
“HID เผยอุตสาหกรรมระบบรักษาความปลอดภัย พร้อมปรับตัวรับเทรนด์ระบบยืนยันตัวตนผ่านอุปกรณ์พกพา Biometrics และ AI
HID เปิดเผยรายงานฉบับล่าสุด ในหัวข้อ State of Security and Identity ที่ชี้ให้เห็นแนวโน้มเรื่องความปลอดภัยและการยืนยันตัวตนในปี 2025 ซึ่งเป็นผลการสำรวจกลุ่มตัวอย่างประกอบด้วย พันธมิตรคู่ค้ากว่า 1,800 ราย ผู้ใช้งานปลายทาง และบุคคลากรไอทีและระบบรักษาความปลอดภัยไซเบอร์จากทั่วโลก
ประเด็นสำคัญของผลการสำรวจเปิดเผยให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกที่ผู้ประกอบการธุรกิจให้ความสำคัญกับระบบรักษาความปลอดภัยอย่างมีนัยสำคัญ ในสามเรื่องหลัก นั่นคือ
ประการแรก ด้วยความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในด้านความปลอดภัยและเทคโนโลยีการระบุตัวตน องค์กรต่างๆ ได้นำเทคโนโลยีไบโอเมตริกซ์ ปัญญาประดิษฐ์ และโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วยซอฟต์แวร์ มาใช้เป็นกุญสำคัญเพื่อเข้าถึงข้อมูลประจำตัวหรือการปลดล็อกอื่นๆ ผ่านสมาร์ทโฟน เพื่อลดโอกาสเกิดภัยคุกคามและเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้น
ประการที่สอง แม้ว่าการนำมาใช้จะเพิ่มมากขึ้น แต่ยังมีความท้าทายอื่นๆ หลายประการ อาทิ ความซับซ้อนในการบูรณาการกับหลายๆ ระบบ การบริหารต้นทุน และความไว้วางใจในปัญญาประดิษฐ์ ที่ยังคงเป็นข้อพิจารณาหลัก
ประการที่สาม ทีมงานด้านความปลอดภัยและไอทีสามารถนำแนวโน้มจากงานรายงานฉบับนี้ เพื่อสร้างระบบที่มีความยืดหยุ่น ให้การทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ และนวัตกรรม เตรียมพร้อมสำหรับอนาคตมากขึ้น

ราเมช ซงกฤษณะสวามี รองประธานอาวุโสและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี ของ HID กล่าวว่า “อุตสาหกรรมระบบรักษาความปลอดภัย อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่การบูรณาการเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ากับโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่เดิมไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไปเนื่องจากแนวทางดังกล่าว กลายเป็นข้อปฏิบัติภาคบังคับไปแล้ว”
“นอกจากนี้การที่ร้อยละ 73 ของผู้นำด้านเทคโนโลยีระบบรักษาความปลอดภัย กำลังให้ความสำคัญต่อโซลูชันแบบรวมศูนย์ที่ขับเคลื่อนด้วยฮาร์ดแวร์ ชี้ว่าเรากำลังก้าวข้ามแนวทางแบบเดิมๆ วันนี้องค์กรธุรกิจต่างต้องการแพลตฟอร์มที่สามารถตอบโจทย์ได้ลงตัวควบคู่กับการให้ข้อมูลเชิงลึกที่นำมาปฏิบัติได้จริง”
ประเด็นที่น่าสนใจในรายงานดังกล่าวประกอบด้วย
การตอบรับเทคโนโลยีไบโอเมตริกและการยืนยันตัวตนผ่านอุปกรณ์พกพาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
จากการเติบโตอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีการยืนยันตัวตนผ่านอุปกรณ์พกพา ส่งผลให้ร้อยละ 61 ของผู้นำด้านเทคโนโลยีระบบรักษาความปลอดภัย กำลังให้ความสนใจต่อทิศทางการขยายตัวอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยีดังกล่าวในฐานะของเทรนด์เทคโนโลยีที่มีความน่าสนใจระดับสูงสุด ข้อนี้คือ สัญญาณที่บ่งชี้ถึงการก้าวข้ามแนวทางการเข้าถึงข้อมูลแบบเก่าๆ อย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้ กว่า 2 ใน 3 ของผู้นำเทคโนโลยีที่กล่าวถึงในข้างต้นก็กำลังอยู่ในระหว่างการกำหนดแผนออกโซลูชันสำหรับอุปกรณ์พกพาออกสู่ตลาด หรือบางรายก็กำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการออกโซลูชันดังกล่าว
ขณะเดียวกันความต้องการด้านเทคโนโลยี Biometric เช่น การสแกนลายนิ้วมือ การจดจำใบหน้า และการสแกนม่านตา ก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น โดยร้อยละ 35 ของผู้ตอบแบบสอบถามมีการใช้งานเทคโนโลยีไบโอเมตริกอยู่แล้ว ขณะที่ร้อยละ 13 อยู่ระหว่างการวางกลยุทธ์เพื่อเฝ้าดูทิศทางการเติบโตของเทคโนโลยีในด้านนี้
ความต้องการโซลูชันการจัดการความปลอดภัยแบบรวมศูนย์
จากการที่องค์กรธุรกิจต่างๆ นำเทคโนโลยีระบบรักษาความปลอดภัยที่หลากหลายมาใช้ร่วมกันในปัจจุบัน ร้อยละ 67 ของผู้นำเทคโนโลยีด้านระบบรักษาความปลอดภัย มีความพยายามในการปรับตัวเข้ามาใช้โซลูชันระบบรักษาความปลอดภัยที่ขับเคลื่อนด้วยซอฟต์แวร์
โดยอิงจากกรรมวิธีในการเก็บรวบรวมข้อมูลหลายแหล่งแบบรวมศูนย์ที่พวกเขามองว่าค่อนข้างสำคัญ หรือสำคัญอย่างยิ่งยวด (คิดเป็นร้อยละ 73) ต่อธุรกิจของพวกเขา
ความแพร่หลายของแพลตฟอร์มแบบเปิดที่มอบประสิทธิภาพในการบูรณาการแบบไร้รอยต่อ
ความสามารถในการทำงานร่วมกันของเทคโนโลยีกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีระบบรักษาความปลอดภัยภายในเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา อีกทั้งแนวโน้มยังคงดำเนินต่อไปในทิศทางที่ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบรักษาความปลอดภัยมากกว่าครึ่งระบุว่าโซลูชันระบบเปิดนั้นมีความสำคัญต่อองค์กรของพวกเขา
ให้ความสำคัญเชิงกลยุทธ์ต่อการบูรณาการโซลูชันแพลตฟอร์มต่างๆ ให้ทำงานร่วมกันมากกว่าการใช้งานแพลตฟอร์มที่ทำงานแบบแยกตัวอิสระ
กว่า 2 ใน 3 ขององค์กรธุรกิจ และร้อยละ 73 ของผู้ให้บริการด้านการประสานงานระหว่างระบบและบริษัทที่ปรึกษา ระบุ การเปลี่ยนผ่านสู่โซลูชันระบบรักษาความปลอดภัยที่ขับเคลื่อนด้วยซอฟต์แวร์ซึ่งเป็นสะพานเชื่อมโยงระหว่างฟังก์ชันการทำงานจากฮาร์ดแวร์ของตัวระบบและฟังก์ชันการทำงานแบบดิจิทัล
เช่น กล้องวงจรปิด ระบบควบคุมการเข้าถึงข้อมูล และระบบตรวจจับการบุกรุก ไปสู่การทำงานในรูปแบบของแพลตฟอร์มแบบรวมศูนย์ ทำให้เกิดการบูรณาการเพื่อยกระดับประสิทธิภาพของการทำงานมากขึ้น
นวัตกรรมทางเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทในการกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนผ่านอย่างมีนัยสำคัญ
เทคโนโลยีระบบรักษาความปลอดภัยอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่านที่ขับเคลื่อนโดยนวัตกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างมีนัยสำคัญ
โดยร้อยละ 77 ของพันธมิตรคู่ค้าเชื่อว่า พวกเขาสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนผ่านทั้งในด้านของ ความต้องการของผู้ใช้งานที่มีต่อ AI โซลูชันระบบคลาวด์ การบูรณาการด้านอุปกรณ์ IoT และเทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลระดับสูง ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ กำลังปรับเปลี่ยนรูปแบบความคาดหวังของลูกค้าที่มีต่อบริการที่พวกเขาจะได้รับ
ดังนั้น เหล่าผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและพร้อมที่จะปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่มีการยกระดับขึ้น พร้อมทั้งรักษาระยะของการเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นดิจิทัลให้ดำเนินควบคู่ไปกับภาคอุตสาหกรรมเทคโนโลยีระบบรักษาความปลอดภัยอีกด้วย
การปรับใช้เทคโนโลยี AI agent อย่างเร่งด่วนเพื่อเสริมประสิทธิภาพการปฏิบัติการของระบบรักษาความปลอดภัย
AI agent ได้รับความนิยมอย่างสูงจนมีการนำมาปรับเพื่อเสริมประสิทธิภาพรองรับการใช้งานปฏิบัติการของระบบรักษาความปลอดภัยอย่างเร่งด่วน โดยเห็นได้จากปริมาณการใช้งานเทคโนโลยีดังกล่าวที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วทั้งในด้าน การควบคุมการเข้าถึงข้อมูล การบริหารจัดการข้อมูลบุคคล งานภาพเคลื่อนไหว และแพลตฟอร์มการบริหารจัดการระบบรักษาความปลอดภัย
องค์กรธุรกิจจะพบว่าประโยชน์ที่ได้จากการใช้เทคโนโลยี AI agent โดยตรงได้แก่ การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและความคล่องตัวของกระบวนการในระบบรักษาความปลอดภัย (คิดเป็นร้อยละ 50) และเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่ความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลของระบบแบบเรียลไทม์ (คิดเป็นร้อยละ 47)
เน้นย้ำอย่างต่อเนื่องถึงความยั่งยืนผ่านการตัดสินใจลงทุนและจัดสรรงบประมาณในระบบรักษาความปลอดภัย
แนวทางความยั่งยืนยังเป็นปัจจัยสำคัญต่อการตัดสินใจลงทุนด้านระบบรักษาความปลอดภัย โดยร้อยละ 75 ของบรรดาผู้นำเทคโนโลยีระบบรักษาความปลอดภัยในปัจจุบันให้ความสนใจต่อแนวทางดังกล่าวและนำมาประกอบการพิจารณาเลือกโซลูชันด้วย
อย่างไรก็ตาม ความยั่งยืนยังไม่ถือเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดเมื่อธุรกิจต้องพิจารณาโซลูชันใหม่ เนื่องจากความมั่นคงและความคุ้มค่าต่องบประมาณยังเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านการประสานงานระบบและผู้ให้บริการด้านคำปรึกษา กว่าร้อยละ 80 ที่สนับสนุนปัจจัยดังกล่าว
AI for Security และ Security for AI ในมุมของเทคโนโลยีการยืนยันตัวตน
ผู้สื่อข่าวถามเพิ่มว่า ในมุมมองของเทคโนโลยีความปลอดภัยและการยืนยันตัวตน ความสำคัญของแนวคิด AI สำหรับการรักษาความปลอดภัย และ การสร้างความปลอดภัยสำหรับ AI มีความแตกต่างอย่างไร
ราเมช อธิบายว่า “ข้อแรก Al for Security หมายถึง การใช้ Al เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมของโซลูชันความปลอดภัยหรือลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย ที่สามารถนำมาลดช่วยทำงาน การสแกนหาความเสี่ยงต่างๆ หรือมองหาความผิดปกติแทนที่การใช้คน”
“ยกตัวอย่างเรื่อง ความปลอดภัยและการยืนยันตัวตน โดยการใช้เทคนิค Al ขั้นสูงเพื่อตรวจจับความผิดปกติแบบเรียลไทม์ หรือการกำหนดรูปแบบพฤติกรรมบางอย่างในอาคารหรือในพื้นที่และสิ่งต่างๆ นั่นคือ Al สำหรับการรักษาความปลอดภัย”
“ขณะที่ในอีกแง่มุมคือ Security for AI ซึ่งหมายถึงการใช้ AI อย่างมีความปลอดภัย คำถามคือ คุณจะมั่นใจได้อย่างไรว่า ระบบ Al นั้นให้การคาดการณ์ที่เชื่อถือได้มากขึ้น หรือช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างน่าเชื่อถือ นั่นคือ คุณต้องแน่ใจได้ว่า มีการใช้ข้อมูลที่ถูกต้องและเข้าใจแนวทางบางประการที่คุณจะให้กับระบบ Al เพื่อให้ทำงานด้วยโมเดลการทำนายที่ดีพอสมควรในขณะเดียวกันก็เข้าใจข้อจำกัดด้วย”
“โมเดล Al ใดๆ ก็มีข้อจำกัดบางประการ หากคุณใช้โมเดล Al คุณควรทราบข้อจำกัดของโมเดล Al เหล่านั้น การมีอคติใดๆ หรือไม่ จากนั้นนำอคตินั้นมาพิจารณารวมด้วย นี่คือสิ่งที่คำนึงถึงเมื่อมีโอกาสใช้งาน AI ด้านความปลอดภัยโดยเรื่องความปลอดภัยและการยืนยันตัวตน” ราเมซ กล่าวปิดท้าย
Featured Image: Image by freepik