“Robinhood” เตรียมลุยธุรกิจ “แพลตฟอร์มเรียกรถ” เต็มสูบ หลังได้รับการรับรองจากกรมขนส่งฯ เป็นที่เรียบร้อย คาดสามารถเปิดให้บริการ “Robinhood Ride” ปลายปี 2565
“Robinhood” (โรบินฮู้ด) แพลตฟอร์มเพื่อคนตัวเล็ก พร้อมเดินหน้าลุยบริการแพลตฟอร์มเรียกรถ (Transportation Platform) เต็มที่ หลังได้รับจดหมายรับรองจากกรมการขนส่งทางบก ให้ Robinhood สามารถให้บริการเรียกรถยนต์รับจ้างผ่านแอปพลิเคชันได้อย่างถูกกฎหมาย
มุ่งหวังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้บริโภค ด้วยค่าบริการที่โปร่งใส อุ่นใจทุกการเดินทาง รวมถึงการสร้างงาน และเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ที่เป็นธรรมให้กับกลุ่มคนขับ ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อและค่าครองชีพที่ดีดตัวสูงขึ้นในปัจจุบัน คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการ “Robinhood Ride” ภายในไตรมาสสุดท้ายของปี 2565
สีหนาท ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด ผู้พัฒนาและให้บริการ “Robinhood” กล่าวว่า “เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบกอนุญาตให้ Robinhood สามารถให้บริการแพลตฟอร์มเรียกรถ (Transportation Platform) หรือ บริการรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เป็นที่เรียบร้อย
ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยให้เราสามารถเดินหน้าลุยบริการใหม่ภายใต้ชื่อ “Robinhood Ride” ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งขณะนี้เรากำลังพัฒนาแพลตฟอร์มทั้งในส่วนของลูกค้า และคนขับ หรือ Driver คืบหน้าไปแล้วกว่า 80% โดยมีแพลนที่จะเปิดรับสมัครคนขับและรถยนต์
ทั้งในส่วนที่เป็นรถแท็กซี่และรถยนต์ส่วนบุคคลที่จดทะเบียนเป็นรถรับจ้างสาธารณะเรียบร้อยแล้ว เพื่อเข้าร่วมแพลตฟอร์มของเราประมาณเดือนตุลาคม 2565 และคาดว่าจะสามารถเริ่มเปิดทดลองให้บริการ “Robinhood Ride” ได้ประมาณปลายปีนี้”
“ด้วยจุดยืนของ Robinhood ในการเป็นแพลตฟอร์มเพื่อคนตัวเล็ก เรามุ่งหวังให้บริการ “Robinhood Ride” มีส่วนช่วยในการสร้างงาน สร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้นให้กับกลุ่มคนขับ ให้สามารถดูแลตนเองและครอบครัวได้ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อและค่าครองชีพที่สูงขึ้น
รวมทั้งมุ่งหวังให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเดินทางสำหรับลูกค้า บนพื้นฐานของค่าบริการที่โปร่งใส และบริการที่สุภาพซึ่งเป็นจุดเด่นของแพลตฟอร์มเรา
ซึ่งบริการแพลตฟอร์มเรียกรถ (Transportation Platform) นี้นับเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานในการสร้างการเติบโตของธุรกิจผ่านการสร้างบริการที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของลูกค้าในยุคดิจิทัล ก่อนต่อยอดขยายสู่บริการอื่นๆ ต่อไปในอนาคตเพื่อปูทางสู่การเป็น “Super App สัญชาติไทย” ที่สามารถแข่งขันและเติบโตได้ในระดับภูมิภาคต่อไป (Regional Player)” สีหนาท กล่าวเสริม