑ์และรูปแบบธุรกิจ และส่งผลโดยตรงต่อเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม
ในบทความ ดร.นเรนทร์ ชุติจิรวงศ์ ผู้อำนวยการบริหาร Clients & Markets และ ทัศดา แสงมานะเจริญ Senior Consultant Clients & Markets ดีลอยท์ ประเทศไทย ได้ประเมินถึงแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในปี 2567 โดยพุ่งเป้าไปที่ AI และสิ่งที่จะตามมา
การเกิดขึ้นและการพัฒนาอย่างรวดเร็วของ Generative AI ยังได้ปลดล็อกให้มีการใช้ประโยชน์จากแอปพลิเคชันในตลาดใหม่ๆ มากมายและส่งผลให้ผลิตภาพสูงขึ้นอย่างรวดเร็วอีกด้วยในปีที่ผ่านมา
เราได้เห็นความสามารถเหนือความคาดหมายของ Generative AI หรือ GenAI อย่าง ChatGPT ซึ่งใช้ฐานข้อมูลจาก GPT3 และปัจจุบันมีการใช้ GPT4 แล้ว ความแตกต่างที่สำคัญไม่เพียงแต่ปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ประเภทของข้อมูลที่นำเข้าหรือสร้างข้อมูลใหม่ออกมาได้รับการพัฒนาอย่างมาก จากเดิมรองรับข้อความเป็นตัวอักษรเท่านั้น
ปัจจุบันเราสามารถใช้ภาพหรือเสียงเป็นข้อมูลนำเข้าใน GenAI ได้ อย่างที่เห็นได้ชัดจาก Google Gemini นอกจากนี้ ยังสามารถสร้างข้อมูลให้กับผู้ใช้ได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นข้อความ รูปภาพ หรือคลิปวิดีโอต่างๆ
AI จะเปลี่ยนรูปแบบการทำงานในอนาคตไปหลากหลายรูปแบบ โดยเริ่มตั้งแต่แรงงานคน จากเดิมที่ไอคิว (IQ) เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จในการทำงานเมื่อปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามามีบทบาททำงานแทนมนุษย์ได้
ตัวชี้วัดความสำเร็จจะ เปลี่ยนเป็นอีคิว (EQ) มุมมองทัศนคติ และ soft skill ทุกคนจำเป็นต้องพัฒนาตัวเองเพื่อเรียนรู้การใช้ประโยชน์จาก AI อาจกล่าวได้ว่าเราอาจจะไม่ตกงานเพราะ AI แต่คนที่รู้จักใช้ประโยชน์จาก AI ต่างหากที่จะมาชิงตำแหน่งงานของเราไป
The Age of With
สิ่งสำคัญคือ เราต้องมองว่า AI เป็นเพื่อนร่วมงานที่จะช่วยยกระดับประสิทธิภาพการทำงานให้ดียิ่งขึ้น AI เปรียบเหมือน ผู้ช่วยนักบิน ที่ไม่เพียงทำหน้าที่ช่วยทำงานด้วยระบบอัตโนมัติ แต่ยังสามารถทำงานระดับพื้นฐานและซ้ำๆ ปริมาณมากได้อีกด้วย เช่น การรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ดีลอยท์เรียกยุคนี้ว่า The Age of With ซึ่งเป็นยุคที่มนุษย์และปัญญาประดิษฐ์ทำงานร่วมกันเพื่อเป้าหมายความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่า
จากผลสำรวจ CEO Survey ที่ Deloitte ทำร่วมกับ Fortune magazine เมื่อเดือนมิถุนายนและตุลาคม ปี 2566 พบว่า Generative AI ไม่ได้เป็นเพียงคำที่ซีอีโอพูดถึงอยู่บ่อยครั้งอีกต่อไป แต่มันกำลังกลายเป็นความจริง สังเกตได้จากซีอีโอหลายคนได้เปลี่ยนจากการประเมินและทดลองใช้ไปสู่การนำไปใช้จริงในวงกว้าง
โดย GenAI ถูกนำไปใช้ในหลากหลายรูปแบบ เช่น เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานแบบอัตโนมัติ ลดต้นทุนการดำเนินงานของธุรกิจ และค้นหาแนวคิดหรือข้อมูลเชิงลึกใหม่ๆ รวมถึงเร่งการเกิดนวัตกรรมใหม่ๆ อีกด้วย
นอกจากนี้บทความล่าสุดของดีลอยท์ เกี่ยวกับ AI ชื่อว่า The Generative AI Dossier ได้นำเสนอแนวโน้มการใช้งานและประยุกต์ใช้ที่น่าสนใจในหลากหลายอุตสาหกรรม ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ และเร่งกระบวนการพัฒนานวัตกรรมทางธุรกิจ
และพบว่า มีการพิจารณานำ AI ไปใช้หลากหลายรูปแบบ ได้แก่ การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของนักพัฒนา การตรวจจับการทุจริต การปรับปรุงระบบบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน โรงงานอัจฉริยะ และอื่นๆ ซึ่งคาดว่าจะก่อให้เกิดประโยชน์เป็นอย่างมาก
เมื่อ Generative AI มีวิวัฒนาการที่ดีขึ้น ประเด็นด้านจริยธรรม กฎหมาย และนโยบายเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณา เมื่อถูกนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ดีลอยท์มุ่งมั่นที่จะใช้ Generative AI อย่างปลอดภัยและรับผิดชอบต่อสังคม โดยยึดหลักกรอบการทำงาน Trustworthy AI ซึ่งช่วยพัฒนาแนวทางป้องกันที่จำเป็นพร้อมกันกับการให้ความสำคัญทางจริยธรรม ระหว่างการพัฒนาและดำเนินงานผลิตภัณฑ์
Featured Image: Image by Freepik