เปิดตัวแอป Dime! มุ่งปฏิวัติทุกข้อจำกัดของการออมและการลงทุน ประเดิมด้วยบัญชีเงินฝากดอกเบี้ย 3% และบัญชีลงทุนหุ้นต่างประเทศขั้นต่ำเพียง 50 บาท
บริษัท หลักทรัพย์ เคเคพี ไดม์ จำกัด (KKP Dime) บริษัทในกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร โดย กัมพล จันทวิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดตัว “Dime!” (ไดม์) แอปพลิเคชันที่มุ่งปฏิวัติทุกข้อจำกัดของการออมและการลงทุน ไม่ว่าด้านความรู้หรือรายได้ ประเดิมด้วยบริการหลัก 3 ด้าน
ได้แก่ 1. บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงสุด 3% ไม่มีขั้นต่ำ 2. บัญชีหลักทรัพย์ต่างประเทศ ที่เปิดโอกาสให้ลงทุนในหุ้นต่างประเทศได้โดยใช้เงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 50 บาท โดยคิดค่าธรรมเนียมตามจริง ไม่มีขั้นต่ำ ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง และ 3. บัญชีกองทุนรวม ที่ซื้อขายกองทุนรวมได้จากทุก บลจ. รวมกว่า 1,700 กอง พร้อมคำแนะนำตรงตามสไตล์ผู้ใช้ ปักหมุดการเป็นบริษัทเทคฯ สตาร์ตอัปที่ใช้เทคโนโลยีและดาต้าขับเคลื่อนการบริการในทุกจุด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุนของผู้ใช้บริการ หวังช่วยบรรเทาปัญหาความเหลื่อมล้ำให้คนไทยเข้าถึงบริการทางการเงินได้มากขึ้น
กัมพล จันทวิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท หลักทรัพย์ เคเคพี ไดม์ จำกัด กล่าวว่า แอปพลิเคชัน Dime! เกิดจากวิสัยทัศน์ที่ต้องการให้คนไทยเข้าถึงบริการทางการเงินได้มากขึ้น เพราะแม้ปัจจุบันมีคนไทยมากกว่า 50 ล้านคนที่มีบัญชีเงินฝาก จากประชากร 70 ล้านคน ซึ่งอาจดูเหมือนสูง แต่การเข้าถึงบริการทางการเงินอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เงินฝากยังน้อยมาก เช่น มีคนเพียงแค่ 3 ล้านคนที่มีบัญชีหุ้นไทย และมีเพียง 1.5 ล้านคนเท่านั้นที่มีบัญชีกองทุนรวม
แตกต่างจากประชากรในประเทศอย่างสหรัฐฯ หรือสิงคโปร์ที่ประชากรมากกว่า 50% มีบัญชีลงทุนหุ้น หรือแม้แต่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม ที่เพิ่งเปิดตลาดหุ้นได้ไม่นาน ปัจจุบันก็มีจำนวนคนที่มีบัญชีลงทุนหุ้นมากกว่าประเทศไทย โดยจากข้อมูลของ IMF แสดงให้เห็นว่าประเทศที่มีการเข้าถึงบริการทางการเงินที่ครอบคลุมหลากหลายจะมีความเหลื่อมล้ำน้อยกว่าประเทศอื่นอย่างชัดเจน
“คนไทยกว่า 75% เก็บออมความมั่งคั่งในรูปของเงินสด มีเพียง 3% เท่านั้นที่รักษาความมั่งคั่งในรูปของการลงทุน โดยพบว่าสาเหตุหลักที่คนไทยไม่นิยมออมเงินด้วยการลงทุนมาจาก หนึ่ง ความรู้ความเข้าใจเรื่องการลงทุนยังมีช่องว่าง และสอง การให้บริการด้านการลงทุนมีต้นทุนสูง ดังนั้น หากผู้ให้บริการผลักภาระต้นทุนนี้ไปที่ผู้บริโภค ค่าใช้จ่ายที่สูงอาจทำให้ผู้บริโภคบางกลุ่มเลือกที่จะไม่ลงทุน Dime! จึงเกิดขึ้นมาเพื่อขจัดอุปสรรคสองข้อนี้
โดยมุ่งใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีมาสร้างธุรกิจการเงินดิจิทัลที่น่าเชื่อถือที่สุด แต่ในขณะเดียวก็เข้าถึงได้ง่าย ด้วยค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด เพื่อที่ว่าทุกคนจะสามารถเข้าถึงโอกาสทางการเงิน โดยไม่ถูกจำกัดด้วยความรู้ ประสบการณ์ ความมั่งคั่ง หรือรายได้ เราเชื่อว่าบริการของ Dime! จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำที่กำลังเป็นปัญหาสำคัญของประเทศ” กัมพลกล่าว
ด้าน ดร.ฉัตริน ลักษณบุญส่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านผลิตภัณฑ์ กล่าวว่า “ปัญหาสำคัญสำหรับผู้ที่อยากลงทุน คือ การเข้าถึงข้อมูล เพราะข้อมูลเบื้องลึกที่ใช้สำหรับตัดสินใจลงทุนมักมาพร้อมค่าใช้จ่าย แต่สำหรับแอปพลิเคชัน Dime! ตั้งแต่วินาทีแรกที่ดาวน์โหลด ลูกค้าทุกคนสามารถดูข้อมูลหุ้นต่างประเทศ ดูข้อมูลกองทุนรวมทุกชนิด รวมถึงอ่านบทความที่ให้ความรู้ทางการเงินได้ฟรีทันที นอกจากนี้ Dime! ยังทำให้การเงินเป็นเรื่องง่ายที่สุดสำหรับทุกคน
โดยลดขั้นตอนการเปิดบัญชีให้ลูกค้าสามารถเปิดทั้งบัญชีด้านการออม และบัญชีด้านการลงทุนพร้อมกันได้ในครั้งเดียว แม้กระทั่งการลงทุนในหุ้นต่างประเทศ ซึ่งปกติสำหรับผู้ลงทุนรายย่อย มักบังคับจำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำที่สูง และมีภาระค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่าย และการทำเอกสารหลายขั้นตอน Dime! ยังช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าลงทุนในหุ้นต่างประเทศได้ด้วยเงินบาท และกำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 50 บาทเท่านั้น ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดในตลาดขณะนี้”
นอกจากนั้น ดร.ฉัตริน ยังให้รายละเอียดเกี่ยวกับสำหรับการจัดการและการให้บริการของแอปพลิเคชัน Dime! ซึ่งจะดำเนินการผ่านระบบดิจิทัลทั้งหมด รวมถึงการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยในระยะเริ่มต้น บริการหลักซึ่งลูกค้าจะได้ครบทุกบริการในทันทีที่ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน มีดังนี้
1. บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ Dime! Save บัญชีเงินฝากซึ่ง Dime! ร่วมมือกับธนาคารเกียรตินาคินภัทร ให้ดอกเบี้ยสูงสุดถึง 3% ไม่มีขั้นต่ำในการเปิดบัญชี โดยลูกค้าสามารถฝากเงินหรือโอนเงินได้โดยยืดหยุ่น และไม่มีเงื่อนไขมากเหมือนบัญชีฝากประจำ นอกจากนั้น ยังแอปพลิเคชันยังมีลูกเล่นให้ลูกค้าสามารถตกแต่งสลิปยืนยันการโอนเงินได้ ทำให้การใช้งานเป็นเรื่องสนุก และสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์
2.บัญชีหลักทรัพย์ต่างประเทศ บัญชีนี้ทำให้การลงทุนในหุ้นต่างประเทศทำได้อย่างง่ายดาย โดยใช้เงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 50 บาทก็สามารถเป็นเจ้าของหุ้นชื่อดังในต่างประเทศได้
นอกจากนี้ ยังอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรม เช่น ซื้อหุ้นต่างประเทศด้วยเงินบาทได้ หรือถ้าลูกค้าอยากแลกเงินบาทเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐเอง Dime! ก็จะแลกให้ทันที ไม่ต้องรอถึง 2 วันทำการ ผู้ลงทุนยังได้รับสิทธิพิเศษยกเว้นค่าคอมมิชชันเดือนละหนึ่งครั้งสำหรับการซื้อหรือขายครั้งแรกของทุกเดือน และรายการซื้อขายต่อไป ก็จะเก็บตามจริงที่ 0.15% ของมูลค่าซื้อหรือขาย ไม่มีค่าคอมมิชชันขั้นต่ำ และไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง เช่น ค่าธรรมเนียมโอนเงิน แลกเงิน หรือค่าธรรมเนียมยื่นแบบภาษี W-8BEN และที่พิเศษยิ่งกว่า คือ ลูกค้าที่เปิดบัญชีลงทุนภายในปี 2565 นี้ Dime! จะยกเว้นค่าคอมมิชชันให้ถึง 30 มิถุนายน 2566
3. บัญชีกองทุนรวม ซื้อขายกองทุนรวมได้ทุก บลจ. บัญชีกองทุนรวมของ Dime! สามารถลงทุนได้ทุกที่แบบไม่จำกัดค่าย โดยปัจจุบัน Dime! รวบรวมกองทุนรวมในไทยมากกว่า 1,700 กองทุน จาก 21 บลจ. ภายในปี 2565 ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการกระจายการลงทุน แต่ไม่มีเวลาติดตามหุ้นรายตัว และผู้ที่ต้องการซื้อกองทุนรวมเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี
นอกจากนี้ Dime! ยังมีการจัดหมวดหมู่รายชื่อกองทุนรวมที่น่าสนใจ ภายใต้ธีมต่าง ๆ ช่วยให้ผู้ลงทุนเห็นภาพรวมและตัดสินใจได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังมีบริการ Dime! Fast ที่ช่วยให้ผู้ลงทุนจะได้รับเงินคืนภายใน 2 วันทำการ หลังส่งคำสั่งขายหน่วยลงทุน รวดเร็วกว่าแบบปกติที่อาจต้องรอนานถึง 7 วันทำการ
เฉลิมวุฒิ ชมะนันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านเทคโนโลยี กล่าวว่า “จุดแข็งหนึ่งของ Dime! คือ แม้ว่าเราจะเป็นส่วนหนึ่งของสถาบันการเงิน แต่เรามีวัฒนธรรมองค์กรและกระบวนการทำงานแบบบริษัทเทคฯ สตาร์ตอัป เราได้รวบรวมผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีจากทั้งในและนอกวงการการเงิน มาร่วมกันออกแบบโครงสร้างเทคโนโลยี
โดยใช้สถาปัตยกรรมที่ทันสมัยและเป็นที่นิยมในปัจจุบัน และวางโครงสร้างทีมให้ทำงานได้อย่างคล่องตัว เราจึงสามารถออกแบบ สร้าง และเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ตอบโจทย์ผู้ลงทุนที่มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงอยู่อย่างต่อเนื่อง และสามารถขยายโครงสร้างพื้นฐานของระบบ เพื่อรองรับปริมาณรายการธุรกรรมของผู้ใช้งานที่จะเติบโตต่อไปได้ตามที่เราตั้งเป้าไว้”