Sunday, November 24, 2024
ArticlesESGSustainabilityTechnology

10 เทรนด์ผู้บริโภค สำหรับการใช้ชีวิตท่ามกลาง Climate Impacted

Climate Impacted

อีริคสันเปิดผลการวิจัยประจำปีล่าสุด 10 เทรนด์ผู้บริโภค ชีวิตในอนาคตท่าม Climate Impacted นวัตกรรมและเทคโนโลยีจะมีบทบาทสำคัญเพื่อรับมือความท้าทาย ผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต วิธีการทำงานและเวลาที่ต้องทำงาน

ลการวิจัยประจำปีล่าสุด 10 Hot Consumer Trends จาก Ericsson ConsumerLab ซึ่งในปีนี้ให้ชื่อเรียกว่า Life in a Climate-Impacted Future (ชีวิตในโลกอนาคตที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ) ซึ่งเผยแพร่ในเดือนนี้ ได้ให้ภาพรวมของข้อกังวล ความคาดหวังของผู้บริโภค ตลอดจนความคิดเห็นในการใช้เทคโนโลยีส่วนบุคคลสำหรับรับมือกับปัญหาด้านสภาพอากาศในปี ค.ศ.2030

ประมาณ 99% ของกลุ่มผู้นำกระแสด้านเทคโนโลยีทั่วโลกกว่า 15,000 ราย กล่าวว่า ภายในปี ค.ศ.2030 การใช้อินเทอร์เน็ตและโซลูชันการเชื่อมต่อจะเป็นแบบเชิงรุก ที่แต่ละคนจะรับมือกับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพภูมิอากาศและภาวะโลกร้อนที่เจาะจงมากขึ้น

83% ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าอุณหภูมิโลกจะเพิ่มสูงขึ้นอีก 1.5 องศาเซลเซียสหรือสูงกว่านั้น (สูงกว่าระดับก่อนยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม) ซึ่งเกินขีดจำกัดตามข้อตกลงระหว่างประเทศ อันทำให้เกิดสภาวะอากาศแบบสุดขั้วและมีแนวโน้มสร้างผลกระทบเชิงลบ

55% ของผู้ใช้ในกลุ่ม Early Adopters ในเขตเมืองใหญ่ เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศส่งผลเสียต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขา และเตรียมมุ่งไปใช้โซลูชันการเชื่อมต่อต่างๆ เป็นมาตรการรับมือ

ข้อกังวลหลักๆ ของผู้บริโภค ได้แก่ ค่าครองชีพ การเข้าถึงแหล่งพลังงานและทรัพยากร รวมถึงความต้องการการเชื่อมต่อที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ในเวลาที่เกิดความปั่นป่วนและสภาพอากาศแปรปรวน โดย 59% เชื่อว่า ในช่วงทศวรรษ 2030 นวัตกรรมและเทคโนโลยีจะมีความสำคัญอย่างยิ่งเพื่อรับมือกับความท้าทายในชีวิตประจำวันที่มาจากผลการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

ผู้ใช้ AR VR และระบบ Digital Assistances (เช่น ระบบการสั่งงานด้วยเสียง และจะทำให้อุปกรณ์ต่างๆ ที่มีอยู่เชื่อมโยงกันหมด และก็จะมีการเก็บข้อมูลของผู้ใช้มาตลอดเวลา) กลุ่มผู้นำกระแสกว่า 15,000 รายใน 30 เมืองทั่วโลก ได้รับการสอบถามเพื่อประเมินถึงแนวคิดของบริการดิจิทัล 120 รายการ ครอบคลุม 15 ด้าน ตั้งแต่ความพยายามปรับตัวในการใช้ชีวิตประจำวันที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศ ไปจนถึงวิธีการรับมือกับเหตุการณ์สภาพอากาศอันเลวร้าย

ผู้เชี่ยวชาญของ Ericsson ConsumerLab ได้รวบรวมข้อมูลและสรุปเป็น 10 เทรนด์มาแรงของผู้บริโภค

1. Cost Cutters

บริการดิจิทัลจะช่วยให้ผู้บริโภคควบคุมค่าอาหาร พลังงาน และค่าเดินทางในสถานการณ์สภาพอากาศที่ไม่แน่นอน มากกว่า 60% ของกลุ่มผู้นำกระแสในเขตเมืองแสดงความกังวลเกี่ยวกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นในอนาคต

2. Unbroken Connections

การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่เชื่อถือได้และมีความยืดหยุ่นจะมีความสำคัญมากขึ้นหากและเมื่อมีเหตุการณ์สภาพอากาศรุนแรงเพิ่มขึ้น โดย 80% ของกลุ่มผู้นำกระแสในเขตเมืองเชื่อว่าหากเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติจะมีตัวระบุตำแหน่งสัญญาณอัจฉริยะที่แสดงพื้นที่ครอบคลุมอย่างเหมาะสมในทศวรรษ 2030

 3. No-Rush Mobility

ตารางเวลาที่เคร่งครัดอาจกลายเป็นเรื่องของเมื่อวานนี้ เมื่อความหมายของความยืดหยุ่นเปลี่ยนไปอันเนื่องมาจากกฎระเบียบด้านสภาพอากาศและประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ประมาณ 68% ของผู้ตอบแบบสำรวจจะวางแผนกิจกรรมโดยใช้ตัวกำหนดตารางเวลาที่เพิ่มประสิทธิภาพตามต้นทุนด้านพลังงาน ไม่ใช่ประสิทธิภาพด้านเวลา

4. S(AI)fekeepers

คาดว่า AI จะเป็นขุมพลังสำคัญให้กับบริการที่คอยปกป้องผู้บริโภคในช่วงที่สภาพอากาศแปรปรวนและคาดการณ์ไม่ได้เพิ่มขึ้น โดยเกือบครึ่งหนึ่งของกลุ่มผู้นำกระแสในเขตเมืองกล่าวว่า พวกเขาจะใช้ระบบเตือนภัยสภาพอากาศส่วนบุคคลเพื่อความปลอดภัยของตนเอง

5. New Working Climate

ข้อจำกัดด้านคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร ต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และการเปลี่ยนแปลงสู่ระบบดิจิทัลที่เร่งตัวขึ้นจะกำหนดรูปแบบกิจวัตรการทำงานในอนาคต เจ็ดในสิบคนคาดว่าผู้ช่วย AI ของบริษัทจะวางแผนการเดินทาง กำหนดภาระงาน และทรัพยากรต่างๆ เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน

6. Smart Water

เนื่องจากน้ำจืดในทศวรรษ 2030 อาจเป็นของหายากขึ้น ผู้บริโภคจึงคาดหวังบริการน้ำที่มีความอัจฉริยะเพื่อเก็บและนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ เกือบครึ่งหนึ่งของกลุ่มผู้นำกระแสในเมืองกล่าวว่าจะใช้เครื่องดักจับน้ำอัจฉริยะบนหลังคา ระเบียง และหน้าต่างที่เมื่อฝนตกก็เปิดเพื่อเก็บกักและทำความสะอาดน้ำฝน

7. The Enerconomy

บริการแบ่งปันพลังงานแบบดิจิทัลอาจช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่สูงขึ้นในทศวรรษ 2030 พลังงานอาจกลายเป็นสกุลเงินได้ เนื่องจาก 65% ของกลุ่มผู้นำกระแสในเมืองคาดว่าผู้บริโภคจะสามารถชำระค่าสินค้าและบริการเป็นหน่วยกิโลวัตต์/ชั่วโมง โดยใช้แอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่

8. Less is more digital

การเปลี่ยนไปใช้ผลิตภัณฑ์ดิจิทัลอาจกลายเป็นเครื่องหมายแสดงสถานะ เนื่องจากการบริโภคผลิตภัณฑ์ที่เป็นวัตถุมากเกินความจำเป็น อาจทำให้ต้องเผชิญกับราคาแพงและถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสังคม พฤติกรรมลดการบริโภคผลิตภัณฑ์ที่เป็นวัตถุจะเร่งขยายตัวขึ้น เนื่องจากหนึ่งในสามของกลุ่มผู้นำกระแสในเมืองเชื่อว่าโดยส่วนตัวแล้วพวกเขาจะใช้แอปช็อปปิ้งที่แนะนำทางเลือกดิจิทัลแทนผลิตภัณฑ์ที่จับต้องได้

9. Natureverse

การสัมผัสธรรมชาติในเมืองโดยไม่ต้องเดินทางอาจเป็นเรื่องปกติในยุค 2030 เมื่อต้องอยู่กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างต่อเนื่องและข้อจำกัดด้านการเดินทางที่อาจเกิดขึ้น สี่ในสิบของกลุ่มผู้นำกระแสในเมืองต้องการใช้บริการการเดินทางเสมือนจริงที่ช่วยให้พวกเขาได้สัมผัสกับเขตอนุรักษ์ธรรมชาติและเส้นทางบนภูเขาแบบเรียลไทม์ ประหนึ่งว่าพวกเขาได้อยู่ตรงนั้นเอง

10. Climate Cheaters

ผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่าผู้บริโภคจะหาทางหลีกเลี่ยงความเข้มงวดของข้อจำกัดด้านสิ่งแวดล้อม เนื่องจากราคาที่สูงขึ้นและการปันส่วนพลังงานและน้ำ กว่าครึ่งของกลุ่มผู้นำกระแสในเมืองคาดว่าแอปแฮ็คออนไลน์จะช่วยให้พวกเขาลักน้ำประปาหรือไฟฟ้าของเพื่อนบ้านมาใช้แบบผิดกฎหมาย