Sunday, November 24, 2024
NEWS

เอไอเอส เตือน! อย่าหลงลืม E-Waste เล็กๆ รอบตัวที่ไม่ได้ใช้แล้ว

เอไอเอสขอเชิญชวนคนไทยมองหา E-Waste เล็กๆ และนำไปทิ้งได้ที่จุดรับทิ้ง ณ AIS Shop และพาร์ทเนอร์กว่า 2,400 จุดทั่วประเทศ หรือ จะฝากทิ้งกับพี่ไปรษณีย์ หรือ ไปรษณีย์ไทยสาขาใกล้บ้าน เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนรีไซเคิลตามกระบวนการ Zero Landfill  

สายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าฝ่ายงานประชาสัมพันธ์ เอไอเอส

นื่องในวันขยะอิเล็กทรอนิกส์สากล หรือ International E-Waste Day 2022 ซึ่งปีนี้ชูแนวคิด Recycle it all, no matter how small! เก็บขยะ E-Waste ชิ้นเล็กๆใกล้ตัวคุณไปรีไซเคิลอย่างถูกวิธี เพื่อความปลอดภัยของเรา และเพื่อดูแลสิ่งแวดล้อมของโลกใบนี้อย่างยั่งยืน

เอไอเอสจึงขอเชิญชวนคนไทยมองหา E-Waste เล็กๆ และนำไปทิ้งได้ที่จุดรับทิ้ง ณ AIS Shop และพาร์ทเนอร์กว่า 2,400 จุดทั่วประเทศ หรือ จะฝากทิ้งกับพี่ไปรษณีย์ หรือ ไปรษณีย์ไทยสาขาใกล้บ้าน เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนรีไซเคิลตามกระบวนการ Zero Landfill

วันขยะอิเล็กทรอนิกส์สากล หรือ International E-Waste Day เริ่มตั้งแต่ 14 เมษายน ปี 2002 เพื่อรณรงค์และสร้างการตระหนักรู้ พร้อมการมีส่วนร่วมในการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Waste ที่นับวันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากการมาถึงของเทคโนโลยีดิจิทัล

ทั้งนี้จากข้อมูลขององค์การสหประชาชาติ พบว่า ทั่วโลกสร้าง E-Waste ขนาดเล็กแล้วกว่า 22 ล้านตันในปี 2019 คิดเป็นประมาณ 40% ของ E-Wasteทั้งหมดที่ผลิตทั่วโลก และหากปริมาณของ E-Waste เล็กๆ เหล่านี้ยังคงเพิ่มขึ้นในอัตราเดียวกับ E-Waste ทั้งหมดที่โตราว 3% ต่อปี ก็จะเป็นตัวเลขถึง 29 ล้านตันภายในปี 2573 ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงกับการเพิ่มขึ้นของมลพิษหากไม่ถูกนำไปรีไซเคิลอย่างถูกวิธีตามมาตรฐานสากล

สายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าฝ่ายงานประชาสัมพันธ์ เอไอเอส กล่าวว่า “นอกเหนือจากความมุ่งมั่นในการพัฒนาบริการดิจิทัลเพื่อสนับสนุนการใช้ชีวิตของคนไทยแล้ว เรายังมีเป้าหมายในการยกระดับคุณภาพชีวิตด้านสิ่งแวดล้อมของคนไทย โดยเป็นแกนนำในการกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์  E-Waste พร้อมสร้างการรับรู้เกี่ยวกับปัญหา ผลกระทบและวิธีการแยก E-Waste อย่างถูกวิธีและยั่งยืน โดยพบว่าปัจจุบันมีค่าเฉลี่ยในการครอบครอง E-Waste ขนาดเล็ก เช่น โทรศัพท์มือถือ สายชาร์จ หูฟัง ที่มักถูกทิ้งไว้ในบริเวณต่างๆ ของบ้าน มากถึง 5 กก. ต่อคน และมีแต่จะเพิ่มปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ ตามอัตราการเติบโตของดิจิทัล ซึ่งแน่นอนว่าจะนำมาซึ่งมลพิษต่อคนในครอบครัวและสิ่งแวดล้อม หากไม่มีกระบวนการรีไซเคิลอย่างถูกวิธี”

“ดังนั้น โครงการ “คนไทยไร้ E-waste” จากจุดเริ่มต้นในปลายปี 2019 – 2022 ที่ได้ร่วมกับพันธมิตรกว่า 142 องค์กรเพื่อรวบรวมขยะอิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่การกำจัดอย่างถูกวิธีและยั่งยืน ที่ปัจจุบันได้ร่วมกันเก็บ E-Waste ได้แล้วถึง 351,300 ชิ้น ช่วยลดก๊าซเรือนกระจกได้ 3,513,000 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์ หรือเทียบเท่าต้นไม้ขนาดใหญ่ 390,333 ต้น

พร้อมตั้งเป้าว่า ภายในปี 2023 เราจะนำขยะอิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลอย่างถูกวิธีให้ได้ถึง 500,000 ชิ้น จึงขอเป็นตัวแทนคนไทยเชิญชวนให้นำ E-Waste ขนาดเล็ก 4 ประเภท ได้แก่ 1.มือถือ/แท็บเล็ต 2.สายชาร์จ 3.หูฟัง 4.แบตเตอรี่มือถือ  มาทิ้งได้ที่

  • AIS shop และพันธมิตรทั่วประเทศกว่า 142 องค์กร ที่มีจุดรับทิ้งจำนวนกว่า 2,400 จุด
  • ฝากทิ้ง E-Waste กับพี่ไปรษณีย์ ที่พร้อมมารับถึงหน้าบ้าน หรือทิ้งได้ที่ไปรษณีย์ไทยสาขาใกล้บ้าน ฟรี

“เพราะ E-Waste คือขยะอันตราย ถ้าทิ้งไม่ถูกที่ และกำจัดอย่างไม่ถูกวิธี ก็จะส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม และสุขภาพ ทั้งของเราและบุตรหลานได้ ทั้งนี้การทิ้งให้ถูกที่ และเข้าสู่กระบวนการกำจัดอย่างถูกวิธี จะทำให้ E-Waste สามารถกลับมาสร้างประโยชน์ หลังผ่านการรีไซเคิลออกมาเป็นวัตถุดิบต่างๆ

เช่น เงิน ทอง ทองแดง พลาสติก ตะกั่ว อันจะสามารถนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ชิ้นใหม่ ลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งลดการฝังกลบที่จะเป็นมลพิษต่อโลกในระยะยาวอีกด้วย” สายชล กล่าวย้ำ