“บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต รายงานผลการดำเนินธุรกิจไตรมาส 1 ปี 2566 เติบโตแข็งแกร่ง เบี้ยประกันภัยรับปีแรกเติบโตสูงสุดในรอบหลายปีถึง 21% สะท้อนความแข็งแกร่งของช่องทางการขาย ความเป็นมืออาชีพของตัวแทน การดำเนินกลยุทธ์ธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ พร้อมเร่งเครื่องเดินหน้าต่อดันธุรกิจเติบโตพิชิตเป้าเบี้ยประกันภัยรับรวม 3.77 หมื่นล้านบาทในสิ้นปีนี้
มร.โทมัส วิลสัน กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เปิดเผยว่า “อลิอันซ์ อยุธยา เริ่มต้นปี 2566 ได้อย่างสดใสมาก ด้วยผลประกอบการไตรมาส 1/2566 มีผลงานเบี้ยประกันภัยรับรวมที่ 8,696 ล้านบาท เติบโตที่ 8% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่เบี้ยประกันภัยรับปีแรกเติบโต 21% อยู่ที่ 1,796 ล้านบาท โดยมาจากช่องทางตัวแทน 711 ล้านบาท เติบโต 33% ช่องทางขายผ่านธนาคาร 637 ล้านบาท เติบโต 23% ในขณะที่ ช่องทางขายตรง 358 ล้านบาท เติบโต 6%
จากตัวเลขการเติบโตที่แข็งแกร่งในทุกช่องทาง ไม่เพียงพิสูจน์ความสำเร็จของกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ แต่ยังสะท้อนถึงความสำเร็จในการมุ่งมั่นพัฒนาคน โดยเฉพาะตัวแทนฝ่ายขายของบริษัท ที่ได้รับการอบรมที่มีคุณภาพ มีการจัดกิจกรรมการแข่งขันที่สร้างขวัญกำลังใจ สร้างความฮึกเหิมในการขาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา บริษัทมีโครงการ “The Franchise Builder” กิจกรรมที่ช่วยสร้างทีมงานใหม่ สร้างการ recruitment ที่มีคุณภาพ และกระตุ้นให้เกิดการขาย ทำให้ช่องทางตัวแทนสามารถสร้างเบี้ยประกันรับปีแรกได้เติบโตสูงสุดของไตรมาส 1 ในรอบหลายปี”
“เราภาคภูมิใจกับผลงานที่ดีเยี่ยมในไตรมาส 1 นี้ ด้วยศักยภาพของทีมงานทุกฝ่าย เรามั่นใจว่าจะสามารถผลักดันให้ อลิอันซ์ อยุธยา สามารถเติบโตธุรกิจได้อย่างแข็งแกร่ง สามารถพิชิตยอดเบี้ยประกันรับรวม 3.77 หมื่นล้านบาท เบี้ยประกันภัยรับปีแรก 7.7 พันล้านบาท ก้าวสู่การเป็นผู้นำบริษัทประกันชีวิตของไทยได้อย่างมั่นคง” มร.โทมัส กล่าวเพิ่ม
ขณะเดียวกัน กลุ่มอลิอันซ์ ผู้ถือหุ้นหลักของ บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ได้รายงานผลประกอบการไตรมาสแรก 2566 รายได้รวมเพิ่มขึ้น 3.9% เป็น 4.60 หมื่นล้านยูโร โดยได้แรงหนุนจากกลุ่มธุรกิจประกันภัยทรัพย์สินและเบ็ดเตล็ด ซึ่งได้รับแรงหนุนจากราคาและปริมาณที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีผลกระทบจากปริมาณธุรกิจที่ลดลงในกลุ่มธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพ
โดยส่วนใหญ่มาจากปริมาณของการชำระเบี้ยประกันแบบครั้งเดียวที่ลดลง และการลดลงของรายได้จากสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AuM) ในส่วนธุรกิจการจัดการสินทรัพย์ กำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 24.2% เป็น 3.7 พันล้านยูโร (ไตรมาส 1 ปี 2565 อยู่ที่ 3.0 พันล้านยูโร) เนื่องจากผลประกอบการที่สูงขึ้นของการดำเนินงานในสหรัฐอเมริกาในกลุ่มธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพ รวมถึงบริการประกันภัยที่แข็งแกร่งในกลุ่มธุรกิจประกันทรัพย์สินและเบ็ดเตล็ด
อัตราส่วนเงินกองทุนเพื่อความมั่นคง (Solvency II Capitalization) อยู่ที่ 206% ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ของปี 2565 เทียบกับ 201% ณ สิ้นไตรมาสที่ 4 ปีของ 2565 เมื่อนำมาตรการเปลี่ยนผ่านสำหรับข้อกำหนดทางเทคนิคมาพิจารณาร่วมด้วย อัตราส่วนเงินกองทุนเพื่อความมั่นคง (Solvency II Capitalization) จะอยู่ที่ 232% ณ สิ้นไตรมาสแรกของปี 2566 เทียบกับ 230% ณ สิ้นปี 2565
มร.โอลิเวอร์ เบเทอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มอลิอันซ์ กล่าวว่า “เราภูมิใจกับผลกำไรจากการดำเนินงานที่สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง ทักษะ และการดำเนินการตามกลยุทธ์อย่างสม่ำเสมอของเรา นี่เป็นอีกครั้งที่เราได้รับอานิสงส์จากส่วนผสมทางธุรกิจที่หลากหลาย เรามีการดำเนินงานที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมากในกลุ่มประกันภัยทรัพย์สินและเบ็ดเตล็ดจากการตั้งราคาที่ดี การรักษาวินัยการรับประกันภัยอย่างต่อเนื่อง
และการมุ่งเพิ่มผลผลิตให้มากยิ่งขึ้น การทำกำไรอย่างแข็งแกร่งของเราและการใช้ประโยชน์จากเงินทุน แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการเป็นพันธมิตรที่น่าเชื่อถือที่ลูกค้าสามารถสร้างหลักประกันอนาคตที่มั่นคงด้วยได้ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงและความไม่แน่นอน”