Thursday, September 19, 2024
AIArticlesColumnistManagementSansiri Sirisantakupt

2 ทักษะที่จำเป็นสำหรับทุกคน เพื่อการทำงานในยุคของ AI

มนุษย์ ต้องเตรียมพร้อมอย่างไรในโลกที่เครื่องจักรจะทำงานหลายอย่างที่เราเคยผูกขาดไว้ และที่สำคัญ มนุษย์ จำเป็นจะต้องมีทักษะอะไรบ้าง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะยังคงมีความสำคัญ และยังสามารถสร้างคุณค่าได้ในอนาคต

นอนาคตอันใกล้นี้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะทำให้การทำงานนั้นแตกต่างไป จากเดิม ด้วยข้อมูลจาก World Economic Forum ที่ได้ระบุก่อนปี ค.ศ.2030 จะมีงาน 85 ล้านตำแหน่งที่ได้รับผลกระทบจาก AI อีกทั้งจะมีการสร้างงานใหม่ๆ หลายล้านตำแหน่งที่ยังไม่มีอยู่ 

โลกที่การเปลี่ยนแปลงกำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนั้น ทักษะของบุคลากร ต่างหากที่จะเป็นตัวกำหนดคุณค่าของบุคลากรได้มากกว่าการศึกษา, ประวัติการทำงาน หรือความสำเร็จที่เกิดในอดีต

ปัจจุบันในทางปฏิบัตินายจ้างจะไม่ค่อยสนใจกับสิ่งที่บุคลากรรู้ หรือประสบความสำเร็จในอดีตมากนัก แต่ให้ความสนใจว่าบุคลากรเหล่านั้น จะนำความรู้และความสามารถไปประยุกต์ปรับใช้ (Apply knowledge and abilities) สำหรับการแก้ปัญหาทางธุรกิจในยุคใหม่ได้อย่างไร 

สิ่งนี้จะมีความหมายหลายอย่างมากในยุคของ AI_อาทิ เหล่าบุคลากรต้องเตรียมพร้อมอย่างไรในโลกที่เครื่องจักรจะทำงานหลายอย่างที่มนุษย์เคยผูกขาดไว้ และที่สำคัญบุคลากรจำเป็นจะต้องมีทักษะ (Skills) อะไรบ้าง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าบุคลากรเหล่านั้นยังคงมีความสำคัญ อีกทั้งยังสามารถสร้างคุณค่าได้ในอนาคต 

โดยบทความในฉบับมีมุมมองและรายละเอียดที่น่าสนใจดังนี้ 

ทักษะที่จำเป็น 2 ประการเพื่อการทำงานในยุคของ AI

เชื่อกันว่าทักษะ (Skill) ที่จำเป็นในการคงความเกี่ยวข้องในอนาคตนั้น ถูกแบ่งออกเป็น 2 ประการ กล่าวโดยทั่วไปสามารถเรียกทักษะเหล่านี้ว่า ทักษะทาง AI (AI skills) และทักษะทางสังคมของมนุษย์ (Human soft skills) 

ประการแรก ทักษะทาง AI การมีทักษะทาง_AI ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องเป็นวิศวกร_AI หรือนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลเสมอไป แต่ทักษะนี้เกี่ยวข้องกับความสามารถในการใช้ AI_ได้อย่างมีประสิทธิภาพ, การเพิ่มพูนความรู้ของผู้ใช้ และการดูแลผลลัพธ์ของ_AI 

ทั้งนี้ยังหมายถึงการเป็นผู้ร่วมงาน, การเป็นผู้มอบหมายงาน และการเป็นหัวหน้างาน_AI ที่มีประสิทธิภาพ เมื่อ AI เข้ามามีบทบาทมากขึ้น ความสามารถในการระบุและใช้เครื่องมือที่ดีที่สุดจะมีความสำคัญอย่างยิ่งในทุกๆ อาชีพ 

บทความโดย: น.อ.สรรสิริ สิริสันตคุปต์ นักวิชาการกองทัพอากาศ เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการรักษาความมั่นคงปลอยภัย ด้านอวกาศและไซเบอร์

ประการที่สอง การมีทักษะทางสังคมของมนุษย์ กล่าวได้คือเป็นความ สามารถที่_AI ยังทำไม่ได้ หรือไม่สามารถทำได้ดีเท่ากับมนุษย์ ทักษะเหล่านี้มีรากฐานมาจากคุณสมบัติที่ทำให้มนุษย์นั้นประสบความสำเร็จอย่างมาก ในแง่วิวัฒนาการทักษะเหล่านี้ช่วยให้มนุษย์ทำงานร่วมกัน

แก้ปัญหาที่ซับซ้อนโดยใช้ข้อมูลที่หลากหลาย, นำทางสถานการณ์ทางสังคม, แก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์, ประเมินความคืบหน้าอย่างมีวิจารณญาณ และสร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์กับผู้อื่น 

เมื่อเหล่าเครื่องจักรมีความสามารถมากขึ้นด้วย_AI ซึ่งเข้ามาดูแลงานด้านเทคนิคจำนวนมาก มูลค่าของทักษะทางสังคมของมนุษย์ หรือความสามารถเฉพาะตัวของมนุษย์เหล่านี้ ถือเป็นสิ่งที่เครื่องจักรนั้นยังไม่สามารถทำได้ จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ 

ทักษะทั้ง 2 ประการนี้ มีการเสริมซึ่งกันและกัน ด้วยการพัฒนาทักษะทั้ง 2 ประการควบคู่กันไปนั้น จะกลายเป็นกุญแจที่สำคัญในการสร้างทักษะที่พร้อมใช้เพื่อการทำงานในยุคของ_AI ด้วยข้อมูลทำให้เข้าใจได้ดีขึ้นว่าปัญญาประดิษฐ์ จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงตลาดแรงงานของผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีอย่างไร

ในกลุ่มอุตสาหกรรมชั้นนำ (The_AI-Enabled ICT Workforce Consortium) ที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นเปิดใช้งานด้วย_AI เช่น บริษัท Cisco, Google, IBM, Intel และ Microsoft ได้เผยแพร่รายงานฉบับแรกในชื่อ โอกาสของปัญญาประดิษฐ์ในการเปลี่ยนแปลงงานด้านไอซีที (The Transformational Opportunity of_AI on ICT Jobs) ที่เผยให้เห็นว่างานด้านไอซีที 92% จะได้รับการเปลี่ยนแปลง (Transformation) เกิดขึ้นในระดับสูงลงถึงระดับกลาง 

เนื่องมาจากงานที่ใช้แรงงานมนุษย์มีความเกี่ยวข้องที่น้อยลง ซึ่งสามารถแทนที่ได้ง่ายด้วยความก้าวหน้าของปัญญาประดิษฐ์ โดยคาดว่าจริยธรรมของ_AI, AI_ที่มีความรับผิดชอบ, วิศวกรรมที่รวดเร็ว, ความรู้ด้าน_AI และสถาปัตยกรรมโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) จะมีความสำคัญที่มากขึ้นในยุคใหม่นี้ ในขณะที่การจัดการข้อมูลในแบบดั้งเดิม, การสร้างเนื้อหา, การบำรุงรักษาเอกสาร, การเขียนโปรแกรมและภาษาพื้นฐาน 

อีกทั้งข้อมูลการวิจัยจะมีความเกี่ยวข้องที่น้อยลง นั่นเป็นเหตุผลทำไมรายงานดังกล่าวได้ระบุว่า ทักษะนั้นสำคัญเป็นสิ่งที่ต้องนำมาใช้ในงานด้าน IT ทั้งหมด รวมถึงความรู้ด้าน_AI, การวิเคราะห์ข้อมูล และวิศวกรรมที่รวดเร็ว (Rapid engineering) 

จึงเป็นที่มาว่าทำไมกลุ่มอุตสาหกรรมชั้นนำ (The AI-Enabled ICT Workforce Consortium) ได้พยายามส่งเสริมให้บุคลากรสามารถฝึกฝนทักษะใหม่และเพิ่มทักษะ (Reskill & Upskill) ซึ่งได้รับคำแนะนำจากสหพันธ์แรงงานอเมริกันและสภาองค์กรอุตสาหกรรม (AFL-CIO), คนงานสื่อสารแห่งอเมริกา (CWA) และสมาคมฝึกอบรมอาชีวศึกษายุโรป (EVTA)

ฟรานซีน คาซูดาส ผู้อำนวยการฝ่ายบุคลากร, นโยบาย และวัตถุประสงค์ของ Cisco ในตำแหน่งบริษัทผู้นำกลุ่มอุตสาหกรรมชั้นนำ กล่าว “AI_ถือเป็นโอกาสที่ไม่เคยมีมาก่อนสำหรับเทคโนโลยีที่จะให้ประโยชน์ต่อมนุษยชาติในทุกๆ ด้าน ที่สำคัญนั้นกลุ่มอุตสาหกรรมชั้นนำอย่าง บริษัท Cisco, Google, IBM, Intel และบริษัท Microsoft ได้ตั้งใจแน่วแน่ที่จะทำให้แน่ใจว่า เหล่าบุคลากรจะไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง”

โดยร่วมมือกันในการฝึกอบรมทักษะให้แก่เหล่าบุคลากร อันมีรายละเอียดดังนี้ 

Cisco: จะฝึกอบรมทักษะทางดิจิทัลและความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้แก่ บุคลากรจำนวน 25 ล้านคนภายในปี ค.ศ.2032

IBM: จะฝึกอบรมทักษะทางดิจิทัลให้แก่บุคลากรจำนวน 30 ล้านคน ภายในปี ค.ศ.2030 รวมถึงทักษะทาง AI จำนวน 2 ล้านคนภายในสิ้นปี ค.ศ.2026

Intel: จะฝึกอบรมทักษะทาง_AI ให้แก่บุคลากรมากกว่า 30 ล้านคนสำหรับงานในปัจจุบันและอนาคต ภายในปี ค.ศ.2030

Microsoft: จะฝึกอบรมและรับรองทักษะทางดิจิทัลให้แก่บุคลากร ในจำนวน 10 ล้านคน ภายในปี ค.ศ.2025 (อ้างสามารถบรรลุเป้าหมาย ทำได้เร็วกว่าที่กำหนดไว้หนึ่งปี) 

Google: จะจัดสรรเงินมากกว่า 130 ล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนการฝึกอบรมและทักษะทาง_AI ให้แก่บุคลากรในสหรัฐอเมริกา, ยุโรป, แอฟริกา, ละตินอเมริกา และเอเชียแปซิฟิก

ข้อคิดที่ฝากไว้ 

ทักษะหนึ่ง (One skill) ที่อาจมากกว่าทักษะอื่นๆ ที่จะกำหนดว่า มนุษย์เราจะยังคงมีความสำคัญในยุคของ AI หรือไม่นั้น คือความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงและเรียนรู้ที่จะต้องปรับปรุงกันอย่างต่อเนื่อง เทคโนโลยีกำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง 

และ AI_ที่จะพร้อมใช้งานในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้มีแนวโน้มว่า จะก้าวไปไกลเกินกว่าที่มนุษย์จะจินตนาการได้ในตอนนี้ไม่ว่าจะเตรียมตัวอย่างระมัดระวังเพียงใด_AI ก็จะสร้างความประหลาดใจให้ได้เสมอดังนั้นความสามารถในการปรับตัว และอัปเดตความรู้อันรวมถึงทักษะของมนุษย์ให้ทันสมัยนั้น

จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง นี่ไม่ใช่แค่การก้าวให้ทันเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังเป็นการพัฒนานิสัยที่มุ่งเน้นในการเปลี่ยนแปลง (A change-oriented mindset) ซึ่งจะช่วยให้มนุษย์เราทำงานได้อย่างต่อเนื่องขณะที่โลกมีความซับซ้อนและไม่แน่นอนมากขึ้น (More complex and uncertain)

เมื่อหันมองในส่วนของการให้ความสำคัญกับรูปแบบของการศึกษาตามช่วงวัยนั้น ปัจจุบันกำลังล้าสมัยลงเรื่อยๆ ต่างจากการแสวงหาโอกาสในการเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่อง ได้กลายเป็นส่วนที่สำคัญในโลกปัจจุบัน 

หากองค์กรเน้นความพยายามในการพัฒนาทักษะของบุคลากรและพัฒนานิสัยให้ยอมรับในการเปลี่ยนแปลงอันรวมถึงการเรียนรู้ตลอดชีวิต องค์กรก็จะมีโอกาสที่ดีได้พบกับความรุ่งเรืองในยุคของ_AI

อ่านบทความทั้งหมดของ ..สรรสิริ สิริสันตคุปต์

Featured Image: Image by freepik