Sunday, November 24, 2024
MarTechNEWS

BUZZEBEES ประกาศแผนธุรกิจใหม่ สร้าง Ecosystem CRM & Digital Engagement ใหญ่ที่สุดใน Southeast Asia

BUZZEBEES ประกาศแผนธุรกิจใหม่ สร้าง Ecosystem CRM & Digital Engagement ใหญ่ที่สุดใน Southeast Asia หลังเติบโตต่อเนื่อง 11 ปี เดินหน้าบุกต่างประเทศเต็มรูปแบบ ปักหมุด ปี 2024 เข้า IPO ตลาดหลักทรัพย์

ริษัท บัซซี่บีส์ จำกัด (BUZZEBEES) ผู้ให้บริการ CRM & Digital Engagement Platform ในประเทศไทย ตั้งเป้าปี 2023 เติบโตแบบก้าวกระโดดสู่รายได้ 3,400 ล้านบาท ปักหมุด เข้า IPO ตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) ภายในปี 2024

เดินหน้าขยายกิจการบุกตลาดต่างประเทศอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมประกาศรุกแผนธุรกิจใหม่กับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อเสริมแกร่ง Ecosystem ในธุรกิจ CRM & Digital Engagement เพื่อขึ้นแท่นก้าวสู่การเป็น Ecosystem-Driven MarTech ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สร้าง Digital Infrastructure) ผ่าน 4 ธุรกิจหลัก

ไมเคิล เชน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง BUZZEBEES กล่าวถึงวิสัยทัศน์ของ BUZZEBEES ว่า “BUZZEBEES มีวิสัยทัศน์ตั้งแต่ตั้งบริษัทเมื่อ 11 ปีที่แล้วคือ CONNECTING THE WORLD เราต้องการเชื่อมธุรกิจทุกขนาดให้เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน”

“และมีเป้าหมายที่จะสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจ ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งในวันนี้ BUZZEBEES ไม่ใช่แค่บริษัทด้าน Loyalty Platform แต่ BUZZEBEES เป็นธุรกิจที่สร้างโครงสร้างพื้นฐานในโลกดิจิทัล (Digital Infrastructure) ผ่าน 4 ธุรกิจหลัก

ได้แก่ 1. ธุรกิจพัฒนาแพลตฟอร์มบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM & Loyalty Platform) 2.ธุรกิจจัดหาของรางวัลและสิทธิพิเศษ (Rewards & Privileges Management) 3. ธุรกิจบริการอีคอมเมิร์ซอย่างครบวงจร (E-Commerce Service) และ

4. ธุรกิจบริการระบบจัดการร้านค้าและการรับชำระเงิน (Retail Solution & E-Payment) โดยทุกบริการครอบคลุมใน 6 ประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และล่าสุด ฮ่องกง โดยดูแลแพลตฟอร์มพันธมิตรกว่า 1,200 แพลตฟอร์ม และมีผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์มกว่า 145 ล้านบัญชี

BUZZEBEES_เป็นตัวกลางที่เชื่อมต่อแบรนด์ต่างๆ ให้สามารถเป็นพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกัน (Partnership Network) อาทิ เปิดตัว ShopDD (ช้อปดีดี) แพลตฟอร์ม B2B Marketplace ขนาดใหญ่ที่เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกให้กับร้านค้าและแฟรนไชส์ทั่วประเทศได้ช้อปสินค้าราคาพิเศษ และเปิดตัว mePoint (มีพ้อยต์) นวัตกรรม PAY-WITH-POINT (จ่ายเงินด้วยแต้ม)

โดยเปลี่ยนคะแนนสะสมจากบัตรเครดิตและ Loyalty Program ให้เป็นส่วนลดในการใช้จ่ายให้กับร้านค้าพันธมิตรที่ร่วมรายการ ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับคะแนนสะสมให้มีความหลากหลาย ซึ่งจะเป็นอีกธุรกิจที่ช่วยลูกค้าให้เติบโตในโลกดิจิทัลได้อย่างครบวงจร เสริมแกร่ง Ecosystem-Driven MarTech ได้อย่างสมบูรณ์”

ตั้งเป้าการเติบโต 3,400 ล้านบาท
ณัฐธิดา สงวนสิน กรรมการผู้จัดการและผู้ร่วมก่อตั้ง_BUZZEBEES

ณัฐธิดา สงวนสิน กรรมการผู้จัดการและผู้ร่วมก่อตั้ง_BUZZEBEES กล่าวถึงผลการดำเนินงานว่า “บริษัทมียอดเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอด 10 ปีที่ผ่านมา โดยในปี 2020 – 2022 มีรายได้อยู่ที่ 921 ล้านบาท, 1,142 ล้านบาท และ 1,751 ล้านบาทตามลำดับ”

“ซึ่งในปี 2023 นี้ตั้งเป้าการเติบโตกว่าเท่าตัวอยู่ที่ 3,400 ล้านบาท โดยมีแผนที่จะขยายตลาดด้าน CRM & Digital Engagement ให้ครอบคลุมในต่างประเทศมากขึ้น”

โดยล่าสุดได้มีการซื้อกิจการ BenePanda ในฮ่องกง เพื่อมุ่งขยายโมเดลการพัฒนาโซลูชันด้าน Employee Benefits & Wellness Platform ในกลุ่มพนักงานทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศ ซึ่งเป็นการขยายกลุ่มเป้าหมายใหม่จากเดิมที่มุ่งเน้นกลุ่มผู้บริโภคในด้าน Loyalty Platform ของพันธมิตรเป็นหลัก

สำหรับการซื้อกิจการครั้งนี้ จะทำให้_BUZZEBEES สามารถสร้างเครือข่ายด้าน Ecosystem-Driven MarTech ในต่างประเทศได้อย่างแข็งแกร่งและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

สำหรับกลยุทธ์แผนธุรกิจใหม่ในปีนี้_BUZZEBEES ได้พัฒนาโมเดลทางพันธมิตรธุรกิจรูปแบบใหม่โดยเน้นการทำ Productization มากยิ่งขึ้นเพื่อเจาะตลาดกลุ่ม B2B Technology Implementor & Digital Agency ผ่านการเปิดให้พันธมิตรเหล่านี้เข้าถึงโซลูชันของ_BUZZEBEES เพื่อนำไปให้บริการกับกลุ่มลูกค้าของตัวเอง โดยเร่งเปิดรับพันธมิตรรายใหม่ๆ เพื่อร่วมกันผลักดันให้ธุรกิจเติบโตไปพร้อมๆ กัน

ณัฐธิดา กล่าวปิดท้ายว่า ทุกวันนี้ BUZZEBEES_ไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยในปี 2022 ที่ผ่านมา เราสามารถรักษาฐานลูกค้าเดิม ที่ใช้บริการ_BUZZEBEES ได้มากกว่า 90% พาร์ตเนอร์ร้านค้าด้าน Rewards & Privileges มีจำนวนมากกว่า 30,000 ร้านค้า และบริการ Online Marketing โตกว่า 700%

ทั้งนี้ BUZZEBEES_มั่นใจว่าหลังจากที่ได้เข้า IPO ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ภายในปี 2027 จะมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท