“วอลโว่ ประเทศไทย เผยความสำเร็จยอดขายรถปี 2566 เพิ่มขึ้น 24% เป็นรถยนต์ EV 56% Plug-in Hybrid 44% สร้างโมเมนตัมรถยนต์ไฟฟ้าต่อเนื่อง ครบวงจร เตรียมเปิดศูนย์ซ่อมและรีไซเคิลแบตเตอรี่ในประเทศ, โมบายเซอร์วิสยกระดับประสบการณ์ลูกค้า ชูประเด็น TCO ของผู้ใช้รถไฟฟ้า
วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย เผยความสำเร็จยอดขายรถในประเทศภายในปี 2566 เพิ่มขึ้น 24% โดยเป็นยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า Pure Electric ที่สัดส่วน 56% และกลุ่มรถยนต์ Plug-in Hybrid ที่ 44%
พร้อมประกาศแผนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในปี 2567 อาทิ รถไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่มาพร้อมสถาปัตยกรรมการออกแบบและเทคโนโลยีประมวลผล คอร์ คอมพิวติ้ง รุ่นล่าสุด, แผนจัดตั้งศูนย์ซ่อมและรีไซเคิลแบตเตอรี่ในประเทศ, การบริการลูกค้าแบบ Mobile Service, การใช้พลังงานทดแทน 100% ณ ศูนย์กระจายสินค้า ฯ
เพื่อสานต่อเป้าหมายยอดขายที่เพิ่มขึ้นกว่า 20% ในปี 2567 และการเป็นผู้นำการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและเป็นบริษัทผู้จำหน่ายรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบในประเทศไทยภายในปี 2568
ตอกย้ำยุทธศาสตร์ธุรกิจที่ถูกต้อง
คริส เวลส์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ด้วยยอดขายที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องมาแล้ว 3 ปีติดต่อกัน ตอกย้ำให้เห็นว่าวอลโว่เดินทางมาในทิศทางที่ถูกต้อง ผลลัพธ์แห่งความสำเร็จนี้เกิดขึ้นจากการมีเป้าหมายและเจตนารมณ์ที่ชัดเจน”
“เมื่อดูจากสถิติพบว่า ความสนใจในกลุ่มผลิตภัณฑ์รถไฟฟ้า Pure Electric ของวอลโว่ ยังคงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดขายเติบโตขึ้นกว่า 56% ของยอดขายทั้งหมด ซึ่งการเติบโตดังกล่าวนำโดยรถไฟฟ้ารุ่นยอดนิยมอย่าง Volvo XC40 Recharge Pure Electric”
“นอกจากนี้ รถไฟฟ้ารุ่นล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไปในปีที่ผ่านมาอย่าง Volvo EX30 ก็ได้รับกระแสความสนใจจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี และคาดว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายรถไฟฟ้าของ วอลโว่ในปี 2024″
“ซึ่งการเติบโตที่ต่อเนื่องของรถไฟฟ้าไลน์อัพ Pure Electric ในปี 2022 (เติบโต 35%) และปี 2023 ตอกย้ำถึงความสำเร็จของบริษัทฯ ในทิศทางการจำหน่ายเพียงรถไฟฟ้าเท่านั้นภายในปี 2025”
“สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์รถ Plug-in Hybrid ก็ยังคงได้รับความนิยม โดยมีสัดส่วนยอดขายคิดเป็น 44% จากยอดขายทั้งหมด นำโดย Volvo XC60 Recharge Plug-in Hybrid เป็นรุ่นที่มียอดขายสูงสุดในผลิตภัณฑ์กลุ่มเดียวกัน” คริส ให้ข้อมูล
สร้างโมเมนตัมเติบโตต่อเนื่องในปี 2567
คริส กล่าวว่า “ในปี 2024 ถือเป็นอีกปีที่สำคัญของ วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ที่จะสานต่อจุดยืนในการเป็นผู้นำการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสู่การเป็นยานยนต์ไฟฟ้า โดยจะมีแผนการดำเนินงานผ่านโครงการให้บรรลุหรือตามเป้าหมาย รักษาการเติบโตของธุรกิจอย่างต่อเนื่องกว่า 20% เทียบกับปี 2023”
ประการแรก เจตนารมณ์ด้านการสร้างความยั่งยืน วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ได้เริ่มใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ในโครงการติดตั้งหลังคาโซลาร์ ณ คลังสินค้า Volvo Car Thailand Central Distribution & Training Center บางนา บนพื้นที่กว่า 23,331 ตารางเมตร ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นพื้นที่สำหรับเก็บชิ้นส่วนอะไหล่และอุปกรณ์ล้ำสมัย รวมถึงเป็นศูนย์บริการตรวจเช็ครถก่อนส่งมอบแก่ลูกค้า กำหนดแล้วเสร็จในเดือนเมษายน 2024
ประการที่สอง มุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศ บริษัทฯ วางแผนที่จะเปิดศูนย์บริการซ่อมตัวถังและสีมาตรฐานครบวงจร Volvo Certified Damage Repair Centre แห่งที่ 3 ที่วอลโว่วิภาวดี ในปีนี้ เพื่อการเข้าถึงและส่งมอบประสบการณ์การบริการที่สะดวกสบายแก่ลูกค้า
ประการที่สาม แผนจัดตั้งศูนย์ซ่อมและรีไซเคิลแบตเตอรี่ในประเทศ โดยเริ่มต้นด้วยโครงการ รีไซเคิลแบตเตอรี่ผ่านความร่วมมือกับ TES ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโซลูชันด้านเทคโนโลยีที่ยั่งยืนจากประเทศสิงคโปร์
โดยโครงการเหล่านี้ไม่เพียงมุ่งเน้นการสร้างความยั่งยืน แต่ยังมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องตลอดช่วงอายุการเป็นเจ้าของ (TCO) รถไฟฟ้าและรถ Plug-in Hybrid ของวอลโว่
ประการที่สี่ การเริ่มให้บริการซ่อมและบำรุงรักษารถไฟฟ้าแบบเคลื่อนที่ หรือโมบาย เซอร์วิสทั่วประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกและเข้าถึงลูกค้ามากยิ่งขึ้น ตามแผนเชิงกลยุทธ์โดย วอลโว่ ได้มีการพัฒนาซอฟต์แวร์ระบบหลังบ้านและระบบการให้บริการ อาทิ การวางแผนการเตรียมอะไหล่ การศึกษาเส้นทางต่างๆ ที่เชื่อมกับระบบการวิเคราะห์รถ การพัฒนาทักษาของบุคลากร การสื่อสาร ถือเป็นโปรแกรมแรกที่มาปรับใช้ในเอเชีย
โดยเริ่มมีการทดสอบระบบกับตัวแทนจำหน่ายที่มีความพร้อม ซึ่งคาดว่าจะสามารถให้บริการได้ในช่วงครึ่งปีหลังของ 2567 ใช้เวลาในการให้บริการลูกค้าได้เร็วขึ้น สามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีกับลูกค้า และสร้างกำไรให้ดีลเลอร์ได้ด้วยบิซิเนสโมเดลที่เหมาะสม
ประการที่ห้า ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์รุ่นไฟฟ้าเต็มรูปแบบอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นที่จะเป็นบริษัทที่จำหน่ายเพียงรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบในประเทศไทยภายในปี 2025 วอลโว่ได้วางแผนเปิดตัวรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่มาพร้อมสถาปัตยกรรมการออกแบบ และเทคโนโลยีประมวลผล คอร์ คอมพิวติ้ง (core computing) เจนเนเรชันล่าสุด เพื่อเสริมประสิทธิภาพการทำงาน และมอบความปลอดภัยแห่งอนาคตให้แก่ผู้ใช้รถ
โดยรถไฟฟ้ารุ่นที่จะเปิดตัวในปีนี้ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่กลุ่มผลิตภัณฑ์รถไฟฟ้าระดับพรีเมียมของวอลโว่ในปัจจุบันที่มีอยู่แล้วอย่าง Volvo XC40, C40 และ EX30 ให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเป็นบริษัทผู้จำหน่ายรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบ
ในส่วนของแผนปฏิบัติการเพื่อลดปัญหาสิ่งแวดล้อมทางสภาพอากาศ บริษัทฯ ก็ได้มีการประกาศเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (C02) โดยเฉลี่ยร้อยละ 70% ต่อคัน ภายในปี 2025